HIFEM สร้างซิคแพค สร้างกล้ามเนื้อ กระชับกล้ามเนื้อ แบบเร่งด่วน
อยากหุ่นเฟิร์ม มีซิกซ์แพ็ก มีหน้าท้องที่กระชับทรงสวย แต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย หรือแม้จะมีเวลา ร่างกายอยู่ในภาวะที่ไม่แข็งแรงพอจะออกกำลังกายหนักๆ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องอย่างใครเขาได้
วันนี้หมอเลยมีวิธีการสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นผลไวมากมาฝากทุกคน นั่นคือ การทำ HIFEM เพิ่มกล้ามเนื้อหน้าท้องซึ่ง HIFEM คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ทำ HIFEM ปลอดภัยต่อร่างกายไหม ทำตรงไหนได้บ้าง ผลลัพธ์หลังทำจะเป็นอย่างไร บทความนี้หมอมีคำตอบมาให้แล้ว
HIFEM คืออะไร
HIFEM หรือชื่อเต็ม High-Intensity Focused Electro-Magnetic คือ นวัตกรรมการสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า โดยหมอจะใช้วิธียิง HIFEM เข้าสู่ชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อหน้าท้องเกิดการหดเกร็งและคลายตัวซ้ำ ๆ ต่อเนื่องกัน เป็นผลให้กล้ามหน้าท้องทำงานหนัก จนเกิดเป็นเส้นกล้ามเนื้อที่แข็งแรงขึ้น หนาขึ้น และมีขนาดใหญ่ขึ้น
นอกจากนี้ HIFEM ยังช่วยเพิ่มกล้ามเนื้อหน้าท้องให้กลายเป็นซิกซ์แพ็กได้โดยไม่ต้องออกกำลังกาย ช่วยเผาผลาญพลังงาน ทำให้ร่างกายสามารถดึงไขมันสะสมมาใช้อย่างเต็มที่ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถใช้สำหรับลดไขมันหน้าท้องไปพร้อมกับการสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องได้
HIFEM มีหลักการทำงานอย่างไร
อย่างที่หมอพูดมาข้างต้น หมอจะใช้เครื่องยิง HIFEM หรือที่เรียกว่าเครื่อง EmSculpt ยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าสู่ชั้นผิวหนังลงไปยังกล้ามเนื้อ เพื่อกระตุ้นให้ระบบประสาทสั่งการให้กล้ามเนื้อหดเกร็งและคลายตัวซ้ำๆ ต่อเนื่องกัน โดยกล้ามเนื้อจะหดเกร็งอย่างหนักในรูปแบบ Supramaximal Contraction ซึ่งมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับการซิตอัป 20,000 ครั้งเลยทีเดียว
เรียกได้ว่า HIFEM เป็นวิธีสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องที่จำลองมาจากการขยับกล้ามเนื้อเวลาออกกำลังกาย แต่ผลลัพธ์ที่ได้ยิ่งกว่าการออกกำลังกายลดหน้าท้องด้วยตัวเองเสียอีก เพราะ HIFEM ช่วยกระตุ้นกล้ามเนื้อให้หดและคลายตัวได้มากถึง 36,000 ครั้งใน 30 นาที หมอจึงแนะนำวิธี HIFEM ไว้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่ต้องการกระชับกล้ามเนื้อ เพิ่มมวลกล้ามเนื้อหน้าท้อง และลดไขมันหน้าท้อง
HIFEM มีความปลอดภัยต่อร่างกายไหม ?
พูดมาถึงตรงนี้ หมอเชื่อว่าหลายคนคงมีคำถามในใจ วิธีสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องที่เห็นผลเร็วขนาดนี้จะปลอดภัยต่อร่างกายไหม ซึ่งหมอขอตอบเลยว่า เดิมหลักการทำงานของ HIFEM มีไว้เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยที่เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงและกล้ามเนื้อแยกตัวออกจากกันมาก่อน จากนั้นก็ได้พัฒนาขึ้นเพื่อใช้ในด้านความงาม
ดังนั้น HIFEM จึงมีความปลอดภัย เพราะใช้ในทางการแพทย์อยู่แล้ว อีกทั้งยังมีงานวิจัยรองรับว่าปลอดภัย และได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย
HIFEM ทำตรงไหนได้บ้าง
หมอจะใช้ HIFEM กระตุ้นกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่ไขมันมักจับตัวกันเป็นก้อน และบริเวณที่มีกล้ามเนื้อ ซึ่งส่วนของร่างกายที่นิยมทำ HIFEM ได้แก่
- กล้ามเนื้อต้นแขน
- กล้ามเนื้อหน้าท้อง
- กล้ามเนื้อก้น
- กล้ามเนื้อสะโพก
- กล้ามเนื้อต้นขา
- กล้ามเนื้อน่อง
เตรียมตัวอย่างไรก่อนการทำ HIFEM
เนื่องจาก HIFEM เป็นวิธีการสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องและวิธีลดไขมันหน้าท้องที่ไม่ต้องผ่าตัด จึงไม่ต้องงดอาหารและเตรียมตัวอะไรมาก เพียงแต่ก่อนทำ HIFEM หมออยากให้ปฏิบัติตัวดังนี้
- เลือกคลินิกรักษาที่น่าเชื่อถือ ผ่านการรับรอง และใช้เครื่อง EmSculpt ที่ได้มาตรฐาน
- ตรวจสุขภาพให้ละเอียดก่อนทำ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่เป็นโรคที่ทำให้เกิดผลข้างเคียงหากได้รับการ กระตุ้นด้วยไฟฟ้า
- พบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับรายละเอียดด้านสุขภาพและแนวทางการทำ HIFEM
ผลลัพธ์ของการทำ HIFEM
หลังจากทำ HIFEM ตั้งแต่ 2 สัปดาห์แรก จะเห็นกล้ามเนื้อที่ชัดขึ้น กล้ามเนื้อบริเวณที่ทำมีความกระชับ ได้สัดส่วน โดยผลลัพธ์ของการทำ HIFEM ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย อายุ และการดูแลตัวเองหลังทำของแต่ละคน ซึ่งหลังทำ HIFEM อย่างต่อเนื่องจนครบคอร์สจะให้ผลลัพธ์ที่ดี ดังนี้
- เพิ่มกล้ามเนื้อหน้าท้องได้ถึง 16%
- เส้นกล้ามเนื้อหน้าท้องมีขนาดใหญ่และแข็งแรงขึ้น
- ทำให้เกิดซิกซ์แพ็กได้ หากทำอย่างต่อเนื่อง
- ทำให้ระบบเผาผลาญพลังงานและระบบเผาผลาญไขมันทำงานได้ดี
- ทำให้เซลล์ไขมันบริเวณหน้าท้อง (Lose Fat) ลดลงถึง 44%
- กระตุ้นระบบการไหลเวียนของเลือดและน้ำเหลือง
- มีความปลอดภัย ไม่มีผลข้างเคียง ไม่ทำลายเนื้อเยื่อบริเวณที่ทำ
- หลังทำ HIFEM สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องพักฟื้น
การทำ HIFEM สร้างกล้ามเนื้อเหมาะสำหรับใครบ้าง
ตามปกติแล้ว หมอจะทำ HIFEM ให้กับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ซึ่งหมอจะพิจารณาอย่างละเอียดจากสภาพร่างกายของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นสัดส่วน น้ำหนัก ส่วนสูง มวลกล้ามเนื้อ ปริมาณไขมัน และค่า BMI โดยการทำ HIFEM เหมาะกับคนเหล่านี้
- ผู้ที่กล้ามเนื้ออ่อนแรง และต้องบำบัดด้วยการกระตุ้นกล้ามเนื้อ
- ผู้ที่อยากมีกล้ามหน้าท้อง ต้องการกระชับรูปร่าง และกำจัดไขมันส่วนเกิน
- ผู้ที่มี BMI ไม่น้อยกว่า 25
- ผู้ที่ต้องการรักษาอาการกล้ามเนื้อหน้าท้องแยก เช่น คุณแม่หลังคลอด เป็นต้น
- ผู้ที่มีอาการกล้ามเนื้อบาดเจ็บ หรือมีปัญหาด้านการเคลื่อนไหว ทำให้ไม่สามารถออกกำลังกายได้
- ผู้ที่มีอาการ Office Syndrome
ส่วนบุคคลที่ไม่ควรทำ HIFEM ในการสร้างกล้ามเนื้อ เพราะคลื่นไฟฟ้าอาจส่งผลกระทบจนเกิดผลข้างเคียงได้ ได้แก่
- ผู้หญิงมีครรภ์
- ผู้มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับโรคหัวใจ และผู้ที่เคยผ่าตัดใส่อุปกรณ์ที่ควบคุมการเต้นของหัวใจ
- ผู้ที่เคยผ่าตัดใส่โลหะในร่างกาย
- ผู้ที่มีบาดแผลจากการผ่าตัดในบริเวณที่ต้องการทำ HIFEM
ทำ HIFEM สร้างกล้ามเนื้อเจ็บไหม ?
ขณะที่ทำ HIFEM สร้างกล้ามเนื้อหน้าท้องผู้รักษาจะไม่มีรู้สึกเจ็บใดๆ ทั้งยังไม่รู้สึกร้อนหรือแสบบริเวณที่ทำ เพียงแต่อาจจะรู้สึกถึงกล้ามเนื้อที่หดเกร็งและคลายตัวอย่างต่อเนื่องกันจากการถูกกระตุ้นกล้ามเนื้อ
ทั้งนี้ หลังจากที่หมอทำ HIFEM ให้จะมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเล็กน้อย ซึ่งจะให้ความรู้สึกเหมือนเราเพิ่งได้ออกกำลังกายลดหน้าท้องอย่างหนักมา แต่ความจริงนั้นเรานอนอยู่เฉยๆ นอกจากนี้การทำ HIFEM ยังไม่ทำให้เกิดแผลหลังการรักษาด้วย
ทำ HIFEM สร้างกล้ามเนื้อกี่ครั้งเห็นผล ? ต้องทำบ่อยแค่ไหน
การทำ HIFEM ในแต่ละครั้งหมอจะใช้คลื่นไฟฟ้ากระตุ้นกล้ามเนื้อเป็นเวลา 30 นาที ซึ่งโดยทั่วไป หมอจะแนะนำให้ทำอย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 ครั้ง ติดต่อกัน 2-4 สัปดาห์ รวมเป็น 1 คอร์ส
ตามปกติแล้ว หมอแนะนำให้ทำ HIFEM เพื่อสร้างกล้ามเนื้อทั้งหมด 4-8 ครั้ง ทั้งนี้ จำนวนครั้งที่ทำ HIFEM หมอจะพิจารณาจากสัดส่วน น้ำหนัก ส่วนสูง มวลกล้ามเนื้อ ปริมาณไขมัน รวมถึงค่า BMI ดังนั้น 1 คอร์สของแต่ละคนอาจจะมีจำนวนครั้งที่ไม่เท่ากัน และเพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ดี ควรทำ HIFEM ซ้ำทุก ๆ 3-6 เดือน เพื่อให้กล้ามเนื้อได้รับการกระตุ้นอย่างสม่ำเสมอ
การทำ HIFEM สร้างกล้ามเนื้อที่ช่วยให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
การทำ HIFEM สร้างกล้ามเนื้อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น หมอแนะนำว่า ถ้ามีเวลาควรทำพฤติกรรมดังต่อไปนี้ควบคู่ไปด้วย เพื่อให้กล้ามเนื้อกระชับ คงรูปอยู่ได้นาน และลดการสะสมของไขมันส่วนเกิน
1. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายลดหน้าท้องอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้ระบบเผาผลาญไขมันในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังช่วยให้เลือดลมในร่างกายไหลเวียนได้ดี ส่งผลให้สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรงสุขภาพดีอยู่เสมอ
โดยวิธีออกกำลังกายที่สามารถทำเองได้ง่าย ๆ หมอแนะนำประเภทการทำคาร์ดิโอ (Cardio Exercise) อย่างการเดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก การทำแพลงก์ (Plank) การทำครันช์ (Crunch) หรือการยกเวท เป็นต้น ซึ่งหมอแนะนำว่าควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที/วัน
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่ช่วยลดไขมัน
หากคิดว่าทำ HIFEM เป็นวิธีเพิ่มกล้ามเนื้อหน้าท้องและลดไขมันหน้าท้องที่ง่ายสบาย จนละเลยพฤติกรรมการกินอาหาร หมอจึงอยากจะแนะนำให้งดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน และอาหารที่มีโซเดียมสูง และควรกินอาหารดังต่อไปนี้
- อาหารที่มีไฟเบอร์สูง อย่างผักผลไม้ เนื่องจากไฟเบอร์เป็นกากใยที่ช่วยให้เราอิ่มท้อง ลดอาการอยากอาหาร ลดกรดไขมัน ลดอัตราการสะสมของไขมัน จึงทำให้อาหารที่ให้ไฟเบอร์สูงสามารถช่วยลดไขมันหน้าท้องได้
- อาหารที่ให้ไขมันดี อย่างเนื้อปลาที่มี Omega3 เพราะ Omega3 เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน มีฤทธิ์ช่วยสลายไขมันไม่ดีออกจากร่างกาย ทำให้ไขมันไม่ดีที่สะสมอยู่สลายหายไปได้
- ถั่วชนิดต่าง ๆ เนื่องจากถั่วมีโปรตีนสูง และช่วยกระตุ้นระบบการเผาผลาญไขมันในร่างกาย คนลดน้ำหนักหรือต้องการลดไขมันจึงนิยมกินถั่วเป็นขนมระหว่างมื้อ เพื่อให้อิ่มท้อง ไม่เกิดความรู้สึกอยากอาหารบ่อย
สรุป
HIFEM เป็นวิธีการสร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง กระชับสัดส่วน และลดไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องออกกำลังกาย ซึ่งเห็นผลเร็ว ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ เหมาะอย่างมากสำหรับคนที่ต้องการมีหุ่นเฟิร์ม แต่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย
สำหรับใครสนใจเพิ่มกล้ามเนื้อหน้าท้องด้วยวิธีนี้ หมอจะพิจารณาจำนวนครั้งการรักษาจากสัดส่วนต่าง ๆ และค่า BMI เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุดกับตัวบุคคลนั้น ๆ หากมีข้อสงสัยอยากพูดคุยกับหมอเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำ HIFEM สร้างกล้ามเนื้อหน้าท้อง สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรศัพท์ 090-970-0447 ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย
Leave a Reply
Want to join the discussion?Feel free to contribute!