ใต้ตาดำคล้ำ ดูไม่สดชื่น แก้ปัญหาด้วยฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มเพื่อความสมบูรณ์ของสารสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง การฉีดฟิลเลอร์ลงในบริเวณใกล้ตาจะช่วยปรับปรุงสภาพเนื้อเยื่อผิวหนังรอบตาได้ และทำให้มีการยกกระชับในบริเวณใต้ตา ซึ่งช่วยลดอาการใต้ตาดำ เพื่อให้กลับมาเต่งตึง ลดรอยหมองคล้ำบริเวณใต้ตาได้
สาเหตุการเกิดใต้ตาดำคล้ำ
สาเหตุการเกิดใต้ตาดำคล้ำ นั้นอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนในร่างกาย การพักผ่อน สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เป็นต้น
อายุ
เมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายจะเริ่มสลายลง ซึ่งรวมถึงเนื้อเยื่อผิวหนังใต้ตาที่บอบบาง ไขมันและคอลลาเจนลดลง ทำให้เส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังด้านใต้ตาแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกสามารถสะสมตัวได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดการคล้ำของตา ซึ่งสามารถเห็นได้เป็นเส้นๆ หรือวงๆ ที่มีสีม่วงหรือน้ำตาลอ่อนๆ ตามรอยประสาทผิวหนังที่อยู่ใต้ตา
โรคภูมิแพ้
ขอบตาดำจากโรคภูมิแพ้ การที่ผิวบริเวณใต้ดวงตามีสีดำคล้ำจากโรคภูมิแพ้ โดยมักจะเกิดจากภูมิแพ้จมูกอักเสบ หรือภูมิแพ้ตา ผู้ป่วยภูมิแพ้จมูกอักเสบมักจะมีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก คันจมูก และจาม ผู้ป่วยที่มีอาการคัดจมูกเรื้อรัง เยื่อบุจมูกมักจะบวม การบวมจะทำให้เลือดดำไหลผ่านได้ยาก เลือดดำจึงคั่งอยู่บริเวณใต้ตาล่างทำให้ผิวบริเวณใต้ตาล่างดำนั่นเอง
การพักผ่อนไม่เพียงพอ
ทำให้ผิวซีดจางและดวงตาบุ๋มลึกมากขึ้นจนสามารถสังเกตเห็นรอยคล้ำใต้ตาได้ชัดเจน
การขาดน้ำ
เมื่อร่างกายนั้นไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอตามปริมาณที่ต้องการ เซลล์ผิวก็อาจจะไม่กระจ่างใสและส่งผลให้รอยดำคล้ำใต้ตาชัดเจนยิ่งขึ้น
สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่นั้นเป็นอีกสาเหตุทำให้ใต้ตาดำยิ่งขึ้น รวมไปถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งอาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตา
แสงแดด
แสงแดดนั้นเป็นอีกปัญหาที่กระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีที่ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น จนผิวหน้าบริเวณขอบตาดำคล้ำขึ้นได้
วิธีแก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำ
การพักผ่อนให้เพียงพอ
จะช่วยลดความเครียดและการใช้สายตาเป็นเวลานาน ๆ รวมถึงช่วยลดการเหนื่อยล้าและอาการอ่อนเพลียด้วยได้
การดื่มน้ำให้มาก
ช่วยเสริมสร้างความชุ่มชื้นของตาได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพสายตา
การรับประทานยา วิตามิน
ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของสายตาและและบำรุงสุขภาพสายตา วิตามิน Aช่วยป้องกันและรักษาภาวะสายตาสั้น เสริมสร้างการมองเห็นในสภาวะที่มีแสงน้อย , วิตามิน Cสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของสายตา โดยเฉพาะเมื่อเป็นผลของการติดต่อกับแสง UV และสารเคมี,วิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของสายตาและเสริมสร้างเนื้อเยื่อสายตาได้ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยลดการเสื่อมสภาพของสายตา ลดความเสียหายจากแสง UV และสารเคมี มีอยู่ในอาหารหลากหลาย เช่น ผักผลไม้สด ถั่วเหลือง และเนื้อสัตว์
การประคบเย็น
ช่วยบรรเทาอาการตาอักเสบและการบวมของเนื้อเยื่อในสายตาได้ โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นแล้ววางบนตาปิดสนิท สามารถทำได้หลายครั้งต่อวัน โดยหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็นจนเย็นแช่งเพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายกับสายตา
หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่
เพื่อไม่ให้เกิดเส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา
การใช้เลเซอร์
เพื่อกระชับผิวหนังที่หย่อนยาน กำจัดผิวหนังส่วนเกินของถุงใต้ตา และทำลายเม็ดสีบริเวณใต้ดวงตาที่เป็นรอยดำคล้ำ เลเซอร์จะส่งแสงที่มีความเข้มข้นและความถี่สูงเข้าไปยังชั้นหนังใต้ผิวหนัง และทำลายเซลล์ผิวหนังเก่า ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ ทำให้ผิวกระชับขึ้น และช่วยลดเลือนริ้วรอยและให้ร่องลึกใต้ตาจางลงได้
การฉีดฟิลเลอร์
สารที่มีส่วนผสมของสารพาราไดอะมิด ซึ่งจะช่วยยกกระชับส่วนที่คล้ำของผิวใต้ตา และช่วยลดรอยคล้ำ การเติมฟิลเลอร์ลงใต้ผิวหนัง ซึ่งจะช่วยกระชับผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ ทำให้แถบผิวใต้ตาดูสม่ำเสมอและเรียบเนียนขึ้น
ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ไขปัญหาตาคล้ำหรือถุงใต้ตาที่เกิดจากการสะสมของไขมันหรือการหย่อนคล้อยของผิว จะช่วยทดแทนเนื้อเยื่อและคอลลาเจนใต้ตาที่สลายไป มีส่วนทำให้ร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้น ช่วยเติมเต็มผิวหนังที่ยุบตัวให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ได้อีกหลายประการ
ใต้ตาคล้ำ
ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือโรคภูมิแพ้ที่จะทำให้ใต้ตาทำให้เส้นเลือดใต้ตาขยาย และอายุที่มากขึ้นก็เป็นอีกสาเหตุของใต้ตาคล้ำได้
ใต้ตาลึก
ซึ่งจะพบได้ในคนที่อายุมากขึ้น จะอยู่ประมาณ 25 ปีขึ้นไป ทำให้เนื้อเยื่อใต้ตาจะค่อยๆ ยุบลง เกิดการสูญเสียน้ำและการหย่อนคล้อยของผิวหนังและกล้ามเนื้อใต้ตา
ใต้ตาหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา
อาจจะเกิดจากพฤติกรรมที่ทำให้เกิดไขมันใต้ตา ไม่ว่าจะเป็น การนอนหลับไม่เพียงพอหรือสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันสูง
ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตา
การใช้สายตาหนักเกินไป นอนหลับไม่เพียงพอ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตามีริ้วรอยได้
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นสามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 1 ปีหรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีดและร่างกายของแต่ละบุคคล แต่ก็จะเป็นอยู่ได้สั้นกว่าการฉีดฟิลเลอร์ในพื้นที่อื่นๆ ของใบหน้า เนื่องจากพื้นผิวใต้ตามีการเคลื่อนไหวมาก และมีความบอบบางสูง หากหลังฉีดฟิลเลอร์ดูแลตัวเองดี หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว เช่น เจอความร้อน ทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นประจำ ทำเลเซอร์หน้าเป็นประจำ เป็นต้น หากหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ จะช่วยฟิลเลอร์มีอายุอยู่ได้นานขึ้น
วิธีเตรียมตัวก่อนทำ – หลังทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อแนะนำที่ควรทำดังนี้
1. แนะนำให้ทดสอบการแพ้ฟิลเลอร์ดยการทาฟิลเลอร์บนผิวก่อน
2. ห้ามทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหากมีการติดเชื้อ หรือมีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น การตั้งครรภ์หรือการใช้ยาบางชนิด
3.ควรงดใช้ยาในกลุ่ม ยาแก้ปวด ยาแก้ปวดเมื่อได้รับการผ่าตัด หรือยาลดไข้ เพื่อป้องกันอาการเลือดออก
4.งดใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
5.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรจะทำตามขั้นตอนดังนี้ เพื่อให้ได้ผลดีและฟิลเลอร์อยู่ได้นาน
1. หลีกเลี่ยงการกดตา หรือลูบตา ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อป้องกันการลอกหรือเคลื่อนย้ายฟิลเลอร์ที่อยู่ใต้ผิวหนัง
2.อย่าให้หน้าถูกน้ำหรือสบู่ในช่วง 6 ชั่วโมงหลังการฉีดฟิลเลอร์ และหลีกเลี่ยงการวางหน้าแนบกับอะไรก็ตามที่ต้องสัมผัสกับบริเวณใต้ตา
3.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือออกแรงที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวของฟิลเลอร์ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด
3.ไม่ควรนอนเอาหน้าแนบหมอนไปหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ควรนั่งหรือนอนตะแคง
4.หลีกเลี่ยงการเข้าสระว่ายน้ำ หรืออาบน้ำร้อนตลอด 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์
5.ระวังการใช้เครื่องสำอางหน้า หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนัง ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์หลุดหรือขยายตัว
6.หากมีอาการบวมหรือแดงหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและการรักษาอย่างถูกต้อง
ทำไมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจทำให้เกิดเป็นก้อน หรือกล้ามเนื้อหดตัวได้ โดยสาเหตุที่เป็นไปได้มีหลายปัจจัย
ฟิลเลอร์ปลอม
ส่วนประกอบของฟิลเลอร์ปลอมไม่ได้รับการรับรองคุณภาพและปลอดภัย อาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อหรืออาการแพ้ผิดปกติได้
ความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีดไม่มากพอ
อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การใส่ฟิลเลอร์ไม่ถูกต้อง การใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม การไม่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเลือกใช้ฟิลเลอร์ หรือการใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง
ใช้ชนิดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม
เนื่องจากแต่ละชนิดของฟิลเลอร์มีคุณสมบัติทางกายภาพและการทำงานที่แตกต่างกันไป ถ้าใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับภาวะที่ต้องการ เช่นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการแข็งตัวของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมใต้ผิวหนัง และเมื่อฟิลเลอร์แข็งตัวขึ้น จะทำให้เกิดก้อนหรือบวมใต้ตาได้
ข้อสรุป
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดริ้วรอยใต้ตาที่ได้ผลซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของฟิลเลอร์ที่ใช้ และการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ด้วย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีความเสี่ยงของผลข้างเคียงเช่นการบวมหรือแดงของผิวหนัง แนะนำว่าควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้มากขึ้น ในการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อป้องกันการเกิดอาการผิดปกติเช่นการบวมหรือแดง รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ด้วย
ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการรักษาปัญหาใต้ตาคล้ำที่ได้ผลดี ควรพิจารณาความเหมาะสมและควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ด้วยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดอาการผิดปกติและเพิ่มโอกาสให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพอยู่ได้นาน