Posts

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

ใต้ตาดำคล้ำ ดูไม่สดชื่น แก้ปัญหาด้วยฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ เป็นสารเติมเต็มเพื่อความสมบูรณ์ของสารสร้างเนื้อเยื่อผิวหนัง การฉีดฟิลเลอร์ลงในบริเวณใกล้ตาจะช่วยปรับปรุงสภาพเนื้อเยื่อผิวหนังรอบตาได้ และทำให้มีการยกกระชับในบริเวณใต้ตา ซึ่งช่วยลดอาการใต้ตาดำ เพื่อให้กลับมาเต่งตึง ลดรอยหมองคล้ำบริเวณใต้ตาได้


สาเหตุการเกิดใต้ตาดำคล้ำ 

สาเหตุการเกิดใต้ตาดำคล้ำ นั้นอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน เปลี่ยนแปลงของระบบฮอร์โมนในร่างกาย การพักผ่อน สูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เป็นต้น

 อายุ 

เมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายจะเริ่มสลายลง ซึ่งรวมถึงเนื้อเยื่อผิวหนังใต้ตาที่บอบบาง ไขมันและคอลลาเจนลดลง ทำให้เส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังด้านใต้ตาแบคทีเรีย และสิ่งสกปรกสามารถสะสมตัวได้ง่ายขึ้น ทำให้เกิดการคล้ำของตา ซึ่งสามารถเห็นได้เป็นเส้นๆ หรือวงๆ ที่มีสีม่วงหรือน้ำตาลอ่อนๆ ตามรอยประสาทผิวหนังที่อยู่ใต้ตา

 โรคภูมิแพ้

ขอบตาดำจากโรคภูมิแพ้ การที่ผิวบริเวณใต้ดวงตามีสีดำคล้ำจากโรคภูมิแพ้ โดยมักจะเกิดจากภูมิแพ้จมูกอักเสบ หรือภูมิแพ้ตา ผู้ป่วยภูมิแพ้จมูกอักเสบมักจะมีอาการน้ำมูกไหล คัดจมูก คันจมูก และจาม ผู้ป่วยที่มีอาการคัดจมูกเรื้อรัง เยื่อบุจมูกมักจะบวม การบวมจะทำให้เลือดดำไหลผ่านได้ยาก เลือดดำจึงคั่งอยู่บริเวณใต้ตาล่างทำให้ผิวบริเวณใต้ตาล่างดำนั่นเอง 

 การพักผ่อนไม่เพียงพอ 

ทำให้ผิวซีดจางและดวงตาบุ๋มลึกมากขึ้นจนสามารถสังเกตเห็นรอยคล้ำใต้ตาได้ชัดเจน

 การขาดน้ำ 

เมื่อร่างกายนั้นไม่ได้รับน้ำอย่างเพียงพอตามปริมาณที่ต้องการ เซลล์ผิวก็อาจจะไม่กระจ่างใสและส่งผลให้รอยดำคล้ำใต้ตาชัดเจนยิ่งขึ้น

 สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ 

การสูบบุหรี่นั้นเป็นอีกสาเหตุทำให้ใต้ตาดำยิ่งขึ้น รวมไปถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ซึ่งอาจทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ดวงตา

 แสงแดด 

แสงแดดนั้นเป็นอีกปัญหาที่กระตุ้นให้เกิดการผลิตเม็ดสีที่ผิวหนังเพิ่มมากขึ้น จนผิวหน้าบริเวณขอบตาดำคล้ำขึ้นได้


 วิธีแก้ปัญหาใต้ตาดำคล้ำ 

 การพักผ่อนให้เพียงพอ 

จะช่วยลดความเครียดและการใช้สายตาเป็นเวลานาน ๆ รวมถึงช่วยลดการเหนื่อยล้าและอาการอ่อนเพลียด้วยได้

 การดื่มน้ำให้มาก 

ช่วยเสริมสร้างความชุ่มชื้นของตาได้ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับสุขภาพสายตา

 การรับประทานยา วิตามิน 

ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของสายตาและและบำรุงสุขภาพสายตา วิตามิน Aช่วยป้องกันและรักษาภาวะสายตาสั้น เสริมสร้างการมองเห็นในสภาวะที่มีแสงน้อย , วิตามิน Cสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของสายตา โดยเฉพาะเมื่อเป็นผลของการติดต่อกับแสง UV และสารเคมี,วิตามิน E เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันการเสื่อมสภาพของสายตาและเสริมสร้างเนื้อเยื่อสายตาได้ ซึ่งสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยลดการเสื่อมสภาพของสายตา ลดความเสียหายจากแสง UV และสารเคมี มีอยู่ในอาหารหลากหลาย เช่น ผักผลไม้สด ถั่วเหลือง และเนื้อสัตว์

 การประคบเย็น 

ช่วยบรรเทาอาการตาอักเสบและการบวมของเนื้อเยื่อในสายตาได้ โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำเย็นแล้ววางบนตาปิดสนิท สามารถทำได้หลายครั้งต่อวัน โดยหลีกเลี่ยงการใช้น้ำเย็นจนเย็นแช่งเพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายกับสายตา

 หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ 

เพื่อไม่ให้เกิดเส้นเลือดใต้ผิวหนังขยายตัวจนเห็นเป็นรอยคล้ำใต้ตา

 การใช้เลเซอร์ 

เพื่อกระชับผิวหนังที่หย่อนยาน กำจัดผิวหนังส่วนเกินของถุงใต้ตา และทำลายเม็ดสีบริเวณใต้ดวงตาที่เป็นรอยดำคล้ำ เลเซอร์จะส่งแสงที่มีความเข้มข้นและความถี่สูงเข้าไปยังชั้นหนังใต้ผิวหนัง และทำลายเซลล์ผิวหนังเก่า ช่วยกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวหนังใหม่ ทำให้ผิวกระชับขึ้น และช่วยลดเลือนริ้วรอยและให้ร่องลึกใต้ตาจางลงได้

 การฉีดฟิลเลอร์ 

สารที่มีส่วนผสมของสารพาราไดอะมิด ซึ่งจะช่วยยกกระชับส่วนที่คล้ำของผิวใต้ตา และช่วยลดรอยคล้ำ การเติมฟิลเลอร์ลงใต้ผิวหนัง ซึ่งจะช่วยกระชับผิวและเพิ่มความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อ ทำให้แถบผิวใต้ตาดูสม่ำเสมอและเรียบเนียนขึ้น


 ฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ปัญหาอะไรได้บ้าง

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแก้ไขปัญหาตาคล้ำหรือถุงใต้ตาที่เกิดจากการสะสมของไขมันหรือการหย่อนคล้อยของผิว จะช่วยทดแทนเนื้อเยื่อและคอลลาเจนใต้ตาที่สลายไป มีส่วนทำให้ร่องลึกใต้ตาดูตื้นขึ้น ช่วยเติมเต็มผิวหนังที่ยุบตัวให้กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง นอกจากนี้การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตายังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆ ได้อีกหลายประการ

 ใต้ตาคล้ำ 

ที่อาจเกิดจากกรรมพันธุ์หรือโรคภูมิแพ้ที่จะทำให้ใต้ตาทำให้เส้นเลือดใต้ตาขยาย และอายุที่มากขึ้นก็เป็นอีกสาเหตุของใต้ตาคล้ำได้

 ใต้ตาลึก 

ซึ่งจะพบได้ในคนที่อายุมากขึ้น จะอยู่ประมาณ 25 ปีขึ้นไป ทำให้เนื้อเยื่อใต้ตาจะค่อยๆ ยุบลง เกิดการสูญเสียน้ำและการหย่อนคล้อยของผิวหนังและกล้ามเนื้อใต้ตา

 ใต้ตาหย่อนคล้อย ถุงใต้ตา 

อาจจะเกิดจากพฤติกรรมที่ทำให้เกิดไขมันใต้ตา ไม่ว่าจะเป็น การนอนหลับไม่เพียงพอหรือสม่ำเสมอ การรับประทานอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันสูง

 ริ้วรอยใต้ตา รอยย่นใต้ตา

 การใช้สายตาหนักเกินไป นอนหลับไม่เพียงพอ ก็จะทำให้กล้ามเนื้อรอบดวงตามีริ้วรอยได้


 การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานแค่ไหน

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นสามารถอยู่ได้ตั้งแต่ 6 เดือนจนถึง 1 ปีหรือนานกว่านั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณฟิลเลอร์ที่ฉีดและร่างกายของแต่ละบุคคล แต่ก็จะเป็นอยู่ได้สั้นกว่าการฉีดฟิลเลอร์ในพื้นที่อื่นๆ ของใบหน้า เนื่องจากพื้นผิวใต้ตามีการเคลื่อนไหวมาก และมีความบอบบางสูง หากหลังฉีดฟิลเลอร์ดูแลตัวเองดี หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว เช่น เจอความร้อน ทำกิจกรรมกลางแจ้งเป็นประจำ ทำเลเซอร์หน้าเป็นประจำ เป็นต้น หากหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้ จะช่วยฟิลเลอร์มีอายุอยู่ได้นานขึ้น


 วิธีเตรียมตัวก่อนทำ – หลังทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา มีข้อแนะนำที่ควรทำดังนี้

1. แนะนำให้ทดสอบการแพ้ฟิลเลอร์ดยการทาฟิลเลอร์บนผิวก่อน

2. ห้ามทำการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาหากมีการติดเชื้อ หรือมีปัญหาด้านสุขภาพ เช่น การตั้งครรภ์หรือการใช้ยาบางชนิด

3.ควรงดใช้ยาในกลุ่ม ยาแก้ปวด ยาแก้ปวดเมื่อได้รับการผ่าตัด หรือยาลดไข้ เพื่อป้องกันอาการเลือดออก

4.งดใช้เครื่องสำอางแต่งหน้าาหรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวก่อนฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

5.หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์หรือสูบบุหรี่ก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอย่างน้อย 24 ชั่วโมง

การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรจะทำตามขั้นตอนดังนี้ เพื่อให้ได้ผลดีและฟิลเลอร์อยู่ได้นาน

1. หลีกเลี่ยงการกดตา หรือลูบตา ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา เพื่อป้องกันการลอกหรือเคลื่อนย้ายฟิลเลอร์ที่อยู่ใต้ผิวหนัง

2.อย่าให้หน้าถูกน้ำหรือสบู่ในช่วง 6 ชั่วโมงหลังการฉีดฟิลเลอร์ และหลีกเลี่ยงการวางหน้าแนบกับอะไรก็ตามที่ต้องสัมผัสกับบริเวณใต้ตา

3.หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักหรือออกแรงที่สามารถกระตุ้นให้เกิดการเคลื่อนไหวของฟิลเลอร์ ในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีด

3.ไม่ควรนอนเอาหน้าแนบหมอนไปหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา แต่ควรนั่งหรือนอนตะแคง

4.หลีกเลี่ยงการเข้าสระว่ายน้ำ หรืออาบน้ำร้อนตลอด 24 ชั่วโมงแรกหลังการฉีดฟิลเลอร์

5.ระวังการใช้เครื่องสำอางหน้า หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหนัง ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังการฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์หลุดหรือขยายตัว

6.หากมีอาการบวมหรือแดงหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินและการรักษาอย่างถูกต้อง


 ทำไมฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอาจทำให้เกิดเป็นก้อน หรือกล้ามเนื้อหดตัวได้ โดยสาเหตุที่เป็นไปได้มีหลายปัจจัย

 ฟิลเลอร์ปลอม 

ส่วนประกอบของฟิลเลอร์ปลอมไม่ได้รับการรับรองคุณภาพและปลอดภัย อาจทำให้เกิดภาวะติดเชื้อหรืออาการแพ้ผิดปกติได้

 ความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้ฉีดไม่มากพอ 

อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น การใส่ฟิลเลอร์ไม่ถูกต้อง การใช้ปริมาณฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม การไม่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเลือกใช้ฟิลเลอร์ หรือการใช้เทคนิคการฉีดที่ไม่ถูกต้อง

 ใช้ชนิดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม 

เนื่องจากแต่ละชนิดของฟิลเลอร์มีคุณสมบัติทางกายภาพและการทำงานที่แตกต่างกันไป ถ้าใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับภาวะที่ต้องการ เช่นฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป อาจทำให้เกิดการแข็งตัวของฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมใต้ผิวหนัง และเมื่อฟิลเลอร์แข็งตัวขึ้น จะทำให้เกิดก้อนหรือบวมใต้ตาได้


 ข้อสรุป

 การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตานั้นเป็นวิธีที่สามารถช่วยลดริ้วรอยใต้ตาที่ได้ผลซึ่งขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของฟิลเลอร์ที่ใช้ และการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ด้วย การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตามีความเสี่ยงของผลข้างเคียงเช่นการบวมหรือแดงของผิวหนัง แนะนำว่าควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และมีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถช่วยลดความเสี่ยงได้มากขึ้น ในการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นสิ่งที่สำคัญเพื่อป้องกันการเกิดอาการผิดปกติเช่นการบวมหรือแดง รวมถึงการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลหลังการฉีดฟิลเลอร์ด้วย

ดังนั้น การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นวิธีการรักษาปัญหาใต้ตาคล้ำที่ได้ผลดี ควรพิจารณาความเหมาะสมและควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ในการดูแลตัวเองหลังการฉีดฟิลเลอร์ด้วยอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันการเกิดอาการผิดปกติและเพิ่มโอกาสให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพอยู่ได้นาน


ฉีดฟิลเลอร์ อย่างไรให้ปลอดภัย และอยู่ได้นาน

เคล็ดลับ ฉีดฟิลเลอร์ อย่างไรให้ปลอดภัย และยืดอายุอยู่ได้นาน

สำหรับคนที่ต้องการจะ ฉีดฟิลเลอร์ ทุกคนรู้หรือไม่ว่าสิ่งที่คุณควรรู้เกี่ยวกับ ฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง ความจริงแล้วมันมีหลายเรื่องมาก แต่สิ่งที่สำคัญและทุกคนจะต้องเรียบรู้อย่างรวดเร็ว 5 มีอยู่ 2 สิ่งที่สำคัญ และเป็น 2 สิ่งที่เราจะมาอธิบายกันในวันนี้ 2 สิ่งที่ว่านั้นก็คือ เคล็ดลับในการฉีดฟิล   เลอร์อย่างไรให้ปลอดภัยกับเคล็ดลับในการยืดอายุการใช้งานของฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นาน มีเคล็ดลับอย่างไรบ้าง ทั้ง 2 เรื่องนี้จะเป็นเรื่องที่เราจะมาให้ความรู้ พร้อมกับอธิบายว่ามันสำคัญอย่างไร สำหรับคนที่กำลังจะไปฉีดฟิลเลอร์สมควรเข้ามาอ่าน เพื่อเพิ่มความรู้และความมั่นใจให้กับตนเอง ทุกคนในที่นี่รู้กันอยู่แล้วว่าการฉีดฟิลเลอร์ที่ปลอดภัย จะต้องฉีด ฟิลเลอร์แท้ ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ว่าปลอดภัยจริง ไม่ส่งผลอันตราย แต่มันไม่ได้มีเท่านี้ มันยังมีอีกเยอะแยะมากมายที่ตัวผู้ฉีดจะต้องคอยระวัง และศึกษาให้มากๆ เนื่องจากวงการฟิลเลอร์นี้มันจะมีทั้ง ฟิลเลอร์ปลอม, คนที่มีอาการ แพ้ฟิลเลอร์ หรือแม้แต่คนที่อยากจะ เติมฟิลเลอร์ ดังนั้นถ้าหากว่าคุณยังไม่มีความรู้ที่เพียงพอ เราอยากให้ทุกคนได้มีโอกาสศึกษาเรื่องนี้กันก่อน การยืดอายุการใช้งานของฟิลเลอร์ก็สำคัญเหมือนกัน หลังฉีดฟิลเลอร์ มันก็จะมีวิธีการดูแลรักษาฟิลเลอร์ที่ฉีดคงอยู่ได้นาน คุณคงไม่อยากให้เงินที่เสียไปกับความต้องการของคุณ สูญเสียไปโดยไม่ได้ผลลัพธ์ที่ดีกลับมา ดังนั้นถ้าอยากให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานๆ เรามีเคล็ดลับจะมาบอก สำหรับคนที่เริ่ม


ฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย.

ก่อนที่ทุกคนจะไป ฉีดฟิลเลอร์ ทุกคนควรที่จะต้องศึกษาก่อนว่าในปัจจุบันนี้ประเทศไทยได้มี ฟิลเลอร์ ยี่ห้ออะไรบ้างที่ผ่านการรับรองมาตรฐาน อย. ซึ่งอยากจะบอกว่าตอนนี้ในประเทศไทยมี 2 หลากหลายยี่ห้อมากๆ ฟิลเลอร์ในประเทศไทยที่มี อย. มีทั้งหมด 7 ยี่ห้อด้วยกัน เช่น Juvederm, Restylane, Neuramis, Belotero, Revanesse, Ultre, Perfectha และสุดท้าย Yviore ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อคุณสมบัติในการใช้งาน รวมไปถึงราคาก็แตกต่างกัน ดังนั้นนอกจากจะศึกษาด้วยตัวเองแล้ว ก็อย่าลืมที่จะปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยเช่นเดียวกัน ทุกคนทราบหรือไม่ว่าฟิลเลอร์ที่จะได้รับมาตรฐาน อย. นั้นจะต้องมีลักษณะอย่างไร คำตอบนั้นก็คือ จะต้องเป็นฟิลเลอร์ที่มีสารเติมเต็มเฉพาะที่เรียกว่า ไฮยาลูโรนิคแอซิด จะต้องมีสารชนิดนี้อย่างเดียวเท่านั้น จะต้องไม่มีสารอื่นใดเจือปนอยู่ ถ้าหากว่ามีจะไม่ได้การรับรองจาก อย. และจะถูกเรียกว่า ฟิลเลอร์ปลอม ทันที สำหรับคนที่ต้องการวิธีสังเกตระหว่างฟิลเลอร์แท้กับฟิลเลอร์ปลอม มีจุดสังเกตที่แตกต่างกันอย่างไร จริงๆแล้วข้อนี้ไม่ยากเลย ถ้าเป็นฟิลเลอร์แท้จะมีใบรับรอง อย. อยู่ ซึ่งทุกคนสามารถขอได้เลย เพื่อเป็นการยืนยันว่าฟิลเลอร์ยี่ห้อนั้นปลอดภัยจริง และที่สำคัญฟิลเลอร์แท้ตัวใบรับรองจะต้องเป็นภาษาไทยเท่านั้น

ตัวอย่างฟิลเลอร์แท้

ในกล่องจะต้องมีใบรับรอง อย. ที่เป็นภาษาไทย ตัวฟิลเลอร์ในกล่องมี 2 cc และที่สำคัญเลข Lot ตรงกันทั้ง 4 จุด คือ ที่กล่อง, ที่ซอง, ที่สติ๊กเกอร์ และที่หลอด

นอกจากวิธีการสังเกตฟิลเลอร์แท้กับฟิลเลอร์ปลอม ทุกคนคิดว่าหมดแล้วใช่ไหม ไม่มันยังไม่หมดนอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว สิ่งที่ทุกคนจะต้องรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์อีกนั้นก็คือ วิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้ ถึงแม้ว่าการตรวจสอบจะทำได้ยาก เพราะการเลียนแบบนั้นต้องยอมรับว่าทำออกมาได้เหมือนมาก แต่มันก็มีข้อแตกต่างอยู่ ฟิลเลอร์ปลอมจะไม่ได้สิทธิภาพ ฟิลเลอร์สลายเร็ว เกิดการไหลย้อย หรือเป็นก้อนแข็ง สำหรับวิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์แท้มีดังนี้

  • มีเลขทะเบียน อย. ที่เป็นภาษาไทย
  • มีเลข LOT หน้ากล่องที่สามารถตรวจสอบได้
  • ภายในกล่องจะต้องบรรจุตัวอย่างทั้งหมด 2 cc พร้อมกับบอกวันหมดอายุที่ชัดเจน
  • จะต้องมีเอกสารกำกับ และแหล่งที่มาที่ชัดเจน
  • เลข LOT บนกล่องและด้านในกล่องจะต้องตรงกัน

ข้อมูลที่เกี่ยวกับฟิลเลอร์ที่ได้รับมาตรฐาน อย. ที่ทุกคนควรรู้ก็จะประมาณนี้ เราได้มีการออกมาให้ข้อมูลที่ละเอียด และถี่ถ้วนที่สุดแล้ว 

ฟิลเลอร์แท้

หลังการฉีดฟิลเลอร์ควรงดรับประทานอาหารบางชนิด

หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรที่จะงดรับประทานอาหารชนิดใดบ้าง ประเด็นนี้ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่สำคัญ และผู้ที่พึ่งจะ ฉีดฟิลเลอร์ มาควรที่จะต้องให้ความสำคัญ สำหรับคนที่พึ่งจะไปฉีดฟิลเลอร์มา แน่นอนอยู่แล้วว่าแพทย์จะต้องให้คำแนะนำในเรื่องของการรับประทานอาหารอย่างแน่นอน เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากผลข้างเคียงในการฉีดฟิลเลอร์ อาการ แพ้ฟิลเลอร์ ก็เป็นผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์ชนิดหนึ่ง แต่อาการบวม ช้ำ หลังการฉีดนั้นเป็นผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นปกติอยู่แล้ว แต่มันจะร้ายแรงมากไปกว่านั้นถ้าบังเอิญไปรับประทานอาหารที่ไม่ควรรับประทาน สำหรับอาหารบางชนิดที่ผู้ที่พึ่งไปฉีดฟิลเลอร์มาไม่ควรรับประทานเลยนั้นก็คือ พวกอาหารหมักดอง, อาหารประเภทกึ่งดิบกึ่งสุก, อาหารประเภทชาบู ปิ้งย่าง หรือแม้แต่วิตามินบางตัวก็ไม่สามารถรับประทานได้เช่นกัน ซึ่งตรงนี้ถ้าฉีดกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทางแพทย์เขาจะมีคำแนะนำที่ดีให้ว่าทำไมถึงต้องงดรับประทานอาหารประเภทเหล่านี้ เหตุผลหลักนั้นก็คือ เป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอาการเลือดแข็งตัว ซึ่งอาจจะเป็นผลทำใหฟิลเลอร์เป็นก้อนได้   

ฉีดฟิลเลอร์

ไม่ควรสัมผัสบริเวณที่ฉีด

หัวข้อนี้สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ ข้อห้ามสำคัญ หลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเป็นการป้องกันผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น พร้อมกับยืดอายุการใช้งานของ ฟิลเลอร์ ไปด้วย จากหัวข้อที่ผ่านมาเมื่อสักครู่ข้อห้ามที่ไม่ควรมองข้ามนั้นก็คือ การงดรับประทานอาหารบางชนิด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดอาการเลือดเป็นก้อน สำหรับหัวข้อตรงนี้ก็เหมือนกัน ไม่ควรสัมผัสบริเวณที่ ฉีดฟิลเลอร์ การสัมผัสในที่นี้หมายความว่าไม่ให้จับ ไม่ให้นวด และไม่ให้กดตรงบริเวณที่ฉีด เหตุผลที่ไม่ให้ทำแบบนั้นมันมีหลากหลายเหตุผลดังนี้

  • อาจจะทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปเคลื่อนที่ไปอยู่บริเวณอื่นได้
  • ถ้าหากว่าจับ หรือนวดบ่อยๆ หลังจากที่พึ่งจะฉีดมา อาจจะทำให้เกิดการอักเสบขึ้นมาได้
  • ถ้าหากว่ามองข้ามคำแนะนำในข้อนี้ไป ผลที่จะตามมานั้นก็คือ เกิดอาการ ฟิลเลอร์สลายเร็ว เป็นผลทำให้ต้องเสียเงินไป เติมฟิลเลอร์ ใหม่

ทั้ง 3 ข้อนี้ก็คือเหตุผลที่ทำไมไม่อยากให้สัมผัสบริเวณที่พึ่งจะไปฉีดฟิลเลอร์ ถ้าอยากจะสัมผัสจริงๆ อย่างน้อยก็ควรที่จะอยู่ให้ฟิลเลอร์เข้าที่กว่านี้ก่อน หลังจากนั้นก็คอยนวด คอยจับบ้างก็ไม่เป็นไร 

ฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน

ควรงดอาหารเสริมบางประเภท

เคล็ดลับในการยืดอายุการใช้งานของ ฟิลเลอร์ ให้อยู่ได้นานๆ อีกหนึ่งเคล็ดลับนั้นก็คือ ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารเสริม หรือวิตามินบางชนิด หลังฉีดฟิลเลอร์ ถ้าหากว่าบังเอิญไปรับประทานอาหารเสริม หรือว่าวิตามินบางชนิดไป ก็อาจจะทำให้เกิดอาหาร แพ้ฟิลเลอร์ ได้ อันนี้เรื่องจริง เนื่องจากอาหารเสริมทั้งที่เป็นแบบวิตามิน และแบบที่เป็นยาสมุนไพร มันจะมีสรรพคุณที่ทำให้เลือดจางลง ทำให้เลือดออกง่าย และหยุดไหลยาก สำหรับวิตามิน หรือสมุนไพรบางชนิดที่ทางแพทย์ไม่แนะนำให้รับประทานก็คือ อาหารเสริมประเภทที่จะทำให้เกิดอาหารเลือดแข็งตัว เช่น น้ำมันตับปลา, วิตามินอี, อาหารเสริมที่มีแปะก๊วยเป็นส่วนผลสม, โอเมก้า 3, กระเทียม, โสม และสมุนไพรเซนต์จอห์นเวิร์ต เป็นต้น นอกเหนือจากอาหารเสริม และสมุนไพรเหล่านี้แล้ว พวกยาที่เกี่ยวข้องกับอาการแข็งตัวของเลือดก็ต้องระวังด้วยเช่นกัน เช่น ยาต้านอาการอักเสบที่ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ หรือยาแอสไพริน ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้หยุดใช้หลังฉีดไปแล้ว 1 สัปดาห์  


ควรงดการโดนแสงแดดจัด หรืออยู่ใกล้ความร้อน

ไม่ว่าจะ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ หรือ หลังฉีดฟิลเลอร์ การศึกษาเคล็ดลับในการยืดเวลา ฟิลเลอร์ ให้อยู่ได้นานๆก็เป็นสิ่งที่สำคัญทั้งนั้น จากหัวข้อที่ผ่านมาอยากให้ทุกคนรู้เอาไว้ว่านั้นคือ เคล็ดลับที่จะทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปนั้นคงอยู่ได้นาน อีกทั้งยังเป็นข้อห้ามที่ควรปฏิบัติตามด้วยเช่นกัน การที่จะยืดอายุการใช้งานของฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานนั้น ไม่ได้มีแค่ 2 เคล็ดลับ แต่มันยังมีอีกนั้นก็คือ ไม่ควรอยู่ในบริเวณที่มีอาการร้อนจนเกินไป หรือห้ามโดนแสงแดด เนื่องจากการที่ทุกคนเข้าไปอยู่ในบริเวณที่มันร้อนมาก หรือว่าอุณหภูมิสูงจนเกินไป จะส่งให้การ ฉีดฟิลเลอร์ ไม่เซ็ตตัว เกิดการไหลของฟิลเลอร์ และที่สำคัญ ฟิลเลอร์สลายเร็ว ไม่ส่งผลดีอย่างแน่นอน ดังนั้นสถานที่ที่มีความร้อนสูง และไม่ควรไปที่สุดนั้นก็คือ ห้องซาวหน้า หรือบ่อน้ำร้อน อย่างน้อยในช่วง 2 สัปดาห์แรกควรงดไว้ก่อน นอกจากนี้การรับประทานอาหารที่มันอุณหภูมิร้อนจัด ถ้าเลี่ยงได้ก็ควรที่จะเลี่ยงด้วยเช่นกัน เพราะมันไม่เกิดผลดีกับผู้ที่พึ่งจะไปฉีดฟิลเลอร์ปากมา    

สลายฟิลเลอร์

การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

เคล็ดลับในการยืดเวลา ฟิลเลอร์ ให้อยู่ได้นานๆ ตั้งแต่เคล็ดลับแรกจนมาถึงตรงนี้ เป็นข้อข้ามที่พึ่งระวัง หลังฉีดฟิลเลอร์ แต่เคล็ดลับที่เราจะบอกต่อไปนี้ ไม่ใช่ข้อห้ามแต่มันเป็นสิ่งที่จะต้องทำหลังการฉีด เพราะมันคือการดูแลหลังจากที่ ฉีดฟิลเลอร์ ไปแล้วด้วยตนเอง การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ พร้อมกับดื่มน้ำให้เยอะๆในแต่ละวัน การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ หลังจากที่พึ่งจะไปฉีดฟิลเลอร์มา จะช่วยทำให้กระบวนการทำงานภายในร่างกายกลับมาเป็นปกติ ช่วยให้แผล หรืออาการบวมช้ำหายเร็วด้วย สำหรับอาหารทีมีประโยชน์ และควรรับประทานให้ได้มากที่สุดมีดังนี้

  • ผัก และผลไม้ที่มีประโยชน์ ในเรื่องของผัก และผลไม้ทุกคนสามารถรับประทานได้ทุกชนิด ไม่มีข้อห้ามในเรื่องนี้
  • อาหารที่มีโปรตีน ช่วยเสริมสร้างกระบวนการทำงานของร่างกาย ควรเป็นอาหารที่ปรุงสุกแล้ว และไม่มีโซเดียมสูง
  • วิตามินในผัก และผลไม้ ตรงนี้ทุกคนสามารถรับประทานได้ แต่ถ้าเป็นวิตามินจำพวกที่เราได้แนะนำไปในหัวข้อด้านบน อันนั้นไม่ควรรับประทานหลังจากพึ่งฉีดมาได้ไม่กี่วัน

ผู้ที่พึ่งจะฉีดฟิลเลอร์มา จำเป็นมากที่จะต้องรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 5 หมู่ สำหรับคนที่พึ่งจะฉีดฟิลเลอร์ปากมา แนะนำให้ดื่มน้ำเยอะๆ ในช่วง 4-5 วันแรก เนื่อจากการดื่มน้ำจะช่วยทำให้กรดไฮยาลูรอนิคอุ้มน้ำได้ดี แถมยังช่วยเมน้ำให้กับผิว ทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้น อีกทั้งยังช่วยทำให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย  


ข้อสรุป

ทั้งนี้ในการ ฉีดฟิลเลอร์ ใน 1 ครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์อะไรก็ตาม ผลลัพธ์ของ ฟิลเลอร์  จะอยู่ได้นานถึง 12 เดือน หรือมากกว่านั้น ถ้าหากว่ามีการดูแลที่ดี ดังนั้นสำหรับคนที่มีความคิดที่อยากจะฉีดฟิลเลอร์ เพื่อ ปรับรูปหน้า ของตัวเองให้สวย และดูดีขึ้น ก่อนฉีดฟิลเลอร์ ก็ควรที่จะต้องศึกษาด้วยตนเองก่อนทุกครั้ง การศึกษาหาข้อมูลควรเริ่มตั้งแต่ ฟิลเลอร์แท้ ที่ได้รับมาตรฐาน อย. ไทย มียี่ห้ออะไรบ้าง รวมไปถึงวิธีการสังเกตระหว่างฟิลเลอร์แท้ และ ฟิลเลอร์ปลอม มีวิธีการสังเกตอย่างไร ซึ่งเราก็ได้บอกไว้หมดแล้ว และไม่ลืมที่จะบอกวิธีการตรวจสอบฟิลเลอร์ด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่เข้ามาอ่านบทความของเราในวันนี้ คุณจะได้รับสาระที่เป็นประโยชน์มากมาย นอกจากจะได้รับความรู้เกี่ยวกับฟิลเลอร์ ทุกคนก็ยังจะได้รับความรู้ หลังฉีดฟิลเลอร์ ด้วยเช่นกัน สำหรับความรู้หลังการฉีดฟิลเลอร์นั้นก็คือ วิธีสังเกตอาการ แพ้ฟิลเลอร์ กับ ฟิลเลอร์สลายเร็ว เป็นอย่างไร รวมไปถึงเคล็ดลับที่จะช่วยทำให้ยืดระยะเวลาในการใช้งานของฟิลเลอร์อยู่ได้นานๆ ซึ่งเราก็ได้บอกไปหลากหลายวิธี เป็นวิธีที่ทุกคนสามารถนำไปปฏิบัติใช้ได้ ถ้าหากว่าทุกคนสามารถทำตามเคล็ดที่เราบอกไปได้ จะช่วยย่นระยะเวลาในการ เติมฟิลเลอร์ ไปได้เยอะเลย สำหรับใครที่อยากจะได้รับสาระดีๆที่ครบถ้วนแบบนี้ สามารถเข้ามาอ่านได้ที่นี่ 


ฟิลเลอร์ฉีดแล้วอันตรายไหม

ฟิลเลอร์ฉีดแล้วอันตรายไหม ข้อควรรู้ก่อนฉีด ต้องระวังอันตรายอย่างไร

การฉีดฟิลเลอร์นั้นถือว่าเป็นรักษาริ้วรอยที่มีความเสี่ยงต่ำ อาจจะมีผลข้างเคียงบ้าง แต่ก็ถือว่าไม่อยู่ในเกณฑ์ที่เป็นอันตราย สามารถแก้ไขปัญหาริ้วรอยได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นวิธีการที่ได้รับความนิยม ทำให้มีบางกลุ่มนำฟิลเลอร์ปลอมมาจำหน่ายในราคาต่ำกว่าฟิลเลอร์ของแท้ จึงทำให้หลายคนหลงเชื่อ ซึ่งจริง ๆ แล้วอันตรายเป็นอย่างมาก เพราะไม่ได้การรับรอง ไม่ได้มาตรฐานทำให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรง สามารถเกิดอาการเเพ้ การอักเสบ หรือถึงขั้นเสียชีวิตได้


การทำงานของฟิลเลอร์เป็นอย่างไร

ฟิลเลอร์นั้นเป็นหัตการเพื่อรักษาปัญหาริ้วรอยและปรับรูปของใบหน้าโดยจะใช้ช้สาร Hyaluronic acid ที่ผลิตขึ้นมาเลียนแบบสารที่มีตามธรรมชาติในร่างกาย ซึ่งสารตัวนี้มีคุณสมบัติช่วยกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้น (Hydration) เติมเต็มหรือเสริมในชั้นผิวหนังและเพิ่มความยืดหยุ่นใต้ผิวหนัง (Increase Elasticity) เต่งตึง ดูสุขภาพดี เรียบเนียนและช่วยลดริ้วรอยได้ นอกจากนั้นคุณสมบัติของฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มริ้วรอยร่องลึกอย่าง ร่องแก้ม ใต้ตา ขมับเท่านั้น แล้วสามารถปรับแก้ไขรูปหน้าให้สวยงาม เช่น ปรับคางให้ดูยาวขึ้น แก้ปัญหาคางตัด คางถอย และช่วยปรับรูปปากกระจับ ปากสายฝอ ปากสายเกา และทรงอื่น ๆ ตามต้องการได้อีกด้วย

ซึ่งสาร HA ที่นำมาใช้ฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นสารตามธรรมชาติ ที่สามารถย่อยสลายได้ตัวเอง 8 – 10 เดือน จึงไม่มีการทิ้งค้างสารตกค้างไว้ในร่างกาย ถือเป็นการรักษาปัญหาผิวหน้าที่ไม่มีอันตราย

ส่วนใหญ่แล้วอันตรายที่จะเกิดจากการฉีดฟิลเลอร์นั้นจะมาจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอมหรือแพทย์ที่ฉีดไม่มีความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ในการฉีดมากพอ ไม่สามารถวิเคราะห์ปัญหาและเลือกใช้ฟิลเลอร์รวมถึงปริมาณในการฉีด ทำให้เกิดปัญหาหลังการฉีดฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์

ประเภทของฟิลเลอร์

 สำหรับฟิลเลอร์ที่ใช้สำหรับแก้ปัญหาของริ้วรอยหรือปรับรูปใบหน้านั้น จะเป็นฟิลเลอร์ในกลุ่ม Hyaluronic Acid ซึ่งเป็นสารสกัดจากธรรมชาติที่มีความปลอดภัยสูง ซึ่งผลิตขึ้นเพื่อเลียนแบบสารที่มีอยู่ในร่างกายตามธรรมชาติ ใช้ทดแทนส่วนสำคัญของโครงสร้างผิว คอลลาเจนและไฮยาลูรอน ที่ร่างกายจะสูญเสียไปเมื่ออายุมากขึ้น จึงเกิดการดูดซึมโดยธรรมชาติและย่อยสลายไปเอง นอกจากฟิลเลอร์ในกลุ่ม HA แล้ว ยังมีฟิลเลอร์ประเภทอื่น ๆ อีก

 ฟิลเลอร์แบบชั่วคราว (Temporary filler) 

เป็นฟิลเลอร์ซึ่งสามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติ โดยจะมีประสิทธิภาพได้นานประมาณ 4-6 เดือนจนถึง 1 ปีครึ่ง หรืออาจถึง 2 ปี เป็นฟิลเลอร์ที่มีปลอดภัยสูง แล้วถ้าฟิลเลอร์สลายตัวก็สามารถเติมใหม่ได้เรื่อยๆ

 ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวร (Semi Permanent filler)

เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถสลายได้หมด 100% โดยที่ฟิลเลอร์แบบกึ่งถาวรนั้นจะมีความปลอดภัยน้อยกว่าฟิลเลอร์แบบชั่วคราว จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 2-5 ปี แต่อาจจะเกิดผลข้างเคียงได้ เพราะไม่สามารถสลายได้หมด เมื่อฉีดไปนานๆ อาจจะเกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน หรือการอักเสบตามมา ทำให้รักษา หรือแก้ไขได้ยาก

 ฟิลเลอร์แบบถาวร (Permanent filler) 

เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถย่อยสลายได้ จะอยู่แบบถาวร ซึ่งสารเติมเต็มในกลุ่มฟิลเลอร์แบบถาวรนี้ จะเป็นพวก ซิลิโคนเหลว พาราฟิน และ สาร PMMA (Polymethyl-methacrylate microspheres) ซึ่งหลังฉีดไปแล้วผิวจะไม่สามารถดูดซึมได้ ทำให้ตกค้างอยู่ในชั้นผิว 

ฟิลเลอร์แบบถาวร จะทำให้ผลข้างเคียงในระยะยาว โดยอาการที่อาจจะพบได้คือ ฟิลเลอร์ไหล ฟิลเลอร์ย้อยผิดรูป หรือกลายเป็นพังผืด การรักษาทำได้โดยผ่าตัดออก หรือขูดออกเท่านั้น ไม่มียาฉีดสลายฟิลเลอร์ ผู้ที่จะฉีดฟิลเลอร์จึงไม่ควรฉีดสารเติมเต็มชนิดนี้

ฟิลเลอร์ชนิดต่างๆ

ข้อที่ควรระวังก่อนการตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์

  ฟิลเลอร์ที่ฉีด จะต้องเป็นฟิลเลอร์ชนิด ยี่ห้อ และประเภทที่ได้มาตรฐาน ได้รับการรับรองจากอย. มีฉลากที่ชัดเจน ยังไม่ถูกแกะหรือหมดอายุไปแล้ว

  • แพทย์ที่ทำการรักษา ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ในการวิเคราะห์ปัญหา เลือกยี่ห้อและรุ่นที่ฉีดของแพทย์เป็นสิ่งสำคัญ รวมไปถึงตำแหน่งของการฉีดฟิลเลอร์ด้วย ถ้าไม่แพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญมากพอ ก็อาจจะมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการอีกทั้งอันตรายจากผลข้างเคียงหลังฉีดด้วย
  • สถานที่ฉีดฟิลเลอร์ ต้องเป็นสถานพยาบาลที่ได้รับอนุญาต ดำเนินการแบบถูกต้องตามกฎหมาย มีเครื่องมือที่พร้อม รวมถึงระบบการดูแลถ้าหากมีกรณีฉุกเฉินเกิดขึ้น  

อันตรายที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์

หลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์แล้ว จะมีผลข้างเคียงหลังการฉีดในระดับทั่วไป ซึ่งจะไม่มีอันตรายและสามารถหายได้เอง โดยแพทย์จะแนะนำวิธีการดูแลตัวเองหลังการฉีดให้ปฏิบัตตาม ส่วนถ้ามีอาการผิดปกติมากกว่าหรือนอกเหนือผลข้างเคียงหลังการฉีดทั่วไปแล้ว ต้องรีบมาพบแพทย์และหาวิธีการแก้ไขโดยด่วน

อาการทั่วไปหลังฉีดฟิลเลอร์ 

อาจจะมีอาการบวมแดง หรือคัน ในจุดที่ฉีดได้เป็นปกติ แต่อยากให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด เช่น การจับ นวด กดบริเวรที่ฉีดนั้น และอาการต่างๆจะค่อยๆดีขึ้น 2-3 วัน และใบบางคนอาจมีรอยเขียวช้ำ จากเข็มที่ฉีดได้เช่นกัน หรือการฉีดฟิลเลอร์แล้วไปโดตรงเส้นเลือดทำให้เกิดอาการเขียวช้ำได้เช่นกัน แต่สามารถแก้ไข หรือหายไปเองได้ ซึ่งสาเหตุเกิดจากเทคนิคของแพทย์

โดยทั่วไปแล้วหลังจากที่ฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วอาจจะมีมีรอยเขียวช้ำจากเข็มเเละอาการบวมแดงบริเวณที่ฉีด กรณีเเบบนี้ใช้เวลา 2 – 3 วัน ก็จะหายเป็นปกติ ซึ่งให้เลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด ไม่ว่าจะเป็นการจับ นวด คลึงหรือกดใด ๆ บางทีรอยช้ำนั้นอาจจะเกิดจากเทคนิคของแพทย์ที่ฉีดไปโดนเส้นเลือดจึงเกิดอาการเขียวช้ำ เราสามารถสอบถามและปรึกษาแพทย์ที่ทำการรักษา จะได้ทราบวิธีสังเกตและดูแลตัวเองหลังฉีด

อาการที่ผิดปกติหลังฉีดฟิลเลอร์ 

อันตรายจากกาารฉีดฟิลเลอร์ที่ควรสังเกตุ การฉีดฟิลเลอร์แล้วไปอุดตันในเส้นเลือด หรือเส้นประสาทต่างๆบนใบหน้า ทำให้เกิดเลือดไม่สามารถไปเลี้ยงบริเวณนั้นได้ และทำให้เกิดเนื้อตาย หรือในบางรายฟิลเลอร์อาจเข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่ไปเลี่ยงบริเวณดวงตา ทำให้จอประสาทตาเสียหาย จะมีอาการปวดหัว ปวดกระบอกตา ทันทีหลังฉีด ทำให้ตาพร่ามัว และตาบอด เพราะฉะนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดในการฉีดคือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

ถ้าเป็นอาการผิดปกติที่ค่อนข้างอันตราย ที่อาจจะเกิดมาจากแพทย์ที่ทำการรักษาไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ อาจจะเกิดอาการเหล่านี้ได้

  • บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์นั้นเป็นก้อน คลื่น ผิวหนังไม่เรียบ ขรุขระ
  • ผิวหนังบริเวณที่ฉีดจะเปลี่ยนสี เกิดอาการไหลของฟิลเลอร์ จนรูปทรงเปลี่ยนไป
  • มีอาการคันบริเวณที่ฉีด บางทีอาจจะมีลมพิษขึ้นตามมาด้วย ซึ่งอาจจะเกิดฟิลเลอร์อักเสบ
  • สารฟิลเลอร์ปลอมนั้นเข้าไปอุดตันเส้นเลือดที่นำไปเลี้ยงผิวหนังทำให้ผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์หรือบริเวณผิวรอบ ๆ ตาย เกิดอาการติดเชื้อขึ้น
  • เมื่อฟิลเลอร์ปลอมเกิดไหลเข้าไปอุดตันภายในเส้นเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถไปเลี้ยงจอประสาทตาได้อย่างเพียงพอ อาจจะส่งผลให้ตาบอดได้
ฉีดฟิลเลอร์

อาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์ที่ควรสังเกต

 การอักเสบ

มักจะเกิดจากการติดเชื้อของผิวหนังบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ หรือแพ้ฟิลเลอร์ มีการปนเปื้อนของเชื้อในฟิลเลอร์ที่นำมาฉีด ซึ่งอาการที่พบได้นั้นในบริเวณผิวหนังที่ฉีดฟิลเลอร์จะพบ ตุ่ม ก้อนนูน ผิวแดง มีอาการปวด บวม เมื่อสัมผัสผิวบริเวณนั้นรู้สึกร้อน หรือมีฝี ตุ่มหนองร่วมด้วย

 การห้อเลือด

อาการห้อเลือด บวมช้ำ เนื่องจากเนื้อเยื่อแข็งตัว ผิวหนังเปลี่ยนสี มีฝี เกิดขึ้นในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เกินกว่า 1 สัปดาห์ ควรเข้าพบปรึกษาแพทย์

 การติดเชื้อ

ให้สังเกตว่าในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์นั้นมีอาการปวดบวม แดง ร้อน มีตุ่ม หรือก้อนหนองบริเวณที่ฉีดหรือไม่  ซึ่งจะเป็นอาการที่บ่งบอกถึงอาการติดเชื้อ


ข้อควรรู้ก่อนการเลือกฉีดฟิลเลอร์

 เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ปลอดภัยและได้ผลลัพธ์แบบที่ตั้งใจ การหาข้อมูลก่อนจะฉีดฟิลเลอร์ จึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าเราตัดสินใจฉีดไปแล้ว เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย อาจจะไม่สามารถแก้ไขได้ ดังนั้นการป้องกันด้วยการศึกษาข้อมูลต่าง ๆ ให้มั่นใจก่อนฉีดจึงดีกับตัวเราเอง

 การเลือกสถานพยาบาล หรือคลินิคที่ได้มาตราฐาน

เป็นสิ่งสำคัญมาก ทั้งความสะอาด มาตรฐานในการดูแล ทั้งในก่อน ขณะรักษาและหลังการรักษา เครื่องมือที่พร้อม แผนการดูแลถ้าหากเกิดเหตุฉุกเฉิน เพื่อให้เรามั่นใจมากขึ้นในการใช้บริการ

 การเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์การฉีด

องค์ประกอบที่สำคัญในการรักษา แพทย์เฉพาะทางที่มีความเชี่ยวชาญ จะสามารถวิเคราะห์ปัญหา โครงสร้างใบหน้า ให้คำแนะนำ รวมไปถึงแผนการรักษาที่ถูกต้อง เทคนิคในการฉีดฟิลเลอร์ ปริมาณที่ใช้ ประเภทของฟิลเลอร์ ล้วนต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์

 การเลือกตัวยาของแท้ ที่ได้มาตราฐาน

ถ้าฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของปลอมโอกาสที่จะได้รับผลข้างเคียงอันตรายถึงชีวิตนั้นมีสูงมาก ดังนั้นให้เลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ได้การรับรองอย. อย่างถูกต้อง ก็จะไม่ได้รับอันตรายจากการฉีดฟิลเลอร์


วิธีตรวจเช็คฟิลเลอร์ของแท้

  • แหล่งที่มา ควรจะมีแหล่งที่มาที่ชัดเจน ในสถานพยาบาลที่ได้รับการรับรองอย่างถูกต้อง ควรจะเลี่ยงสั่งซื้อฟิลเลอร์จากอินเตอร์เน็ตเอง เพราะอาจมีคุณสมบัติไม่ได้มาตรฐาน และไม่ผ่านการรับรอง อย.
  • กล่องฟิลเลอร์ ฟิลเลอร์แท้นั้นจะต้องมีฉลากภาษาไทยติดอยู่บนกล่อง มีราคา และข้อมูลเลข Lot เลขที่อ้างอิง, วันผลิต, หมดอายุ
  • ฟิลเลอร์แท้ จะต้องสามารถฉีดสลายได้ด้วยตัวยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase) โดยที่จะสลายได้ 100 % ซึ่งจะค่อย ๆ สลายไม่เหลือสารตกค้างใด ๆ บนใบหน้า
ฟิลเลอร์แท้

การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์

  • ให้งดใช้ยาแอสไพริน ยากลุ่มแก้ปวด ยากลุ่มต้านการอักเสบ NSAIDS ไม่ว่าจะเป็น Ibruprofen, Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อช่วยป้องการอาการฟกช้ำ
  • ไม่ควรรับประทานวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก  วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม ใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์
  • ห้ามดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด
  • รักษาสุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติดี ผู้ที่จะรับการฉีดฟิลเลอร์ต้องไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง ไม่ได้ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
  • ล้างเครื่องสำอาง ทำความสะอาดใบหน้าให้เรียบร้อยก่อนที่จะเข้าพบแพทย์

การดูแลปฎิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์

  • 2 สัปดาห์หลังการฉีดให้งดการออกกำลังกายหนักๆ งดการอบซาวน่า, แช่น้ำอุ่น การนวดหน้าด้วยความร้อน
  • ไม่บีบ นวด กด ใบหน้าแรงๆ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจจะทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนที่ ผิดรูปได้
  • งดการดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ เป็นเวลา 3-7 วัน
  • แนะนำให้น้ำเปล่าให้มาก ๆ จะส่งผลดีต่อการฉีดฟิลเลอร์
วิธีดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์

เลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี

ปัจจุบันมีคลินิคสถานเสริมความงาม ที่เปิดให้บริการหลายแห่ง มีโฆษณาให้เห็นอยู่มากมาย แล้วเราจะเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ไหนดี

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : ควรเลือกคลีนิคที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง และได้รับการรักษาแก้ไขปัญหาที่ตรงจุด จะไม่เกิดปัญหาหลังจากการฉีด

ยี่ห้อฟิลเลอร์ : ที่ได้รับการรับรองจากอย. อย่างถูกต้อง มีชื่อยี่ห้อ วันเดือนปีที่ผลิต เป็นภาษาไทยอย่างชัดเจน

ความน่าเชื่อถือของคลินิก : มีสถานที่ชัดเจน สามารถติดต่อได้ตามเวลาทำการ เครื่องมือสำหรับการดูแลคนไข้ ได้มาตรฐาน สะอาดและปลอดภัย

รีวิวจากผู้รับบริการ : นอกจากรีวิวที่เป็นภาพถ่าย Before-After ที่จะเห็นเป็นรูปสวย ๆ เพียงอย่างเดียว ด้วยภาพถ่ายนั้นสามารถแต่งภาพได้อาจจะขอ Before-After ที่เป็น VDO รีวิวเป็นหลักจะสามารถเชื่อถือได้มากกว่าภาพถ่าย  อาจจะดูรีวิวในแหล่งที่เป็นกลางเพิ่มเติ่ม นอกจากรีวิวของทางคลีนิคด้วย

คลินิกมีการนัด ดูแลอย่างต่อเนื่อง : โดยจะต้องมีการนัดติดตามผล ให้คำแนะนำในการปฏิบัติตัว ก่อนทำ-หลังทำอย่างใกล้ชิด สอบถามข้อสงสัยกับหมอที่ทำการรักษาได้โดยตรงตลอดเวลา เมื่อมีการปฏิบัติตัวได้อย่างถูกต้องมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ผลการรักษาออกมาดีที่สุด และอยู่ได้นาน

เดินทางง่าย สะดวก : สถานที่สถานเสริมความงามนั้น ควรจะเดินทาง สะดวก เพื่อจะเข้ามาพบแพทย์โดยสามารถวางแผนการเดินทางได้ง่าย เพราะจะต้องมาติดตามผลหรือเข้ารับการรักษาที่อาจจะต้องเข้ามาที่คลีนิคหลายครั้ง

รีวิวฟิลเลอร์ใต้ตา
รีวิวฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ข้อสรุป

อันตรายที่จะพบหลังจากการฉีดฟิลเลอร์นั้น เป็นเรื่องที่ป้องกันได้ ขอให้การเลือกการฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นของแท้ ได้มาตรฐาน มีการรับรองจาก อย. มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์ เพื่อจะสามารถรักษาปัญหาที่จะได้รับการแก้ไขจากการฉีดฟิลเลอร์ได้อย่างแม่นยำ นอกจากนั้นสถานที่ฉีดฟิลเลอร์ จะต้องเป็นสถานที่มีมาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย มีการดูแลที่ดีตั้งแต่ก่อน ขณะการรักษา รวมไปถึงหลังการรักษาแล้ว เพราะจริง ๆ แล้ว การฉีดฟิลเลอร์นั้น เป็นสารตามธรรมชาติและสามารถย่อยสลายได้ 100% โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้


ฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นก้อน

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร และแก้ไขได้อย่างไร

เมื่อมีอายุมากขึ้นเริ่มช่วงวัย 30 ปีขึ้นไป หลายคนจะพบว่ามีริ้วรอยบางตำแหน่งบนใบหน้า เช่นร่องแก้มลึก ทำให้ใบหน้าดูมีอายุก่อนวัย  หน้าแก่ หน้าหย่อนคล้อย สาเหตุที่ทำให้ร่องแก้มลึกมาจากการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ชั้นผิวลดลงเมื่อมีอายุมากขึ้น ทำให้ผิวและไขมันบนใบหน้าหย่อนคล้อยลงมากองกันอยู่ด้านล่าง หรือ เนื้อและไขมันบริเวณใต้ตาหย่อนคล้อยลงมาเหนือร่องแก้ม ส่วนบริเวณหน้าแก้มหย่อนคล้อยลงมาทำให้เกิดร่องแก้มลึก พบได้ในคนที่มีอายุมาก

ใครที่มีปัญหาริ้วรอยบริเวณร่องแก้ม มีร่องแก้มลึก ทำให้ขาดความมั่นใจ อยากให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย หน้าไม่โทรม สามารถใช้วิธีการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อแก้ไขร่องแก้มลึกโดยหลังฉีดริ้วรอยยกกระชับขึ้น เห็นกรอบหน้าชัด ลดริ้วรอย หน้าเด็กลง ร่องแก้มดูจางลงทันที

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

สาเหตุของฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นก้อน คืออะไร

  • เลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ผิดประเภทนั้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่หลังจากการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน เกิดมาจากการเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่แข็งเกินไป แล้วนำไปฉีดบริเวณที่ผิวบาง จะทำให้ดูเป็นก้อนและไม่เป็นธรรมชาติ
  • ปริมาณในการใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมก็เป็นอีกสาเหตุ โดยใช้ปริมาณฟิลเลอร์เยอะเกินไป จะทำให้เป็นก้อนบวมนูนขึ้นมา
  • ในการฉีดฟิลเลอร์นั้นแพทย์ที่ฉีดจะต้องมีความเชี่ยวชาญในการฉีด มีเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งแพทย์ที่ไม่ความเชี่ยวชาญพอ การเลือกตัวยา ปริมาณ และการวางตัวยาบนชั้นผิว ในบริเวณที่ทำการรักษา ถ้าทำได้ไม่ถูกต้อง ก็ส่งผลให้มีก้อนในบริเวณที่ฉีดได้เหมือนกัน

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นจากการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม แต่ดูเหมือนร่องแก้มลึกขึ้น เกิดได้จากการฉีดผิดตำแหน่ง การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มหวังให้เป็นแก้ไขร่องแก้มลึก การเลือกชนิดของฟิลเลอร์ หรือการฉีดให้ถูกตำแหน่ง ก็เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าเลือกฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นน้อยเกินไป ก็อาจจะดูเหมือนร่องแก้มยังไม่ได้เติม หรือในบางกรณีที่แพทย์ฉีดไม่ถึงชั้นผิว และเลือกฟิลเลอร์ที่มีความเข้มข้นน้อย ฉีดไม่ถูกตำแหน่ง  คือการที่ฉีดไปบริเวณข้างร่องแก้ม เมื่อถึงระยะเวลาที่เข้าที่ จึงอาจจะดูว่าเน้นร่องแก้มให้ชัดมากขึ้น เมื่อฉีดฟิลเลอร์แล้วพบว่าเป็นก้อน โอกาสที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นไปได้ โดยจะมีสาเหตุมาจากหลายสาเหตุ

  1. ความเชี่ยวชาญของแทพย์ 

 แพทย์ที่มาทำการรักษาปัญหาร่องแก้มลึกด้วยการฉีดฟิลเลอร์ แต่มีประสบการณ์ไม่มากพอ ขาดความเชี่ยวชาญและความชำนาญในการฉีด เมื่อฉีดไม่ตรงจุดที่ถูกต้อง ก็อยู่ในภาวะที่เสี่ยงจะเกิดก้อนบริเวณร่องแก้มได้ ในบางกรณีร่องแก้มอาจจะลึกมากขึ้นกว่าเดิม ถ้าแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญนั้น จะทำการวิเคราะห์ใบหน้าและปัญหาของริ้วรอย เพื่อวางแผนการรักษาแล้วทำการฉีดฟิลเลอร์ได้แม่นยำมากกว่า

  1. การเลือกใช้ฟิลเลอร์

 ไม่ว่าจะเป็นการเลือกยี่ห้อ รุ่นของฟิลเลอร์ที่นำมารักษานั้น เป็นสิ่งที่สำคัญ ฟิลเลอร์แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นล้วนมีคุณสมบัติของขนาดโมเลกุล ความหนาแน่นที่แตกต่างกัน ถ้าหากเลือกใช้ไม่ถูกต้อง หลังจากฉีดไปแล้ว ก็อาจจะเกิดก้อนแข็งนูนได้

  1.  ตำแหน่งของการฉีดฟิลเลอร์ไม่ถูกต้อง  

ในการฉีดร่องแก้มนั้น หากฉีดลงไปไม่ลึกถึงชั้นผิวตามที่ควรจะเป็นแล้ว หรือฉีดฟิลเลอร์ไม่ตรงจุด ด้วยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริง และเมื่อฉีดฟิลเลอร์ลงไปบนร่องแก้ม แทนที่ร่องแก้มจะตื้นขึ้น ริ้วรอยจะจางลง ปรากฎว่าเป็นการไปเน้นให้เห็นร่องแก้มที่ชัดขึ้น นอกจากนั้นยังไม่พูดถึงว่าใช้ฟิลเลอร์มากเกินความจำเป็นก็ทำให้เกิดก้อนแข็งได้

  1. การใช้ฟิลเลอร์ปลอมมาฉีดร่องแก้ม 

เป็นฟิลเลอร์ที่ไม่ได้รับการรับรองจาก อย. เป็นประเภทของฟิลเลอร์ที่ไม่สามารถย่อยสลายไปได้ตามธรรมชาติ เมื่อผ่านไปก็จะจับตัวกันเป็นก้อน บางกรณีไหลย้อยห้อยลงมาไม่เป็นทรง แก้มก็จะห้อยลงมาด้วย

ฉีดฟิลเลอร์

วิธีแก้ไขการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มเป็นก้อน

หากกรณีที่ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้วเกิดเป็นก้อนขึ้นมา อาจจะดูสาเหตุของการเกิดความผิดปกตินั้นว่ามาจากอะไร ซึ่งบางสาเหตุก็สามารถแก้ไขได้ไม่ยาก แต่บางอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์

 การแก้ไขเบื้องต้น 

เมื่อฉีดฟิลเลอร์กลับไปแล้ว หลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ อาจจะผลข้างเคียงปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ อาการบวม รู้สึกตึงบริเวณที่ฉีด ซึ่งเป็นผลจากตัวฟิลเลอร์ซึ่งจะสามารถหายได้เอง ให้งดกด นวด คลึง บริเวณที่ฉีด โดยอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นประมาณ 3-7 วัน และจะหายเป็นปกติ หรือ อาการเขียวช้ำจากรอยเข็มจะหายได้เองประมาณ 1 สัปดาห์ แต่ถ้าหลังจากนั้น 2 อาทิตย์ ยังมีอาการเป็นก้อนอยู่ อาจจะมาจากสาเหตุการกระจายยาไม่ดี ถ้าจำเป็นต้องนวด คลึง เพื่อให้ยากระจายตัว ต้องให้แพทย์เป็นผู้ทำให้ ไม่ควรจะทำการนวดด้วยตัวเอง

 การฉีดสลายฟิลเลอร์ 

การใช้การฉีดสลายฟิลเลอร์เพื่อแก้ไขปัญหาร่องแก้มเป็นก้อน จะทำได้เมื่อก้อนที่เกิดขึ้นเป็นฟิลเลอร์แท้ไฮยาลูรอนิค แอซิด (Hyaluronic Acid : HA) สามารถฉีดสลายได้ด้วย ตัวยาไฮยาลูโรนิเดส (Hyaluronidase : HYAL ) สามารถใช้ตัวยานี้ฉีดสลายฟิลเลอร์ได้ทุกตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็น เช่น ฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตา, ฉีดสลายฟิลเลอร์ปาก และฉีดสลายฟิลเลอร์ร่องแก้ม แพทย์จะทำการคำนวณปริมาณของยาที่ใช้ฉีดสลาย โดยจะคิดจากปริมาณฟิลเลอร์เดิมที่คนไข้ไปฉีดจำนวนกี่ CC เพื่อจะได้ปริมาณของตัวยาที่เหมาะสมและต้องคิดด้วยว่าจะไม่ไปกระทบเนื้อเยื่อส่วนอื่น หลังการฉีดสลายฟิลเลอร์นั้น จะส่งผลทันทีในบางส่วน แล้วหลังจากนั้น 1 – 3 วัน ก็จะเห็นผลส่วนอื่น ๆ ตามมาหากต้องการฉีดเพื่อปรับแก้เพิ่มเติม ควรจะเว้นระยะ 1 อาทิตย์ หลังจากฉีดสลายไปแล้ว

การฉีดสลายฟิลเลอร์ ควรให้แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ เพื่อประเมินปริมาณของยา ไม่ให้มากได้หรือน้อยไป เพราะอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อชั้นผิวได้

การฉีดฟิลเลอร์ทับเข้าไป

ถ้าหลังการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มแล้ว มีอาการเป็นก้อน แต่ก้อนนั้นแพทย์ประเมินแล้วมีขนาดเล็ก สามารถแก้ไขด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพิ่มจะทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นก้อนขึ้นมาได้อีก รวมไปถึงฟิลเลอร์ที่ฉีดไปเพิ่มกับของเดิมนั้น อาจจะไม่เรียบเนียนแต่กลับเป็นคลื่นขึ้นมาแทน ในกรณีที่เป็นก้อนฟิลเลอร์ปลอมก็ไม่สามารถย่อยสลายไปเองได้

การขูดฟิลเลอร์

อีกวิธีที่ใช้สำหรับการแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนคือการขูดฟิลเลอร์ออก ซึ่งกรณีนี้จะทำเมื่อคนไข้ฉีดเติมร่องแก้มด้วยสารอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ฟิลเลอร์แท้ สารที่ไม่สามารถสลายเองได้ เช่น Polyamine (Aqualift), Hydrofilic gel  หากรู้ตัวเร็วว่าฉีดสารแปลกปลอมเข้าไปในร่างกาย การแก้ไขจะสามรถทำได้ด้วยการขูดออก เพราะไม่สามารถฉีดสลายได้ ซึ่งในบางกรณีอาจขูดออกได้ไม่หมด ทำได้แค่ 60-70% เท่านั้น


ป้องกันการฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อนได้อย่างไร

วิธีป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาฉีดฟิลเลอร์แล้วเป็นก้อน ควรจะเลือกฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐาน ให้สังเกตุว่ามีฉลากเป็นภาษาไทยหรือไม่ ได้รับการรับรองจาก อย.หรือเปล่า ราคาก็ไม่ควรถูกเกินไป อีกทั้งควรมีแหล่งผลิตและจำหน่ายที่ชัดเจน นอกจากนั้นความเชี่ยวชาญของแพทย์ที่จะรักษาก็สำคัญ ตั้งแต่การวิเคราะห์ใบหน้า ปริมาณยาที่ใช้ ชนิดของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ เทคนิคการฉีด การดูแลหลังการฉีด ทั้งหมดนี้แพทย์จะต้องดูแลคนไข้และให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด ซึ่งถ้าไม่มีประสบการณ์มากพอ จะส่งผลต่อการรักษา ทำให้ผลการรักษาอาจจะไม่ตรงตามที่ต้องการ จากที่หวังว่าฟิลเลอร์จะช่วยเติมเต็มร่องแก้ม ลดริ้วรอย อาจจะต้องมาแก้ไขปัญหาหรือบางทีก็อาจจะแก้ไขไม่ได้อีกด้วย

ฟิลเลอร์ร่องแก้ม

ข้อสรุป

การแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก ร่องน้ำหมาก ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมคอลลาเจนเข้าไปในผิวนั้น เป็นวิธีการธรรมชาติ ตัวยาที่ได้รับการรับรองว่าเป็นฟิลเลอร์แท้จะสลายออกมาเอง ไม่ทิ้งเป็นสารตกค้างในร่างกาย ดังนั้นการฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มจึงมีผลข้างเคียงน้อยมาก ซึ่งการจะได้ผลลัพธ์ที่ดีของการรักษาได้ผิวที่ริ้วรอยตื้นขึ้น ร่องแก้มจางลง ลดริ้วรอยบนใบหน้า ปัจจัยที่สำคัญก็คือคลินิกที่รักษาต้องได้มาตรฐาน เลือกฟิลเลอร์แท้คุณภาพดี แพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์จะไม่ทำให้เกิดปัญหาเป็นก้อนแข็งบริเวณแก้มหลังฉีด


ก่อน หลัง ฉีดฟิลเลอร์ ห้ามกินอะไร

ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร ไม่ควรกินก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง

หากใครมีความสนใจที่จะฉีดฟิลเลอร์  กำลังตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาข้อมูลก่อนทำการฉีดอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดมานั้นเห็นผลมากน้อยแค่ไหน อย่างเช่น ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ โดยในบทความนี้มีรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับอาหาร ทั้งหลังฉีดและก่อนฉีดฟิลเลอร์

การฉีดฟิลเลอร์ ทำไมถึงกินอาการตามปกติไม่ได้

การฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดโดยใช้เข็มเพื่อให้สารเข้าสู่ใต้ผิว ดังนั้นอาจทำให้เกิดแผลขนาดเล็กบริเวณที่ฟิลเลอร์ หรือมีอาการบวมแดง อักเสบ โดยเฉพาะคนที่มีผิวบาง อาจมีอาการ เขียว ช้ำ เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากบางครั้งเข็มเข้าไปโดนเส้นเลือด ดังนั้นการที่แพทย์แนะนำว่าก่อนฉีดควรงดอาหารบางอย่าง เพราะอาหารบางอย่าง ปลาร้า หรือเมนูส้มตำ ซึ่งจัดอยู่ในอาหารหมักดอง ซึ่งแน่นอนว่ามีกรรมวิธีที่ไม่สะอาด เสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรค ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกาย เชื้อโรคนี้อาจไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของแผลรอยเข็มที่ฉีดฟิลเลอร์ได้

การทานอาหารประเภทดังกล่าว ทำให้การบวม แดงอักเสบหายได้ช้ามากกว่าเดิม และสามารถกระตุ้นอาการบวมให้มากขึ้น รวมถึงอาหารบางอย่าง เช่น แอลกอฮอล์ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ถือว่าเป็นผลข้างเคียงที่อันตรายต่อร่างกาย

ฉีดฟิลเลอร์

ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นประจำ ต้องจำกัดการกินไปตลอดหรือไม่

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ซึ่งมีผลต่อการฉีดฟิลเลอร์ อาจมีส่วนไปกระตุ้นผลข้างเคียง ทำให้ฟิลเลอร์เช็ตตัวช้า หรือสลายได้เร็ว โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ ประมาน 2 สัปดาห์ เพื่อรอให้ฟิลเลอร์เข้าที่ หลังจากนั้นก็สามารถทานอาหารได้ตามปกติ โดยอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

วิตามิน อาหารเสริมบางชนิด

มีอาหารเสริมหลายชนิดที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากมีสรรพคุณทำให้เลือดจางลง มีผลคล้ายยาละลายลิ่มเลือด ทำให้เลือดออกง่าย หยุดยาก เมื่อฉีดฟิลเลอร์จะมีโอกาสบวมและช้ำได้มากกว่าปกติ 

อาหารเสริมที่ควรงดได้แก่ วิตามินอี,น้ำมันปลา, กระเทียมและโสม เป็นต้น

ยาที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin และยาต้านการอักเสบกลุ่มที่ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ อย่างยาแอสไพริน 

โดยตามคำแนะนำของแพทย์นั้น แนะนำให้หยุดอาหารเสริมดังกล่าวทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 1 สัปดาห์

อาหารที่เป็นอาหารประเภทความร้อน 

หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภท ปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ใบหน้าต้องอยู่ใกล้กับความร้อน เนื่องจาก ความร้อนหน้าเตาของเมนูปิ้งย่าง ชาบู ทำให้ผิวหน้าอยู่ใกล้ความร้อน อาจทำให้ฟิลเลอร์ละลายหรือเกิดการหดตัว จนเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้

โดยเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องระวังการทานอาหารประเภทความร้อนมากขึ้นเพราะเราใช้ปากสัมผัสของร้อนจากอาหารโดยตรง อาจทำให้ปากเกิดอาการบวม หรืออักเสบได้ง่าย ควรรอให้ฟิลเลอร์เซตตัวก่อน อย่างน้อย 3 วัน 

แอลกอฮอล์ หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ 

ควรงดแอลกอฮอล์ประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะหลอดเลือดขยายตัว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าแดงบวม หรือรู้สึกปวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ จนเกิดอาการอักเสบตามมา แอลกอฮอล์ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์สลาย แต่จะทำให้เลือดออกเยอะจนเกิดอาการบวมช้ำบริเวณที่ฉีดได้

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน 

เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นสิ่งควรหลีกเลี่ยงทั้งก่อนการฉีดและหลังการฉีดฟิลเลอร์ ผลทำให้หลอดเลือดขยายตัว และทำให้มีการสูบฉีดเลือดดีขึ้น ดังนั้นการดื่มกาแฟหรือชาก่อนการฉีดฟิลเลอร์จะทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง และจะทำให้แผลหายช้าลงอีกด้วย โดยควรงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนการฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง และควรงดหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลาประมาณ 2 – 3 วัน

อาหารที่มีโซเดียมสูง 

เนื่องจากโซเดียมเป็นสารควบคุมสมดุลของเหลวในระบบร่างกาย เมื่อมีโซเดียมในร่างกายมากก็จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้ให้มากเพื่อให้ร่างกายอยู่ในจุดสมดุล ทำให้เกิดอาการผิวบวมขึ้นมา หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเกี่ยวข้องกับการฉีดฟิลเลอร์อย่างไร กล่าวคือ หากเกิดภาวะบวมน้ำจากโซเดียมร่วมกับอาการบวมหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ จะทำให้จุดที่ฉีดนั้นบวมขึ้นมากกว่าปกติ และหายบวมช้าลงได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผุ้ที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างแน่นอน ดังนั้นผู้ที่กำลังจะฉีดฟิลเลอร์ควรงดอาหารรสเค็มจัดที่มีโซเดียมสูงประมาณ 2 – 3 วันหลังฉีดฟิลเลอร์ 

อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารน้ำตาลสูง 

หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ควรงดอาหารน้ำตาลสูง เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะไปกระตุ้นการอักเสบ ทำให้แผลจากการฉีดฟิลเลอร์เสี่ยงอักเสบมากขึ้น ผิวบวมแดงมากกว่าปกติ ทั้งยังทำให้แผลหายช้าลงด้วย

อาหารสุกๆดิบๆ อาหารสุกๆ ดิบๆ 

หมายถึง อาหารที่ไม่ผ่านความร้อนจนสุกทั่ว เช่น กุ้งเต้น ลาบ ก้อย ซึ่งอาหารประเภทนี้อาจจะยังมีเชื้อโรคหรือพยาธิบางอย่างหลงเหลืออยู่ในอาหาร โดยเชื้อโรคและพยาธิในอาหารอาจจะไปกระตุ้นการอักเสบ

โดยเฉพาะฟิลเลอร์ปาก ควรระมัดระวังมากกว่าปกติ เนื่องจากอาจทำให้เชื้อโรคจากอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบนี้อาจเข้าสู่แผล และทำให้แผลติดเชื้อได้ 

ผลข้างเคียงที่อาจพบได้หลังฉีดฟิลเลอร์

  • อาการปวด แสบ คัน บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ปกติหลังการฉีดฟิลเลอร์ หากไม่มีได้มีอาการปวด แสบ หรือ คัน ที่ไม่สามารถทนได้ ก็ไม่ต้องกังวล 
  • อาการบวม แดง ช้ำ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เป็นอาการปกติของการที่มีเข็มไปโดนบริเวณใบหน้า ซึ่งจะมีอาการบวมแดงมากที่สุดช่วง 2-3 วันแรก แต่จะดีขึ้นเรื่อยๆและจะหายไปใน 2 สัปดาห์ หากมากกว่านั้นควรรีบพทแพย์ 
  • ติดเชื้อที่แผลฉีดฟิลเลอร์ แผลที่เกิดจากการติดเชื้อ จะมีอาการบวมแดง แสบร้อนบริเวณที่ฉีด รู้สึกปวดมากกว่าปกติ ผิวหนังเป็นสีแดงจัดไปจนถึงสีม่วง ในบางรายอาจมีหนองอยู่ในบริเวณที่บวมด้วย ซึ่งการบวมจากการติดเชื้อเป็นผลข้างเคียงที่อันตราย ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
  • แพ้ฟิลเลอร์หรือแพ้ยาชาที่อยู่ในฟิลเลอร์ (Lidocaine) อาจเกิดผื่นแดงนูน คันบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ผิวหนังแดงขึ้นในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ก้อนนูนแดง อักเสบ ที่พบภายหลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วในระยะเวลาหลายเดือน ผื่นลมพิษ หรือหนังตาบวม ในบางรายที่มีอาการรุนแรง
  • ฟิลเลอร์ไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง ฟิลเลอร์เป็นก้อน ในกรณีนี้จะเกิดขึ้นในเคสของการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐานในการฉีด อาจเกิดจากทั้งการที่ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนหลังฉีดไปแล้วระยะหนึ่ง หรืออาจเกิดจากการแพ้ฟิลเลอร์ โดยจะมีอาการบวมแดงมาก รู้สึกเจ็บปวดมากในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์  เพื่อการป้องกันฟิลเลอร์เป็นก้อนจากฟิลเลอร์ปลอม ก่อนฉีดฟิลเลอร์แนะนำให้ดูให้ดีว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคแท้
  • ฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือด หรือทำให้เกิดลิ่มเลือดในอวัยวะต่างๆ ในกรณีส่วนมากจะเกิดขึ้นกับการฉีดฟิลเลอร์ปลอม โดยเมื่อฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกายในระยะเวลานึง จะไม่สามารถสลายได้เหมือนกับฟิลเลอร์แท้ เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายแล้วไม่สลาย ทำให้เริ่มจับเป็นก้อน กลายเป็นซิลิโคนเหลวที่เกาะแน่นกับกระดูก ส่งผลให้เกิดอาการเนื้อตาย เนื้อเยื่อบางส่วนของร่างกายตายจนทำให้เกิดการเน่า เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย โดยอาจเกิดตาบอด หรือเกิดภาวะช็อกได้
ฉีดฟิลเลอร์

อาหารที่ควรรับประทานหลังฉีดฟิลเลอร์

การดื่มน้ำให้มาก 

หลายคนคงทราบดีว่าการดื่มน้ำในปริมาณมากในแต่ละวัน เป็นสิ่งที่ควรทำ และส่งผลดีต่อร่างกาย สังเกตุได้จากไม่ว่าเราจะเจ็บป่วยตรงไหนของร่างกายเมื่อไปพบแพทย์ คำแนะนำที่ต้องได้ยินอยู่บ่อยครั้งคือ “ดื่มน้ำเยอะๆ” 

ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคมีคุณสมบัติจับกับโมเลกุลของน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้กรดไฮยาลูรอนิคมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี ดังนั้นเมื่อฉีดเข้าไป ฟิลเลอร์จะช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นได้

อย่างไรก็ตามปริมาณการจับกับโมเลกุลของน้ำในฟิลเลอร์ก็สามารถลดลงได้เช่นกัน ทำให้ฟิลเลอร์ไม่ฟูเท่าเดิม ส่งผลให้ผลการรักษาอาจไม่ดีเท่าเดิม อีกทั้งยังทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็วขึ้นด้วย ดังนั้นการดื่มน้ำในปริมาณมากเพื่อเติมน้ำให้ผิว จะสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้

นอกจากนี้ การดื่มน้ำยังทำให้แผลที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์หายเร็วขึ้น อาการบวมช้ำหายเร็วขึ้น ดังนั้นผู้ที่เพิ่งฉีดฟิลเลอร์มา ควรดื่มน้ำให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงสปดาห์แรกหลังจากการฉีด จะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้นได้มาก

ทานอาหารที่มีประโยชน์

การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นการปรับสมดุลของร่างกาย ให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปตามปกติ ไม้เว้นแม้แต่การรักษาแผลจากการฉีดฟิลเลอร์ 

อาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน สามารถช่วยเสริมสร้างให้ผิวหนังแข็งแรง วิตามินช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างอิลาสติน และคอลลาเจน ในผิวหนัง อีกทั้งโปรตีนยังทำให้แผลจากการฉีดฟิลเลอร์หายเร็วขึ้นด้วย

สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

คำถามที่พบบ่อย

หากทำการฉีดฟิลเลอร์ปาก ก่อน และ หลังฉีดห้ามรับประทานอะไร

การฉีดฟิลเลอร์ปาก มีประเภทอาหารทั้งห้ามทานก่อนและหลังฉีดคล้ายกันกับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่น ดังนี้ อาหารเสริมบางชนิด อาหารร้อน  แอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารโซเดียมสูง น้ำตาลสูง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เพียงแต่การฉีดฟิลเลอร์ปากมีสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษกว่าการฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่นๆ คือเรื่องการติดเชื้อจากอาหาร และระวังการทานของร้อนที่จะสัมผัสกับปากโดยตรง

ฟิลเลอร์ปาก

หากฉีดฟิลเลอร์สามารถรับประทานอาหารทะเลได้ไหม

หลังการฉีดฟิลเลอร์สามารถทานอาหารทะเลได้ตามปกติ เพียงแต่อาหารทะเลนั้นต้องผ่านการปรุงสุกแล้ว เพราะอาหารทะเลกึ่งสุกกึ่งดิบ ส่วนใหญ่จะมีเชื้อโรคปนเปื้อน ที่สามารถกระตุ้นการอักเสบในร่างกายจนแผลจากการฉีดฟิลเลอร์ ส่งผลให้แผลหายช้า เกิดการอักเสบขึ้นได้

หากฉีดฟิลเลอร์สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม

หลังการฉีดฟิลเลอร์ควรงดแอลกอฮอล์ประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะหลอดเลือดขยายตัว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าแดงบวม หรือรู้สึกปวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ จนเกิดอาการอักเสบตามมา แอลกอฮอล์ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์สลาย แต่จะทำให้เลือดออกเยอะจนเกิดอาการบวมช้ำบริเวณที่ฉีดได้

เติมฟิลเลอร์ใต้ตาร่องแก้ม

ข้อสรุป

หากใครเจอกับปัญหาหลังการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นจากการทานอาหารที่ไม่ควรทานจนเกิดผลข้างเคียง หรือเกิดจากตัวฟิลเลอร์ที่ฉีด เกิดอาการฟิลเลอร์เป็นก้อน ฟิลเลอร์ไม่สลาย มีอาการปวดร้อน บวมแดง อักเสบ จนรู้สึกทนไม่ไหว คิดว่าไม่น่าใช่อาการปกติจากผลข้างเคียงของฟิลเลอร์อย่างแน่นอน ควรปรึกษาแพทย์โดยทันที เพราะปัญหานี้ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เฉพาะทาง เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาร้ายแรงอื่นๆ ตามมา อย่างเช่น ตาบอด ซึ่งหากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์  090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวเพื่อแก้ปัญหากับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Aya Clinic ได้เลยค่ะ

กดเพิ่มเพื่อน

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร มีวิธีแก้ไขได้อย่างไร

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาผิดตำแหน่งส่งผลให้เกิดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ซึ่งส่วนมากจะเกิดในกรณีที่ฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญในการฉีดฟิลเลอร์ วิธีแก้ไขฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนคือ ทำการฉีดสลาย เมื่อฉีดสลายแล้วเรียบ ไม่มีปัญหา ก็ไม่จำเป็นต้องเติมฟิลเลอร์เพิ่มอีก  อีกวิธีคือการฉีดฟิลเลอร์แก้ไขทับลงไปเลย ใช้ในกรณีที่เป็นฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนขนาดเล็กเท่านั้น แต่วิธีนี้อาจกลับมาเป็นก้อนขึ้นมาได้อีก ส่วนอีกหนึ่งวิธีใช้ในกรณีที่เป็นฟิลเลอร์ก้อนขนาดใหญ่และแข็ง เบื้องต้นคือทำการเจาะและขูดออก แต่ถ้ามีขนาดใหญ่มากต้องกรีดและตัดออก โดยทั้ง 3 วิธีนี้ต้องให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญประเมินอีกครั้งว่าจะใช้วิธีไหน

 ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน เกิดจากสาเหตุอะไร

 แพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญ

 การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาจะต้องเลือกทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์อย่างช่ำชอง เข้าใจโครงสร้างของใบหน้าเป็นอย่างดี มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกชนิดของฟิลเลอร์ หากฉีดกับแพทย์ที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ ไม่มีความชำนาญจะทำให้เกิดปัญหาอื่นที่เป็นต้นเหตุของฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน ไม่ว่าจะเป็น หมอปลอม ฟิลเลอร์ปลอม เป็นต้น

 การเลือกชนิดฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม 

การเลือกใช้ฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีดถือเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอย่างมาก โดยการเลือกฟิลเลอร์อย่างเหมาะสมก็มีผลมาจากการเลือกคลินิกหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากแพทย์มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจในชนิดของฟิลเลอร์ก็จะทำให้เลือกใช้ได้เหมาะกับปัญหา เช่น ปัญหาใต้ตาคล้ำ ควรใช้ฟิลเลอร์ชนิดใด เป็นต้น โดยหากเลือกฟิลเลอร์ได้ไม่เหมาะสมกับปัญหาที่ต้องการแก้ไข เมื่อมีการขยับใบหน้าอาจทำให้ดันฟิลเลอร์ที่ฉีดออกมาจนเป็นก้อนได้

 การใช้ฟิลเลอร์ปริมาณไม่เหมาะสม 

การใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาออกมาแบบผิดปกติ โดยการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาในปริมาณที่เหมาะสมคือ ประมาณ 1-2 cc หากฉีดในปริมาณที่มากกว่านี้จะทำให้เกิดปัญหาหลังฉีดที่ตามมามากมาย ไม่เพียงแต่เกิดปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนเท่านั้น แต่ยังทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดดูไม่ธรรมชาติ บวม ย้อย อีกด้วย

 การใช้ฟิลเลอร์ปลอม 

ฟิลเลอร์ปลอมได้แก่ ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านอย. ไม่มีประสิทธิภาพ โดยฟิลเลอร์ที่ได้กล่าวไปข้างต้น เมื่อเวลาผ่านไปจะจับตัวเป็นก้อน เกิดเป็นปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนตามมา


 ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน แก้ไขได้อย่างไร

 การฉีดสลายฟิลเลอร์ 

ใช้ฟิลเลอร์ชนิด Hyalironic Acid  เพื่อฉีดสลาย โดยในการฉีดสลายฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนสามารถใช้ฟิลเลอร์ชนิดนี้เท่านั้น ไม่สามารถใช้ชนิดอื่นได้ โดยสารที่เข้าไปสลายได้แก่สาร Hyalase จะฉีดเข้าไปยังตำแหน่งที่มีเนื้อฟิลเลอร์อยู่ หลังจากนั้นประมาณ 3-7 วัน ฟิลเลอร์ที่เป็นก้อนจะสลายจนหมดไปในที่สุด

 การขูดฟิลเลอร์ 

ใช้ในกรณีที่แพทย์วินิจฉัยว่าคนไข้ฉีดฟิลเลอร์ที่มาสามารถทำการฉีดสลายได้ เช่น ฟิลเลอร์เป็นก้อนแข็ง มีผังผืดมายึดรอบๆ โดยวิธีการคือทำการเจาะและขูดออก แต่วิธีนี้อาจจะไม่เหมาะกับการฉีดสลายฟิลเลอร์

ฟิลเลอร์ใต้ตา

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนควรรีบพบแพทย์

หากใครฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาแล้วรู้สึกว่ามีก้อนใต้ตา และส่วนใหญ่จะมีอาการบวมแดงร่วมด้วย หากอาการไม่ดีขึ้น หรือก้อนมีขนาดใหญ่ขึ้นควรรีบไปพบแพทย์ เนื่องจากอาจเกิดการอุดตันเส้นเลือดในตา จนเกิดการตาบอดได้ ซึ่งถือเป็นอาการที่ผิดปกติที่ไม่ควรละเลย ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรีบทำการรักษา เพื่อให้อาการฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนดีขึ้นได้


ฟิลเลอร์ปลอมสามารถฉีดสลายได้ไหม

ฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถฉีดสลายได้ โดยการแก้ไขปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนจากการฉีดฟิลเลอร์ปลอมนั้น สามารถทำได้โดยการขูดหรือผ่าออกเท่านั้น การขูดฟิลเลอร์จะไม่สามารถขูดออกได้หมด 100% เนื่องจากจะมีบางส่วนของฟิลเลอร์ที่ผสานกับเนื้อเยื่อภายในไปแล้ว โดยการขูดหรือผ่าฟิลเลอร์ออกนั้นจะต้องทำโดยตรงกับศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลเท่านั้น ดังนั้นก่อนเลือกฉีดฟิลเลอร์จะต้องเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีใบอนุญาตเท่านั้น เพื่อป้องกันการฉีดฟิลเลอร์ปลอม


การฉีดสลายฟิลเลอร์จะมีอาการข้างเคียงไหม

การฉีดสลายฟิลเลอร์โดยการใช้ Hyalase ถือเป็นสิ่งที่ปลอดภัยหากทำกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่จะมีอาการข้างเคียงอยู่บ้าง อย่างเช่น ในคนที่แพ้สาร Hyalase อาจทำให้เกิดอาการอักเสบได้ โดยวิธีการป้องกันอาการข้างเคียงนี้คือแพทย์จะมีการ test ที่ผิวหนังคนไข้ก่อนว่าแพ้สาร Hyalase หรือไม่ บวกกับการซักประวัติในกลุ่มที่แพ้เหล็กในผึ้ง เนื่องจากคนกลุ่มนี้มักมีอาการแพ้ Hyalase ด้วย


ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาอยู่ได้นานไหม

การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาสามารถอยู่ได้นาน 6 เดือน – 1 ปี โดยระยะเวลาของความถาวรของฟิลเลอร์ที่ฉีดขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อของฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ พฤติกรรมของแต่ละคนหลังทำการฉีดฟิลเลอร์ ดังนั้นหากต้องการให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานขึ้น จะต้องดูแลตัวเองให้ดี หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้ฟิลเลอร์สลายเร็ว ไม่ทำกิจกรรมกลางแจ้ง ทำเลเซอร์บริเวณหน้าอยู่บ่อยครั้ง การเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยยืดอายุของฟิลเลอร์ให้อยู่ได้นานขึ้น

ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

 ข้อควรปฎิบัติหลังฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา

  • หากมีอาการบวมหลังการฉีดฟิลเลอร์ แนะนำให้ประคบเย็นบริเวณที่มีอาการบวม
  • ควรอยู่ในที่ที่มีอุณหภูมิต่ำ หรืออากาศเย็น ไม่อยู่ในที่แสงแดดจ้า หรือมีความร้อนสูง หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับความร้อนบริเวณใต้ตา เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดมาละลายได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงการจับ แตะ หรือไปโดนบริเวณที่ทำการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาจทำให้เกิดอาการบวมหรือช้ำได้มากกว่าปกติ
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ งดอาหารหมักดอง อาหารรสจัด เนื่องจากอาจทำให้ฟิลเลอร์เข้าที่ช้าหรือเกิดอาการอักเสบได้
  • ควรดื่มน้ำให้เพียงพอหรือมากกว่าปกติ เพราะจะช่วยให้ฟิลเลอร์อยู่ใต้ผิวได้นานขึ้น
  • งดการทำเลเซอร์บริเวณใบหน้าอย่างน้อย 1 เดือน

 ข้อสรุป

หากใครที่ต้องเผชิญกับปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน การฉีดสลายฟิลเลอร์ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดี เพราะสามารถลดอาการฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อนได้ถึง 100% ควรปรึกษาแพทย์โดยทันที เพราะปัญหานี้ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เฉพาะทาง เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาร้ายแรงอื่นๆ ตามมา อย่างเช่น ตาบอด ซึ่งหากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์  090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวเพื่อแก้ปัญหาฟิลเลอร์ใต้ตาเป็นก้อน  กับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ปลอดภัยและทันสมัยได้ทันที