ฉีดฟิลเลอร์ห้ามกินอะไร ไม่ควรกินก่อนและหลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง
หากใครมีความสนใจที่จะฉีดฟิลเลอร์ กำลังตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ ควรศึกษาข้อมูลก่อนทำการฉีดอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกินก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากอาหารเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดมานั้นเห็นผลมากน้อยแค่ไหน อย่างเช่น ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์ ดื่มน้ำสะอาดมากๆ โดยในบทความนี้มีรายละเอียดสำคัญเกี่ยวกับอาหาร ทั้งหลังฉีดและก่อนฉีดฟิลเลอร์
การฉีดฟิลเลอร์ ทำไมถึงกินอาการตามปกติไม่ได้
การฉีดฟิลเลอร์เป็นการฉีดโดยใช้เข็มเพื่อให้สารเข้าสู่ใต้ผิว ดังนั้นอาจทำให้เกิดแผลขนาดเล็กบริเวณที่ฟิลเลอร์ หรือมีอาการบวมแดง อักเสบ โดยเฉพาะคนที่มีผิวบาง อาจมีอาการ เขียว ช้ำ เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าปกติ เนื่องจากบางครั้งเข็มเข้าไปโดนเส้นเลือด ดังนั้นการที่แพทย์แนะนำว่าก่อนฉีดควรงดอาหารบางอย่าง เพราะอาหารบางอย่าง ปลาร้า หรือเมนูส้มตำ ซึ่งจัดอยู่ในอาหารหมักดอง ซึ่งแน่นอนว่ามีกรรมวิธีที่ไม่สะอาด เสี่ยงต่อการปนเปื้อนเชื้อโรค ซึ่งเมื่อเข้าสู่ร่างกาย เชื้อโรคนี้อาจไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบของแผลรอยเข็มที่ฉีดฟิลเลอร์ได้
การทานอาหารประเภทดังกล่าว ทำให้การบวม แดงอักเสบหายได้ช้ามากกว่าเดิม และสามารถกระตุ้นอาการบวมให้มากขึ้น รวมถึงอาหารบางอย่าง เช่น แอลกอฮอล์ เสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย ถือว่าเป็นผลข้างเคียงที่อันตรายต่อร่างกาย

ผู้ที่ฉีดฟิลเลอร์เป็นประจำ ต้องจำกัดการกินไปตลอดหรือไม่
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง ซึ่งมีผลต่อการฉีดฟิลเลอร์ อาจมีส่วนไปกระตุ้นผลข้างเคียง ทำให้ฟิลเลอร์เช็ตตัวช้า หรือสลายได้เร็ว โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ ประมาน 2 สัปดาห์ เพื่อรอให้ฟิลเลอร์เข้าที่ หลังจากนั้นก็สามารถทานอาหารได้ตามปกติ โดยอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
วิตามิน อาหารเสริมบางชนิด
มีอาหารเสริมหลายชนิดที่ควรหลีกเลี่ยงสำหรับการฉีดฟิลเลอร์ เนื่องจากมีสรรพคุณทำให้เลือดจางลง มีผลคล้ายยาละลายลิ่มเลือด ทำให้เลือดออกง่าย หยุดยาก เมื่อฉีดฟิลเลอร์จะมีโอกาสบวมและช้ำได้มากกว่าปกติ
อาหารเสริมที่ควรงดได้แก่ วิตามินอี,น้ำมันปลา, กระเทียมและโสม เป็นต้น
ยาที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่น warfarin และยาต้านการอักเสบกลุ่มที่ไม่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ อย่างยาแอสไพริน
โดยตามคำแนะนำของแพทย์นั้น แนะนำให้หยุดอาหารเสริมดังกล่าวทั้งก่อนและหลังการฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลา 1 สัปดาห์
อาหารที่เป็นอาหารประเภทความร้อน
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภท ปิ้งย่าง ชาบู หรืออาหารที่ใบหน้าต้องอยู่ใกล้กับความร้อน เนื่องจาก ความร้อนหน้าเตาของเมนูปิ้งย่าง ชาบู ทำให้ผิวหน้าอยู่ใกล้ความร้อน อาจทำให้ฟิลเลอร์ละลายหรือเกิดการหดตัว จนเกิดผลข้างเคียงที่อันตรายได้
โดยเฉพาะการฉีดฟิลเลอร์ปาก ต้องระวังการทานอาหารประเภทความร้อนมากขึ้นเพราะเราใช้ปากสัมผัสของร้อนจากอาหารโดยตรง อาจทำให้ปากเกิดอาการบวม หรืออักเสบได้ง่าย ควรรอให้ฟิลเลอร์เซตตัวก่อน อย่างน้อย 3 วัน
แอลกอฮอล์ หลังจากการฉีดฟิลเลอร์
ควรงดแอลกอฮอล์ประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะหลอดเลือดขยายตัว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าแดงบวม หรือรู้สึกปวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ จนเกิดอาการอักเสบตามมา แอลกอฮอล์ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์สลาย แต่จะทำให้เลือดออกเยอะจนเกิดอาการบวมช้ำบริเวณที่ฉีดได้
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นสิ่งควรหลีกเลี่ยงทั้งก่อนการฉีดและหลังการฉีดฟิลเลอร์ ผลทำให้หลอดเลือดขยายตัว และทำให้มีการสูบฉีดเลือดดีขึ้น ดังนั้นการดื่มกาแฟหรือชาก่อนการฉีดฟิลเลอร์จะทำให้เกิดการอักเสบ บวมแดง และจะทำให้แผลหายช้าลงอีกด้วย โดยควรงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนก่อนการฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง และควรงดหลังฉีดฟิลเลอร์เป็นเวลาประมาณ 2 – 3 วัน
อาหารที่มีโซเดียมสูง
เนื่องจากโซเดียมเป็นสารควบคุมสมดุลของเหลวในระบบร่างกาย เมื่อมีโซเดียมในร่างกายมากก็จะทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้ให้มากเพื่อให้ร่างกายอยู่ในจุดสมดุล ทำให้เกิดอาการผิวบวมขึ้นมา หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเกี่ยวข้องกับการฉีดฟิลเลอร์อย่างไร กล่าวคือ หากเกิดภาวะบวมน้ำจากโซเดียมร่วมกับอาการบวมหลังจากการฉีดฟิลเลอร์ จะทำให้จุดที่ฉีดนั้นบวมขึ้นมากกว่าปกติ และหายบวมช้าลงได้ ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อผุ้ที่ฉีดฟิลเลอร์อย่างแน่นอน ดังนั้นผู้ที่กำลังจะฉีดฟิลเลอร์ควรงดอาหารรสเค็มจัดที่มีโซเดียมสูงประมาณ 2 – 3 วันหลังฉีดฟิลเลอร์
อาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารน้ำตาลสูง
หลังจากการฉีดฟิลเลอร์ควรงดอาหารน้ำตาลสูง เนื่องจากอาหารประเภทนี้จะไปกระตุ้นการอักเสบ ทำให้แผลจากการฉีดฟิลเลอร์เสี่ยงอักเสบมากขึ้น ผิวบวมแดงมากกว่าปกติ ทั้งยังทำให้แผลหายช้าลงด้วย
อาหารสุกๆดิบๆ อาหารสุกๆ ดิบๆ
หมายถึง อาหารที่ไม่ผ่านความร้อนจนสุกทั่ว เช่น กุ้งเต้น ลาบ ก้อย ซึ่งอาหารประเภทนี้อาจจะยังมีเชื้อโรคหรือพยาธิบางอย่างหลงเหลืออยู่ในอาหาร โดยเชื้อโรคและพยาธิในอาหารอาจจะไปกระตุ้นการอักเสบ
โดยเฉพาะฟิลเลอร์ปาก ควรระมัดระวังมากกว่าปกติ เนื่องจากอาจทำให้เชื้อโรคจากอาหารกึ่งสุกกึ่งดิบนี้อาจเข้าสู่แผล และทำให้แผลติดเชื้อได้
ผลข้างเคียงที่อาจพบได้หลังฉีดฟิลเลอร์
- อาการปวด แสบ คัน บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้ปกติหลังการฉีดฟิลเลอร์ หากไม่มีได้มีอาการปวด แสบ หรือ คัน ที่ไม่สามารถทนได้ ก็ไม่ต้องกังวล
- อาการบวม แดง ช้ำ บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เป็นอาการปกติของการที่มีเข็มไปโดนบริเวณใบหน้า ซึ่งจะมีอาการบวมแดงมากที่สุดช่วง 2-3 วันแรก แต่จะดีขึ้นเรื่อยๆและจะหายไปใน 2 สัปดาห์ หากมากกว่านั้นควรรีบพทแพย์
- ติดเชื้อที่แผลฉีดฟิลเลอร์ แผลที่เกิดจากการติดเชื้อ จะมีอาการบวมแดง แสบร้อนบริเวณที่ฉีด รู้สึกปวดมากกว่าปกติ ผิวหนังเป็นสีแดงจัดไปจนถึงสีม่วง ในบางรายอาจมีหนองอยู่ในบริเวณที่บวมด้วย ซึ่งการบวมจากการติดเชื้อเป็นผลข้างเคียงที่อันตราย ควรรีบพบแพทย์โดยเร็วที่สุด
- แพ้ฟิลเลอร์หรือแพ้ยาชาที่อยู่ในฟิลเลอร์ (Lidocaine) อาจเกิดผื่นแดงนูน คันบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ผิวหนังแดงขึ้นในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ ก้อนนูนแดง อักเสบ ที่พบภายหลังจากฉีดฟิลเลอร์ไปแล้วในระยะเวลาหลายเดือน ผื่นลมพิษ หรือหนังตาบวม ในบางรายที่มีอาการรุนแรง
- ฟิลเลอร์ไหลเข้าสู่เนื้อเยื่อบริเวณข้างเคียง ฟิลเลอร์เป็นก้อน ในกรณีนี้จะเกิดขึ้นในเคสของการใช้ฟิลเลอร์ปลอม ไม่ได้มาตรฐานในการฉีด อาจเกิดจากทั้งการที่ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนหลังฉีดไปแล้วระยะหนึ่ง หรืออาจเกิดจากการแพ้ฟิลเลอร์ โดยจะมีอาการบวมแดงมาก รู้สึกเจ็บปวดมากในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ เพื่อการป้องกันฟิลเลอร์เป็นก้อนจากฟิลเลอร์ปลอม ก่อนฉีดฟิลเลอร์แนะนำให้ดูให้ดีว่าฟิลเลอร์ที่ฉีดเป็นฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคแท้
- ฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือด หรือทำให้เกิดลิ่มเลือดในอวัยวะต่างๆ ในกรณีส่วนมากจะเกิดขึ้นกับการฉีดฟิลเลอร์ปลอม โดยเมื่อฟิลเลอร์ปลอมเข้าสู่ร่างกายในระยะเวลานึง จะไม่สามารถสลายได้เหมือนกับฟิลเลอร์แท้ เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายแล้วไม่สลาย ทำให้เริ่มจับเป็นก้อน กลายเป็นซิลิโคนเหลวที่เกาะแน่นกับกระดูก ส่งผลให้เกิดอาการเนื้อตาย เนื้อเยื่อบางส่วนของร่างกายตายจนทำให้เกิดการเน่า เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย โดยอาจเกิดตาบอด หรือเกิดภาวะช็อกได้

อาหารที่ควรรับประทานหลังฉีดฟิลเลอร์
การดื่มน้ำให้มาก
หลายคนคงทราบดีว่าการดื่มน้ำในปริมาณมากในแต่ละวัน เป็นสิ่งที่ควรทำ และส่งผลดีต่อร่างกาย สังเกตุได้จากไม่ว่าเราจะเจ็บป่วยตรงไหนของร่างกายเมื่อไปพบแพทย์ คำแนะนำที่ต้องได้ยินอยู่บ่อยครั้งคือ “ดื่มน้ำเยอะๆ”
ฟิลเลอร์กรดไฮยาลูรอนิคมีคุณสมบัติจับกับโมเลกุลของน้ำได้เป็นอย่างดี ทำให้กรดไฮยาลูรอนิคมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้ดี ดังนั้นเมื่อฉีดเข้าไป ฟิลเลอร์จะช่วยเติมน้ำให้ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นขึ้นได้
อย่างไรก็ตามปริมาณการจับกับโมเลกุลของน้ำในฟิลเลอร์ก็สามารถลดลงได้เช่นกัน ทำให้ฟิลเลอร์ไม่ฟูเท่าเดิม ส่งผลให้ผลการรักษาอาจไม่ดีเท่าเดิม อีกทั้งยังทำให้ฟิลเลอร์สลายตัวได้เร็วขึ้นด้วย ดังนั้นการดื่มน้ำในปริมาณมากเพื่อเติมน้ำให้ผิว จะสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้
นอกจากนี้ การดื่มน้ำยังทำให้แผลที่เกิดจากการฉีดฟิลเลอร์หายเร็วขึ้น อาการบวมช้ำหายเร็วขึ้น ดังนั้นผู้ที่เพิ่งฉีดฟิลเลอร์มา ควรดื่มน้ำให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะช่วงสปดาห์แรกหลังจากการฉีด จะช่วยให้ผลการรักษาดีขึ้นได้มาก
ทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เป็นการปรับสมดุลของร่างกาย ให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปตามปกติ ไม้เว้นแม้แต่การรักษาแผลจากการฉีดฟิลเลอร์
อาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามิน สามารถช่วยเสริมสร้างให้ผิวหนังแข็งแรง วิตามินช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างอิลาสติน และคอลลาเจน ในผิวหนัง อีกทั้งโปรตีนยังทำให้แผลจากการฉีดฟิลเลอร์หายเร็วขึ้นด้วย

คำถามที่พบบ่อย
หากทำการฉีดฟิลเลอร์ปาก ก่อน และ หลังฉีดห้ามรับประทานอะไร
การฉีดฟิลเลอร์ปาก มีประเภทอาหารทั้งห้ามทานก่อนและหลังฉีดคล้ายกันกับการฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่น ดังนี้ อาหารเสริมบางชนิด อาหารร้อน แอลกอฮอล์ คาเฟอีน อาหารโซเดียมสูง น้ำตาลสูง อาหารกึ่งสุกกึ่งดิบ เพียงแต่การฉีดฟิลเลอร์ปากมีสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษกว่าการฉีดฟิลเลอร์บริเวณอื่นๆ คือเรื่องการติดเชื้อจากอาหาร และระวังการทานของร้อนที่จะสัมผัสกับปากโดยตรง

หากฉีดฟิลเลอร์สามารถรับประทานอาหารทะเลได้ไหม
หลังการฉีดฟิลเลอร์สามารถทานอาหารทะเลได้ตามปกติ เพียงแต่อาหารทะเลนั้นต้องผ่านการปรุงสุกแล้ว เพราะอาหารทะเลกึ่งสุกกึ่งดิบ ส่วนใหญ่จะมีเชื้อโรคปนเปื้อน ที่สามารถกระตุ้นการอักเสบในร่างกายจนแผลจากการฉีดฟิลเลอร์ ส่งผลให้แผลหายช้า เกิดการอักเสบขึ้นได้
หากฉีดฟิลเลอร์สามารถดื่มแอลกอฮอล์ได้ไหม
หลังการฉีดฟิลเลอร์ควรงดแอลกอฮอล์ประมาณ 2 สัปดาห์ เนื่องจากการดื่มแอลกอฮอล์ทำให้เลือดสูบฉีดมากขึ้น ส่งผลให้เกิดภาวะหลอดเลือดขยายตัว ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หน้าแดงบวม หรือรู้สึกปวด บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ จนเกิดอาการอักเสบตามมา แอลกอฮอล์ไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้ฟิลเลอร์สลาย แต่จะทำให้เลือดออกเยอะจนเกิดอาการบวมช้ำบริเวณที่ฉีดได้

ข้อสรุป
หากใครเจอกับปัญหาหลังการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ว่าจะเป็นจากการทานอาหารที่ไม่ควรทานจนเกิดผลข้างเคียง หรือเกิดจากตัวฟิลเลอร์ที่ฉีด เกิดอาการฟิลเลอร์เป็นก้อน ฟิลเลอร์ไม่สลาย มีอาการปวดร้อน บวมแดง อักเสบ จนรู้สึกทนไม่ไหว คิดว่าไม่น่าใช่อาการปกติจากผลข้างเคียงของฟิลเลอร์อย่างแน่นอน ควรปรึกษาแพทย์โดยทันที เพราะปัญหานี้ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เฉพาะทาง เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาร้ายแรงอื่นๆ ตามมา อย่างเช่น ตาบอด ซึ่งหากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์ 090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวเพื่อแก้ปัญหากับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ Aya Clinic ได้เลยค่ะ




