Posts

อายุเพิ่มขึ้น ใบหน้าหย่อนคล้อย

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หนึ่งในสาเหตุของใบหน้าหย่อนคล้อย?

เมื่ออายุมากขึ้นเคยสังเกตตัวเองบ้างหรือไม่ว่า สิ่งที่ปรากฏบนใบหน้าคุณตอนนี้มีลักษณะเหล่านี้หรือไม่ เช่น รอยย่นบนหน้าผาก หนังตาตก ร่องใต้ตาชัด มีร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย มุมปากตก ไขมันเริ่มเคลื่อนตัวมากองอยู่บริเวณคางและเหนียงจนกรอบหน้าไม่ชัด เป็นต้น

วันนี้หมอจะอธิบายถึงสาเหตุของผิวหน้าและแก้มหย่อนคล้อย ว่าทำไมเมื่ออายุเราเยอะขึ้น ผิวหน้าจึงหย่อนยาน โดยเฉพาะแก้มหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร ลักษณะเป็นอย่างไร และวิธีแก้ปัญหาแก้มห้อยแก้มย้อยต้องทำอะไรบ้าง ไปทำความเข้าใจพร้อมกันในบทความนี้

พบแพทย์เพื่อตรวจประเมิณใบหน้า

แก้มย้อย แก้มห้อยแก้มหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร

ใบหน้าของเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยปัญหาที่พบได้อย่างเด่นชัดไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย คือ ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ผิวหน้าเริ่มไม่กระชับ ทำให้กรอบหน้าไม่ชัดกลายเป็น U-Shape แก้มห้อยแก้มย้อยไปตามแรงโน้มถ่วง ซึ่งหมอได้สรุปสาเหตุที่ทำให้แก้มหย่อนคล้อยไว้ดังนี้

กระดูกบางตัวลง

แก้มหย่อนคล้อยเกิดจากกระดูกใบหน้าบางลง เพราะกระดูกใบหน้าเป็นตัวกำหนดรูปหน้าของเรา แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระดูกใบหน้าจะเริ่มฝ่อและสลายไป ทำให้ขนาดกระดูกใบหน้าเล็กและบางลง จึงส่งผลให้เอ็นที่ทำหน้าที่ยึดกระดูกกับผิวหน้าไว้ (Facial Ligament) หย่อนยานไม่ตึงกระชับเหมือนเดิม ผิวหน้าที่เคยตึงกระชับ เพราะได้รับการดึงจากเส้นเอ็นก็ตกตามแรงโน้มถ่วง จนกลายเป็นแก้มห้อยแก้มย้อยในที่สุด

คอลลาเจนในชั้นผิวคลายตัว

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อยคงหนีไม่พ้น การเสื่อมสภาพลงของคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ เพราะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจนจะทำได้น้อยลง อีกทั้งคอลลาเจนที่มีอยู่เดิมก็เริ่มเสื่อมสลายลงไปตามกาลเวลา ทำให้โครงสร้างผิวหน้าสูญเสียเส้นใยที่ช่วยตึงกระชับผิวและขาดความยืดหยุ่น จึงทำให้เกิดริ้วรอย ใบหน้ามีความหย่อนคล้อย จนแก้มห้อยย้อย และเกิดร่องแก้มลึก 

ทั้งนี้ การเสื่อมสภาพของคอลลาเจนยังมีปัจจัยอื่นนอกจากอายุ นั่นคือ แสงแดด มลภาวะ ฝุ่นละออง ควันพิษ ความเครียด การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งหากใครที่ประสบกับปัจจัยเหล่านี้เป็นประจำก็อาจทำให้หน้าย่นก่อนวัยได้ โดยผลที่ตามมาของหน้าย่นก่อนวัย ก็คือ ผิวหน้าจะหย่อนยานและมีแก้มห้อยหย่อนคล้อยนั่นเอง

มีการเลื่อนตัวหรือเคลื่อนตัวของไขมันใต้ผิว

เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันใต้ชั้นผิวหนังบริเวณใบหน้าจะสลายหายไปบางส่วน จนกลายเป็นร่องแก้มลึก อีกทั้งไขมันที่เหลืออยู่ยังเคลื่อนตัวลงมาสะสมบริเวณด้านล่างของใบหน้า ทำให้รูปร่างโครงหน้ากลายเป็นตัว U มีแก้มห้อยหย่อนคล้อย จนส่งผลให้กรอบหน้าไม่ชัด

แบบไหนที่เรียกว่าแก้มหย่อนคล้อย

จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเริ่มมีแก้มหย่อนคล้อยแล้ว หมออยากให้ทุกคนลองสังเกตใบหน้าของตัวเองว่ามีสัญญาณดังต่อไปนี้หรือไม่ โดยดูตัวอย่างจากเคสนี้นะคะ

  1. โครงหน้าเริ่มเป็นรูปตัว U หรือ U-Shape จนทำให้กรอบหน้าบริเวณลำคอหายไป
  2. บริเวณแก้มส่วนบนจะเห็นเป็นร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย และเห็นร่องใต้ตาชัดเจน
  3. ผิวหน้าบริเวณแก้มส่วนล่างเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น จนทำให้ผิวโหนกแก้มห้อย 
  4. เกิดร่องแก้มลึกบริเวณกลีบจมูกและมุมปาก
  5. เกิดร่องน้ำหมาก บริเวณมุมปากลากยาวจนถึงคาง
  6. เห็นเหนียงชัดเจนขึ้น หรือมีเหนียงสองชั้น
ปัญหาใบหน้าที่หย่อนคล้อย

หากใครมีสัญญาณเหล่านี้ตามที่หมอบอกมา แสดงว่าใบหน้าของคุณมีแก้มหย่อนคล้อย โดยมีสาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้นนั่นเอง ทว่าไม่ต้องกังวลไป หมอมีวิธีแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยและวิธีรักษาแก้มห้อยย้อยเหล่านี้ ซึ่งหมอจะอธิบายในหัวข้อถัดไป


วิธีการแก้ไขปัญหาการหย่อนคล้อยบนใบหน้า

หากใครที่ต้องการแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย โดยเฉพาะปัญหาแก้มห้อย หรือร่องแก้มลึก ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีทางการแพทย์ให้เราได้เลือกรักษา โดยหมอแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  1. การยกกระชับผิวหน้าแบบผ่าตัด คือ การผ่าตัดเพื่อแก้ปัญหาแก้มห้อยหย่อนคล้อย 

ด้วยการตัดแต่งกล้ามเนื้อและไขมันใต้ชั้นผิวหนังให้เคลื่อนตัวกลับไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม ข้อดีของวิธีนี้ คือ การทำให้หน้าเด็กลงทันทีภายใน 2 เดือนหลังการผ่าตัด และจะคงผลลัพธ์นานถึง 5 ปี แต่ข้อเสีย คือ ต้องนอนพักฟื้นและมีความเสี่ยงหลังผ่าตัด โดยบางรายอาจเกิดอาการบวมช้ำ หรือภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ภาวะเลือดคั่ง เส้นประสาทบาดเจ็บ เป็นต้น

  1. การยกกระชับหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด คือ 

การยกกระชับแก้มหย่อนคล้อยด้วยเข็มหรือการฉายคลื่นเลเซอร์ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ เป็นวิธีการทำให้หน้าเด็กลงโดยไม่ต้องพักฟื้นร่างกาย ซึ่งวิธียกกระชับหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดจะช่วยเร่งร่างกายให้ฟื้นฟูตัวเองเร็วกว่าปกติ ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปลอดภัย

สำหรับวันนี้หมอขอแนะนำวิธีแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยแบบไม่ต้องผ่าตัดหลัก ๆ 2 วิธี ได้แก่ ‘การทำ HIFU’ และ ‘การร้อยไหม’ เนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัย ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังไม่ต้องนอนพักฟื้น ซึ่งเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน โดยหมอจะเจาะลึกในทั้งสองวิธีนี้ในหัวข้อต่อไป

 


HIFU ช่วยรักษาความหย่อนคล้อยได้อย่างไร

HIFU หรือ High Intensity Focused Ultrasound เป็นวิธีรักษาปัญหาแก้มหย่อนคล้อยที่ใช้หลักการทำงานของคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ โดยหมอจะยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวด์เข้าสู่ผิวหนังชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อพังผืดที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อใบหน้า 

เมื่อคลื่นเสียงเข้าไปยังชั้นผิวหนังจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นใหม่ในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบนใบหน้ามีเส้นใยเชื่อมโยงประสานกัน ส่งผลให้แก้มหย่อนคล้อยแลดูกระชับขึ้น ร่องแก้มลึกที่เคยมีก็ถูกยึดโยงให้สมานกัน ทำให้ร่องตื้นขึ้นและจางหายไปในที่สุด

ข้อดีของHIFU

ตามปกติแล้ว หมอจะแนะนำการทำ HIFU ให้แก่ผู้ที่ปัญหาแก้มห้อย แก้มหย่อนคล้อย ผิวหน้าไม่กระชับ มีร่องแก้มลึก และกรอบหน้าไม่ชัดเจน รวมถึงผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าด้วย โดยการทำ HIFU เพื่อยกกระชับหน้ามีข้อดีดังนี้

  1. ใช้เวลารักษาไม่นาน และเป็นวิธีการทำให้หน้าเด็กโดยไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้น
  2. ไม่มีผลข้างเคียง ไม่เจ็บ ไม่บวม ไม่เกิดการอักเสบ ผิวหนังโดยรอบไม่ได้รับความเสียหายจากคลื่นอัลตราซาวด์
  3. แก้ไขปัญหาแก้มหย่อนคล้อยได้ตรงจุด เพราะเป็นเม็ดคลื่นที่เรียงต่อกัน ทำให้พลังงานคลื่นกระจายได้ทั่วบริเวณที่ต้องการรักษา
  4. เห็นผลทันที 20-30% ตั้งแต่ทำครั้งแรก และจะเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป 1-2 เดือน ซึ่งผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ได้นานถึง 6 เดือนถึง 1 ปีเลยทีเดียว 
การทำ HIFU
รีวิวการทำยกกระชับใบหน้า
รีวิว HIFU

ร้อยไหมช่วยลดความหย่อนคล้อยได้อย่างไร

ร้อยไหม (Thread Lift) เป็นวิธียกกระชับแก้มห้อยหย่อนคล้อยด้วยการใช้ไหมละลายร้อยเข้าใต้ผิวหนัง โดยหมอจะสอดเส้นไหมบริเวณแก้ม แนวกราม หรือขากรรไกร เพื่อให้เงี่ยงของเส้นไหมช่วยยึดเนื้อเยื่อกับผิวหน้า ทำให้แก้มที่เคยหย่อนคล้อยกระชับและเข้ารูปหน้ามากขึ้น นอกจากนี้เงี่ยงไหมยังกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้ากระชับ เติมร่องแก้มลึกให้หายไป

ข้อดีของร้อยไหม

ส่วนใหญ่หมอจะแนะนำวิธีร้อยไหมให้แก่ผู้ที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย จากสาเหตุกระดูกบางตัวลงหรือไขมันเคลื่อนตัว และผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เป็น V-Shape ซึ่งข้อดีของการร้อยไหม ได้แก่

  1. เห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันทีหลังทำ และประสิทธิภาพของผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 1-3 ปี
  2. เป็นวิธีการทำให้หน้าเด็กโดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
  3. มีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยช้ำ รอยบวม หรือรอยแดงบริเวณที่สอดไหม เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ 
  4. แก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยและกรอบหน้าไม่ชัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเงี่ยงไหมสามารถยึดโยงเนื้อเยื่อผิวหน้าให้กระชับเข้ารูปได้พอ ๆ กับการผ่าตัดยกกระชับหน้า แต่มีปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
การร้อยไหมยกกระชับ
รีวิวการร้อยไหม
รีวิวการร้อยไหม ใบหน้าหย่อนคล้อย

วิธีการแก้ไขปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ด้วยHIFU และ ร้อยไหม ต่างกันอย่างไร

แม้ว่า HIFU และ ร้อยไหม จะสามารถรักษาแก้มห้อยหย่อนคล้อยให้ดูกระชับขึ้นได้ทั้งคู่ แต่ทั้งสองมีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้

HIFU เหมาะสำหรับเคสที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย  โดยมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน เลยต้องการกระตุ้นให้คอลลาเจนผลิตขึ้นใหม่ ดังนั้น HIFU จึงเหมาะกับคนอายุ 20-35 ปี สามารถปัญหาแก้มหย่อนคล้อยที่เคยมีจะกระชับขึ้น 20-30% หลังทำครั้งแรก และผลลัพธ์ปรากฏเต็มที่เมื่อผ่านไป 1-2 เดือน โดยผลลัพธ์นี้จะอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและพฤติกรรมการใช้ชีวิต 

ส่วนร้อยไหมจะเหมาะกับคนอายุ 35 ปีขึ้นไป เพราะคนที่อายุมากจะมีปัญหาแก้มหย่อนคล้อยจากกระดูกที่บางตัวลง หรือไขมันที่เคลื่อนตัวลงมาสะสมบริเวณคาง ทำให้โครงหน้าเป็นรูปตัว U โดยการร้อยไหมสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ทันทีหลังทำ ซึ่งผลลัพธ์นั้นจะคงสภาพได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูตัวเองและพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน  


การรักษาปัญหาแก้มหย่อนคล้อยสามารถทำร่วมกับโปรแกรมอื่นเพื่อให้ดูอ่อนกว่าวัยได้หรือไหม

นอกจากวิธีการรักษาแก้มห้อยหย่อนคล้อย ด้วยการทำ HIFU และร้อยไหมที่หมอพูดไปข้างต้นแล้ว ผู้รักษาสามารถใช้โปรแกรมกระชับหน้าอื่น ๆ ร่วมด้วยได้ เพื่อโครงหน้าที่กระชับสวยเป็น V-Shape และแลดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งหมอแนะนำ 2 วิธีเสริม ได้แก่

Botox ลดริ้วรอย และ Botox ลดกราม 

สำหรับคนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัดเจน รูปหน้าเป็นตัว U แต่ต้องการทำให้หน้าเด็กเป็น V-Shape อีกทั้งยังมีริ้วรอยและร่องแก้มลึก สามารถฉีดโบท็อกลดกรามและโบท็อกริ้วรอยร่วมด้วยได้ 

หมอจะใช้โบท็อกลดกราม เพื่อช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อกรามและดึงผิวหน้าให้กระชับ ทำให้แก้มหย่อนคล้อยหายไป กรอบหน้าดูคมชัดมีมิติขึ้น ส่วนโบท็อกริ้วรอย หมอใช้ฉีดเพื่อตรึงกล้ามเนื้อผิวหน้าไม่ให้ขยับ ทำให้ไม่เกิดริ้วรอยหรือร่องแก้มลึกขึ้นอีก

ฟิลเลอร์

สำหรับใครที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย โดยมีสาเหตุมาจากกระดูกหน้าบางหรือไขมันเคลื่อนตัว เมื่อร้อยไหมแล้ว ผู้รักษาสามารถฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มผิวหน้าที่เป็นร่องแก้มลึกหรือริ้วรอยให้ดูอิ่มฟูธรรมชาติได้ ซึ่งส่วนใหญ่หมอจะฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มบริเวณร่องใต้ตา ร่องปีกจมูก ร่องแก้ม และร่องมุมปากเพื่อให้ใบหน้าดูเต็มอิ่ม อีกทั้งยังฉีดเพื่อกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงอ่อนเยาว์ด้วย


การดูแลหลังรักษาปัญหาแก้มหย่อนคล้อย

แม้การทำ HIFU และ ร้อยไหมจะสามารถแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากผู้รักษาอยากให้ผลลัพธ์หลังจากทำ HIFU หรือ ร้อยไหมคงอยู่ไปนาน ๆ หมอแนะนำให้ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ดังนี้

วิธีดูแลหลังทำ HIFU

HIFU เป็นวิธีรักษาแก้มหย่อนคล้อยด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ ซึ่งแม้จะไม่มีผลข้างเคียงแต่หมอแนะนำให้ปฏิบัติตัวดังนี้

  1. ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง หลังทำ HIFU เพื่อป้องกันรังสี UV ทำลายคอลลาเจน
  2. หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้คอลลาเจนได้ฟื้นตัวและทำงานเต็มที่
  3. งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้คอลลาเจนที่กระตุ้นมาเสื่อมลงได้
  4. หลีกเลี่ยงการถูใบหน้าแรง ๆ เพื่อป้องกันคอลลาเจนสลายตัว

 วิธีดูแลหลังทำร้อยไหม

เนื่องจากการร้อยไหมเป็นหัตถการรักษาแก้มห้อยหย่อนคล้อยด้วยเข็ม จึงทำให้มีอาการบวมช้ำจากเข็มเล็กน้อย และเส้นไหมที่สอดเข้าใต้ผิวหนังก็อาจจะยังไม่เข้าที่เท่าไหร่นัก หมอเลยแนะนำให้ปฏิบัติตัวดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า โดยห้ามแกะ เกา หรือนวด บริเวณที่ร้อยไหม 2-3 วัน
  2. ห้ามทำเลเซอร์ อบซาวหน้า หรือหัตถการที่ให้ความร้อน หลังร้อยไหม 2 เดือน
  3. หากมีอาการปวดหลังร้อยไหม หมอจะให้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ
  4. หลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าแรง ๆ 3 วันหลังร้อยไหม เพื่อไม่ให้ไหมเคลื่อนตัวผิดรูป
  5. หากมีอาการผิดปกติ รู้สึกปวดหรือเจ็บมากบริเวณที่ร้อยไหม ควรพบแพทย์ทันที

ข้อสรุป

แก้มหย่อนคล้อยเป็นปัญหาที่คนอายุมากขึ้นทุกคนต้องเจอ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีทางการแพทย์ โดยหมอแนะนำวิธีรักษาแก้มหย่อนคล้อยด้วยการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด เช่น การทำ HIFU หรือร้อยไหม เป็นต้น เนื่องจากมีความปลอดภัย ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และไม่ต้องพักฟื้น

ทั้งนี้ หากใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทำ HIFU หรือ ร้อยไหม เพื่อแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรศัพท์ 090-970-0447 เพื่อพูดคุยกับหมอได้โดยตรง ไม่เสียค่าใช้จ่าย


เอกสารอ้างอิง

Jennifer Huizen. (2018). How to get rid of jowls. Retrieve from https://www.medicalnewstoday.com/articles/320809 

Tim Jewell. (2017). Jowls: Why It Happens and What You Can Do. Retrieve from 

Hifu คืออะไร

Hifu คืออะไร ราคาเท่าไหร่ ทำ Hifu ดีไหม เหมาะกับใครบ้าง?

สำหรับใครที่มีริ้วรอย ความเหี่ยวย่น และไขมันส่วนเกิน แต่ก็กลัวที่จะผ่าตัด กลัวเข็มหรือการฉีดยา ตลอดจนกลัวผลข้างเคียง อาจจะเลือกใช้การรักษาผิวหน้าที่มีประสิทธิภาพอย่าง HIFU ทางเลือกใหม่ที่ปลอดภัย 

ทั้งนี้ เทคโนโลยี HIFU ดีจริงไหม? ใครทำได้บ้าง ทำ HIFU แล้วจะเห็นผลภายในกี่วัน HIFU ราคาเท่าไหร่ แล้วทำ HIFU ที่ไหนดี ติดตามอ่านต่อได้ในบทความนี้


Hifu คืออะไร

High Intensity Focus Ultrasound หรือที่เรียกกันติดปากว่า HIFU คือ วิธียกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย แก้ไขความหย่อนคล้อย ด้วยเทคโนโลยีโฟกัสอัลตราซาวด์ ซึ่ง HIFU ทำงานโดยปล่อยพลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงลงสู่ชั้นผิวหนัง SMAS หรือ Superficial Muscular Aponeurotic System ชั้นเนื้อเยื่อพังผืดสำคัญของกล้ามเนื้อใบหน้า 

ดังนั้น การทำ HIFU จะทำให้ผิวหนังชั้น SMAS เกิดการหดตัว ด้วยการหดตัวนี้เปรียบเสมือนการดึงใบหน้าให้เต่งตึงขึ้น HIFU ช่วยกระชับบริเวณผิวหน้าและร่างกายโดยไม่ต้องผ่าตัด แต่ได้ประสิทธิภาพเทียบเท่าการศัลยกรรมดึงหน้า

เดิมที HIFU ใช้ในทางการแพทย์ เพื่อกำจัดเนื้องอก ต่อมาองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกาประกาศให้ใช้สำหรับการศัลยกรรมยกคิ้ว จนในปัจจุบัน HIFU ได้รับการอนุมัติให้ใช้ในวงการความงามอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะเป็นการยกกระชับผิว ลบเลือนริ้วรอย ปรับหน้าให้เข้ารูป หรือสลายไขมันในร่างกาย

Hifu ดีไหม

HIFU ทำงานอย่างไร

หลักการทำงานของ HIFU จะใช้ความร้อนจากคลื่นอัลตราซาวด์เป็นจุดเล็ก ๆ โดยมีระยะห่างระหว่างจุดเท่า ๆ กัน อยู่ที่ประมาณ 1-3 มิลลิเมตร ลงไปถึงรอยต่อของชั้นผิว SMAS เปลี่ยนคลื่นเป็นพลังงานความร้อน ส่งผลให้คอลลาเจนบริเวณนั้นหดตัว เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นใหม่ในจำนวนที่มากกว่าเดิม อีกทั้งยังช่วยซ่อมแซมและผลิตเซลล์ผิวใหม่แทนที่เนื้อเยื่อเก่าที่เสียหายไป รวมถึงช่วยลดเซลลูไลต์ด้วย 

กระบวนการทำ HIFU จะยิงคลื่นอัลตราซาวนด์เข้าไปในบริเวณที่ต้องการรักษา ซึ่งจะมีหัวยิงหลายระดับตามความลึกของผิวในบริเวณนั้น ๆ เช่น บริเวณหน้าผาก คิ้ว ใต้ตา เปลือกตาบน ร่องมุมปาก แก้ม เหนียง คอ กรอบหน้า หน้าอก หน้าท้อง หรือต้นขา เป็นต้น 


HIFU ดีไหม เหมาะกับใครบ้าง

คำถามที่ว่า Hifu ดีไหม คำตอบที่ได้คือ การทำ HIFU ดีและเหมาะกับคนอายุ 20 ปีขึ้นไป ที่มีปัญหาความหย่อนคล้อย ใบหน้าไม่เข้ารูป ขาดความกระชับ หรือคนที่มีริ้วรอยก่อนวัยอันควร 

ทั้งนี้ Hifu รีวิวส่วนใหญ่ที่พบ คือ มีข้อดีหลากหลาย ไม่ต้องศัลยกรรม ไม่เจ็บปวด ใช้เวลาทำรวดเร็ว โดยแต่ละครั้งไม่นานประมาณ 30-40 นาที นอกจากนี้ผู้ที่เริ่มทำ HIFU ตั้งแต่อายุน้อย จะเกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าคนอายุเยอะแล้ว  


HIFU ทำงานอย่างไร

ทำ HIFU เห็นผลกี่วัน Hifu อยู่ได้นานไหม

หลังทำ HIFU อยู่ได้นานไหม เห็นผลกี่วัน คำตอบคือ การทำ Hifu ครั้งแรกจะเห็นผลการเปลี่ยนแปลงทันทีประมาณ 20% เนื่องจากเซลล์ผิวและคอลลาเจนถูกกระตุ้นให้ค่อย ๆ สร้างขึ้นใหม่ ทำให้ผิวปรับสภาพดีขึ้น ความหย่อนคล้อย และเหนียงดูลดลง โดยจะแสดงประสิทธิภาพเต็มที่ 100% เมื่อผ่านไปประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งการทำ HIFU จะคงสภาพหน้าเรียบเนียนและเต่งตึงเป็นเวลา 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวของแต่ละคน


Hifu อันตรายไหม มีผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง

หลังจากฉีด Hifu รีวิวผลข้างเคียงส่วนใหญ่พบว่าการทำ Hifu จะมีเปอร์เซ็นต์การเกิดน้อยเมื่อเทียบกับวิธีอื่น ซึ่งผลข้างเคียงโดยทั่วไปมีดังนี้

  • อาการเจ็บเล็กน้อยที่ผิวหนัง 
  • มีผื่นแดงบริเวณที่ทำ Hifu
  • มีรอยบวมแดง ทว่าอาการเหล่านี้จะหายไปได้เองภายใน 1 – 2 ชั่วโมง
  • มีอาการเมื่อยหน้าหรือตึงหน้า

ทั้งนี้ อาการข้างเคียงเหล่านี้จะสามารถหายไปเองได้ หรือหากมีอาการปวด เพียงแค่กินยาอาการเหล่านี้ก็จะบรรเทาลง นับว่าไม่อันตรายเลย


การทำ Hifu แล้วมีอาการร้ายแรง ควรทำอย่างไร

กรณีอาการร้ายแรง การทำ HIFU จะส่งผลให้เกิดอาการ ดังนี้

  • เกิดอาการชา
  • เป็นอัมพาตที่เส้นประสาทสั่งการได้ โดยเส้นประสาทบริเวณใบหน้า

อย่างไรก็ตาม ขมับและกรามมีโอกาสเกิดอัมพาตได้สูง ซึ่งอาการดังกล่าวอาจปรากฏขึ้นหลังจากทำ HIFU ไปแล้วประมาณ 1-2 ชั่วโมง ถ้าเป็นไม่หนักก็จะหายไปเองภายใน 2-3 สัปดาห์ ทั้งนี้หากเกิดอาการที่เกิดหลังจากทำ Hifu ดังที่กล่าวมา ควรรีบพบแพทย์เพื่อรักษาทันที

อย่างไรก็ตาม ก่อนจะตัดสินใจทำ HIFU ควรปรึกษาแพทย์และตรวจเช็คร่างกายของตนเอง เพื่อให้การทำ HIFU เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับการทำ HIFU จากรีวิวที่น่าเชื่อถือ โดยไม่ควรเชื่อจากแหล่งรีวิวใดรีวิวเดียว รวมถึงศึกษาประวัติของคลินิกหรือสถาบันเสริมความงามที่ต้องการทำให้ดีก่อน เพื่อความปลอดภัยของตนเอง

HIFU ดีไหม เหมาะกับใครบ้าง

HIFU ราคาเท่าไหร่ ทำ HIFU ที่ไหนดี

HIFU ราคาเท่าไหร่ จะขึ้นอยู่จำนวนช็อตที่ใช้ยิงเข้าสู่ชั้นผิวหนัง โดยทั่วไปจะเริ่มต้นที่ 100 ช็อต เฉลี่ยราคาอยู่ที่ 4,000 บาท ซึ่ง 100 ช็อต จะเป็นการยิงผิวหนังรอบดวงตา หากต้องการกระชับใบหน้า และปรับกรอบหน้าให้ชัดขึ้น นิยมใช้ 300-1,000 ช็อต ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน อย่างไรก็ดี Hifu ราคาเฉลี่ยคอร์สละ 10,000-25,000 บาท 

นอกจากนี้ Hifu ราคายังขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเครื่องยิง HIFU ด้วย ซึ่งหากใช้เครื่อง HIFU ปลอมจะส่งผลให้เกิดผลข้างเคียง เช่น หน้าบวม ผิวไหม้ หน้าเบี้ยว เป็นต้น 


สรุป

การทำ Hifu นับว่าเป็นวิธียกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอย ตลอดจนแก้ไขความหย่อนคล้อยที่เห็นผล ปลอดภัย เนื่องจากเทคโนโลยีและกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ ทำให้หลาย ๆ คนเลือกใช้วิธีดังกล่าวเพราะความคุ้มค่า ตลอดจนคุ้มราคา 

สำหรับการเลือกทำ HIFU ที่ไหนดี ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องสำคัญ โดยจะต้องการพิจารณาตั้งแต่คลิกนิกว่ามีมาตรฐานและมีใบรับรอง แพทย์ที่รักษามีความเชี่ยวชาญหรือเปล่า เครื่องทำ HIFU ได้มาตรฐานไหม ซึ่งการทำ HIFU ที่ Aya clinic เรามีเครื่องมือที่ได้มาตรฐาน ทั้งยังมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำแนะนำตลอดการทำ HIFU ใครที่สนใจสามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือเบอร์โทรศัพท์ 090–970-0447 เพื่อสอบถาม ตลอดจนนัดวันเข้าทำ Hifu

ทำ HIFU เห็นผลกี่วัน
HIFU ที่ไหนดี

เอกสารอ้างอิง

Danielle Dresden. (2020). What is a HIFU facial, and does it work?. Retrieve from https://www.medicalnewstoday.com/articles/hifu-facial

Jacquelyn Cafasso. (2019). Can High-Intensity Focused Ultrasound Treatment Replace Face Lifts?. Retrieve from https://www.healthline.com/health/hifu-for-face#hifu-treatment-for-face

เพิ่มเพื่อนไลน์
HIFU ยกกระชับหน้าเรียว

High intensity focused Ultrasound HIFU ยกกระชับหน้า

HIFU คือ  High-Intensity Focused Ultrasound เป็นเทคโนโลยีเพื่อการยกกระชับปรับรูปหน้า ลดเลือนริ้วรอย และฟื้นฟูสภาพผิวโดยการส่งพลังงานคลื่นอัลตราซาวน์ลงในผิว จำเพาะเจาะจงลงลึกถึงชั้น SMAS ชั้นเดียวกับที่ศัลยแพทย์ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า

Hifu

ไปทำ hifu ที่ไหนดี อีกหนึ่งวิธี สำหรับการยกกระชับใบหน้า

Hifu Ultra

เลือกทำ Hifu ที่ไหนดี ที่ปลอดภัย และตอบโจทย์

Hifu

เลือกทำ Hifu ที่ไหนดี เรามีคำตอบและทางเลือกมาให้กับคุณ