ต่อมไขมันที่ตาคืออะไร อันตรายไหม รักษาได้อย่างไร

อาการแสบตา ตาแห้ง ไม่สบายตา หรือมีอาการมองเห็นไม่ชัดร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกของการทำงานที่ผิดปกติของต่อมไขมันที่เปลือกตา ซึ่งอาจทำให้เกิดการระคายเคือง น้ำตาระเหยง่าย หรือมีโอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เปลือกตาติดเชื้อได้ ดังนั้น หากบริเวณเปลือกตาเกิดความผิดปกติ จะต้องมีการตรวจเช็กเพื่อความแน่ใจ

แต่ต่อมไขมันเปลือกตานั้นจริง ๆ แล้วคืออะไร หากไขมันอุดตันจะอันตรายไหม และรักษาได้อย่างไร ในบทความนี้เราได้รวบรวมมาให้ทั้งหมดแล้ว มาดูคำตอบไปพร้อม ๆ กันได้เลยค่ะ


ลักษณะของต่อมไขมันที่เปลือกตา

ต่อมไขมันที่เปลือกตา (Xanthelasma) เป็นก้อนเนื้อที่เกิดขึ้นบริเวณเปลือกตา เกิดจากการอุดตันของท่อต่อมไขมัน ซึ่งทำหน้าที่ผลิตน้ำมันออกมาหล่อลื่นดวงตา เมื่อท่อต่อมไขมันอุดตัน น้ำมันจะถูกกักเก็บไว้ภายใน ทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้อนูนขึ้นมา เมื่อเป็นแล้วไม่สามารถหายไปได้เอง และอาจมีขนาดใหญ่ขึ้นได้เรื่อย ๆ 


ไขมันที่สะสมที่เปลือกตาเกิดจากสาเหตุอะไร

ต่อมไขมันเปลือกตา สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่โดยส่วนมากมักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่มีระดับคอเลสเตอรอลหรือระดับไขมันในเลือดสูง รวมถึงยังเกิดขึ้นได้กับเพศหญิงที่มีอายุระหว่าง 30-50 ปีมากกว่า นอกจากนี้ ยังอาจมีสาเหตุอื่น ๆ ที่เข้ามากระตุ้นได้อีก เช่น

  • มีภาวะอ้วน น้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน
  • เกิดจากการที่รับประทานอาหารที่มีไขมันและคอเลสเตอรอลสูงเกินไป
  • มีระดับไขมันดีต่ำจากพันธุกรรม
  • มีภาวะไขมันในเลือดสูงจากพันธุกรรม
  • สูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอลล์มากเกินไป
  • มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคตับแข็งที่ไม่ทราบสาเหตุ ความดันโลหิตสูง และไฮโปไทรอยด์

อาการของต่อมไขมันเป็นอย่างไร

ผู้ที่เป็นต่อมไขมันเปลือกตา (Xanthelasma) อาจมีอาการระคายเคือง ตาแห้ง หรือตาเบลอได้ เนื่องจากเกิดก้อน หรือติ่งเนื้อสีเหลืองเล็ก ๆ นูนขึ้นมาบริเวณผิวหนังชั้นนอกเปลือกตาคล้ายคราบหินปูน ซึ่งจะมีขนาดประมาณ 1-2 มิลลิเมตร โดยปกติแล้วจะไม่ก่อให้เกิดความเจ็บปวดใด ๆ อาจมีอาการบวม แดง รู้สึกระคายเคืองตา มองเห็นภาพเบลอ (กรณีที่ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่)หากเผลอนำมือไปเกาหรือสะกิดก็อาจทำให้เกิดแผลได้ 


ปัจจัยที่ทำให้เกิดต่อมไขมันสะสมที่เปลือกตา

ปัจจัยที่ส่งผลต่อการเกิดต่อมไขมันที่เปลือกตา ได้แก่ 

  • ระดับไขมันในเลือดสูง: ไขมันชนิดคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ที่สูงในเลือดอาจเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดการสะสมของไขมันบริเวณเปลือกตา
  • ภาวะไขมันในเลือดผิดปกติ (Dyslipidemia): การมีไขมันชนิดแอลดีแอล (LDL) สูง หรือไขมันชนิดเอชดีแอล (HDL) ต่ำ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิด xanthelasma
  • ความผิดปกติของตับและถุงน้ำดี: การทำงานของตับที่ไม่ปกติอาจส่งผลให้การเผาผลาญไขมันในร่างกายผิดพลาด และทำให้ไขมันสะสมที่เปลือกตาได้
  • พันธุกรรม: ประวัติครอบครัวที่มีภาวะคอเลสเตอรอลสูงหรือการเกิด Xanthelasma อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะนี้
  • โรคเบาหวาน: ผู้ป่วยเบาหวานมักมีระดับไขมันในเลือดสูงและเสี่ยงต่อการเกิดไขมันสะสมที่เปลือกตา
  • อายุที่เพิ่มขึ้น: ภาวะนี้พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ เนื่องจากระบบเผาผลาญไขมันเริ่มทำงานช้าลงตามอายุ
  • การสูบบุหรี่ เนื่องสารเคมีในบุหรี่ทำลายคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิว

การวินิจฉัยในการรักษาต่อมไขมัน

เมื่อเข้าพบแพทย์เพื่อทำการตรวจและวิเคราะห์อาการ แพทย์จะพิจารณาจากรูปลักษณ์ของต่อมไขมันว่าเกิดการอุดตันจริงหรือไม่ แต่ถ้าหากเป็นผู้ที่อยู่ในภาวะน้ำหนักเกิน แพทย์จะทำการเจาะไขมันในเลือดส่งไปตรวจในห้องปฏิบัติการเพื่อหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง และเพื่อดำเนินขั้นตอนการรักษาต่อไป


ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ของต่อมไขมัน

ต่อมไขมันที่เปลือกตา เป็นอีกหนึ่งอาการที่มีความเกี่ยวข้องกับระดับไขมันในเลือด ซึ่งถ้าหากปล่อยทิ้งไว้ อาจจะเสี่ยงต่อภาวะไขมันในเลือดสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้วก็อาจจะเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ นอกจากนี้ หากใครที่มีต่อมไขมันอุดตันขึ้นเยอะมากจนเกินไป ก็สามารถส่งผลต่อรูปลักษณ์และความมั่นใจได้


ความรุนแรงของการเกิดต่อมไขมันอันตรายไหม

โดยทั่วไป ต่อมไขมันที่ตานั้นไม่เป็นอันตราย ไม่ทำให้ตาบอด และมักไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวด ยกเว้นในบางกรณีที่ก้อนเนื้อมีขนาดใหญ่ อาจส่งผลต่อการมองเห็น และอาจเกิดการติดเชื้อได้


วิธีป้องกันไม่ให้เกิดไขมันสะสมที่ตา

การป้องกันต่อมไขมันอุดตันที่ตา สามารถทำได้ดังนี้

  • รักษาความสะอาดของเปลือกตาและขนตา
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและคอลเลสเตอรอลสูง
  • ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละ 30 นาที
  • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่เกณฑ์มาตรฐาน
  • ล้างหน้าด้วยสบู่สูตรอ่อนโยน
  • หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่หรือการดื่มแอลกอฮอล์
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสดวงตาด้วยมือที่ไม่สะอาด

การรักษาต่อมไขมันสะสมที่ตา

ต่อมไขมันสะสมที่ตา สามารถรักษาได้ โดยในปัจจุบันมีแนวทางในการรักษาที่หลากหลาย ได้แก่

  1. การทำเลเซอร์ (Laser)

ต่อมไขมันสะสมที่ตา สามารถรักษาได้ด้วยการทำเลเซอร์ ซึ่งเครื่องเลเซอร์ที่แพทย์มักใช้คือ Co2 Laser เพราะมีประสิทธิภาพในการกำจัดก้อนเนื้อเล็ก ๆ ติ่งเนื้อ และใช้เลเซอร์ไฝได้

  1. การจี้เย็น (Cryotherapy)

การจี้เย็น (Cryotherapy) เป็นการใช้เครื่องไนโตรเจนเหลวที่มีความเย็นจัด นำมากำจัดเนื้อเยื่อออกไปอย่างอ่อนโยน ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

  1. การจี้ไฟฟ้า (Electrodesiccation)

การจี้ไฟฟ้า (Electrodesiccation) ใช้หลักการเดียวกันกับการจี้เย็น แต่จะแตกต่างกันตรงที่เครื่องมือที่ใช้ โดยการจี้ไฟฟ้า จะใช้เข็มจี้ง

  1. การผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peels)

การผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peels) จะเป็นการใช้กรดไตรคลอโรอะเซติก (Trichloroacetic Acid: TCA) ที่สามารถกำจัดต่อมไขมันได้ แต่อาจจะต้องทำอย่างต่อเนื่องหลายครั้งจึงจะเห็นผล

  1. การผ่าตัด

การผ่าตัด เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาต่อมไขมันที่ค่อนข้างใหญ่ ไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นได้ ซึ่งมีข้อดีคือสามารถกำจัดต่อมไขมันออกไปได้อย่างถาวร

  1. การใช้ยา

วิธีสุดท้ายคือการใช้ยาซิมวาสแตติน (Simvastatin) ที่ใช้รักษาต่อมไขมันที่เปลือกตา โดยวิธีนี้จะเหมาะกับผู้ที่มีระดับคอลเลสเตอรอลสูง


ข้อสรุป

ต่อมไขมันใต้ตาหรือที่เปลือกตา สามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งปัจจัยภายในและภายนอก การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมช่วยป้องกันการเกิดไขมันอุดตันได้ ส่วนการรักษา ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมจะดีที่สุด

หากใครที่มีอาการระคายเคืองตา หรือมีอาการที่เข้าข่ายต่อมไขมันอุดตันใต้ตา ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่กล่าวไปข้างต้น