ผิวเซ็บเดิร์มในเด็กและผู้ใหญ่

เซ็บเดิร์มในเด็กและผู้ใหญ่ วิธีดูแลและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อผิวสุขภาพดี

Contents hide

เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) โรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่สามารถส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ อาการที่พบ เช่น ผื่นแดง คัน และผิวลอกเป็นขุย อาจทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและลดความมั่นใจ นอกจากนี้ หากไม่ได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม อาการอาจรุนแรงขึ้นจนรบกวนการนอนหลับและก่อให้เกิดความวิตกกังวลได้ บทความนี้จะพาไปรู้จักกับเซ็บเดิร์มในเด็กและผู้ใหญ่ พร้อมแนะนำวิธีการดูแลและเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรงและสุขภาพดีได้อีกครั้ง


 เซ็บเดิร์มคืออะไร? เข้าใจภาวะผิวอักเสบเรื้อรังนี้ให้มากขึ้น

เซ็บเดิร์ม เป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบได้บ่อยในทุกช่วงวัย แม้จะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็อาจสร้างความรำคาญและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้ อาการที่พบส่วนใหญ่คือ ผื่นแดง คัน ผิวลอกเป็นขุย และมักเกิดในบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า และหน้าอก

 เซ็บเดิร์มคืออะไร?

เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) เป็นโรคผิวหนังอักเสบชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะคือ ผิวลอกเป็นขุย มันเยิ้ม หรือแห้งเป็นแผ่นร่วมกับอาการคัน อาการอาจเป็นๆ หายๆ และมักจะมีอาการแย่ลงในช่วงที่มีความเครียด อากาศเปลี่ยนแปลง หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะสม

โดยปกติแล้วเซ็บเดิร์มในเด็กมักจะถูกเรียกว่า “Cradle Cap” ซึ่งจะปรากฏเป็นสะเก็ดสีเหลืองหรือน้ำตาลบนหนังศีรษะคล้ายรังแค ส่วนเซ็บเดิร์มในผู้ใหญ่ อาการอาจเกิดขึ้นบริเวณแนวไรผม คิ้ว ข้างจมูก และหน้าอก โดยทั่วไป โรคนี้ไม่ได้เกิดจากการแพ้หรือการติดเชื้อรุนแรง แต่เป็นภาวะที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของต่อมไขมันและปัจจัยอื่นๆ ในร่างกาย

เซ็บเดิร์มในเด็ก

 อะไรเป็นสาเหตุของเซ็บเดิร์ม?

แม้จะยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเซ็บเดิร์มเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน ได้แก่  

  • เชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) : เป็นเชื้อราที่อาศัยอยู่บนผิวหนังตามธรรมชาติ แต่ในบางคน เชื้อราชนิดนี้อาจเติบโตมากผิดปกติ จึงกระตุ้นให้เกิดการอักเสบและผิวลอกได้
  • การทำงานของต่อมไขมัน : ผู้ที่มีผิวมันมากอาจมีแนวโน้มที่จะเป็นเซ็บเดิร์มได้ง่ายขึ้น เนื่องจากไขมันบนผิวเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตของเชื้อรา
  • ปัจจัยทางพันธุกรรม : หากคนในครอบครัวเคยมีภาวะนี้มาก่อน ก็อาจเพิ่มโอกาสที่จะเป็นเซ็บเดิร์มได้
  • ระบบภูมิคุ้มกัน : ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ป่วย HIV หรือโรคพาร์กินสัน มีแนวโน้มเป็นเซ็บเดิร์มได้มากกว่าคนทั่วไป
  • สภาพแวดล้อมและไลฟ์สไตล์ : อากาศเย็น แห้ง ความเครียด และการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็เป็นปัจจัยที่มีส่วนกระตุ้นให้อาการเซ็บเดิร์มแย่ลงได้  

เนื่องจากเซ็บเดิร์มเป็นภาวะที่ควบคุมให้หายขาดไม่ได้ แต่สามารถจัดการอาการให้ดีขึ้นได้ การมีวิธีดูแลเซ็บเดิร์มอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อช่วยลดการอักเสบและป้องกันไม่ให้อาการกำเริบบ่อยๆ


 ความแตกต่างระหว่างเซ็บเดิร์มในเด็กและผู้ใหญ่

เซ็บเดิร์มสามารถพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ แม้ว่าจะมีลักษณะคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างในเรื่องของอาการ ตำแหน่งที่เกิด และวิธีดูแลเซ็บเดิร์มอย่างถูกต้อง โดยทั่วไปแล้วจะมีความแตกต่างกัน ดังนี้

  เซ็บเดิร์มในเด็ก (Cradle Cap)

เซ็บเดิร์มในเด็กมักเกิดขึ้นในช่วงวัย 3-6 เดือน และเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Cradle Cap อาการที่พบได้บ่อยคือสะเก็ดหนาสีเหลืองหรือน้ำตาลบนหนังศีรษะ บางครั้งอาจลามไปที่คิ้ว หลังหู หรือบริเวณขาหนีบ โดยทั่วไปไม่ทำให้เด็กรู้สึกคันหรือเจ็บ

สาเหตุของเซ็บเดิร์มในเด็กนั้นยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด แต่คาดว่าเกิดจากฮอร์โมนของแม่ที่ส่งผ่านมายังลูกในช่วงตั้งครรภ์ กระตุ้นให้ต่อมไขมันของทารกผลิตน้ำมันมากกว่าปกติ ซึ่งส่งผลให้เซลล์ผิวหนังหลุดลอกและสะสมเป็นสะเก็ด นอกจากนี้ อาจมีความเกี่ยวข้องกับเชื้อรามาลาสซีเซีย (Malassezia) เช่นเดียวกับในผู้ใหญ่ด้วย

เซ็บเดิร์ม

 เซ็บเดิร์มในผู้ใหญ่

เซ็บเดิร์มในผู้ใหญ่มักเกิดขึ้นในช่วงวัยรุ่นไปจนถึงวัยกลางคน และเป็นภาวะที่มีแนวโน้มจะเป็นๆ หายๆ ตลอดชีวิต อาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ผื่นแดง ผิวลอกเป็นขุย โดยเฉพาะบริเวณหนังศีรษะ คิ้ว ข้างจมูก หลังหู หน้าอก และกลางหลัง
  • มีความมันเยิ้มร่วมกับการลอกเป็นขุยขาวหรือเหลือง
  • อาจมีอาการคันและแสบในบางช่วง โดยเฉพาะเวลาที่อากาศเย็นหรือช่วงที่มีความเครียด  

สาเหตุของเซ็บเดิร์มในผู้ใหญ่ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับความไม่สมดุลของเชื้อรามาลาสซีเซีย ระบบภูมิคุ้มกัน และปัจจัยทางพันธุกรรม

แม้ว่าเซ็บเดิร์มในเด็กและผู้ใหญ่จะมีความแตกต่างกัน แต่การดูแลที่เหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการกำเริบได้ หากมีอาการเรื้อรังหรือรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป

เซ็บเดิร์ม

 อาการของเซ็บเดิร์มที่พบบ่อย

ลักษณะเซ็บเดิร์ม

เซ็บเดิร์มมักจะเกิดขึ้นตามจุดต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่มีต่อมไขมันมาก โดยอาการที่พบอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ทั้งความรุนแรงของอาการ ตำแหน่งที่เกิด และปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้อาการแย่ลง

 อาการของเซ็บเดิร์มบนหนังศีรษะ

เซ็บเดิร์มหนังศีรษะเป็นบริเวณที่พบได้บ่อยที่สุด โดยอาการที่สังเกตได้ ได้แก่

  • มีรังแคสีขาวหรือเหลือง เป็นขุยแห้งหรือมันที่ลอกออกจากหนังศีรษะ สามารถพบได้ตั้งแต่ขุยเล็กๆ จนถึงเป็นแผ่นใหญ่
  • หนังศีรษะอาจมีความมันมากกว่าปกติและเกิดการอักเสบเป็นผื่นแดง
  • มีอาการคันอาจเกิดขึ้นเป็นระยะ และรุนแรงขึ้นเมื่อหนังศีรษะแห้งหรือได้รับการกระตุ้น เช่น จากความเครียด อากาศเย็น หรือการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง
  • หากปล่อยทิ้งไว้นานโดยไม่ดูแล อาจเกิดการอักเสบมากขึ้นจนมีแผลหรือสะเก็ดหนาขึ้นได้

ในทารก เซ็บเดิร์มหนังศีรษะจะเรียกว่า Cradle Cap ซึ่งมีลักษณะเป็นสะเก็ดแข็งสีเหลืองหรือน้ำตาล มักเกิดขึ้นในช่วงวัย 3-6 เดือน และจะหายไปเองเมื่ออายุประมาณ 1 ปี

 อาการของเซ็บเดิร์มบนใบหน้าและร่างกาย

นอกจากหนังศีรษะแล้ว เซ็บเดิร์มยังสามารถเกิดขึ้นในบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น ใบหน้า หน้าอก หลัง และขาหนีบ โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่

  • ใบหน้า : มักเกิดบริเวณข้างจมูก คิ้ว เปลือกตา และแนวไรผม มีลักษณะเป็นผื่นแดง ผิวลอกเป็นขุย หรือมีความมันเยิ้ม ในบางรายอาจมีอาการคันและแสบร่วมด้วย
  • หลังและหน้าอก : ผื่นเซ็บเดิร์มในบริเวณนี้มักเป็นผื่นแดง ลอกเป็นขุย และมีความมัน โดยอาการอาจกำเริบมากขึ้นเมื่อมีเหงื่อออกมาก หรือใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศไม่ดี
  • ขาหนีบและรักแร้ : ผิวบริเวณนี้อาจเกิดการอักเสบและมีลักษณะเป็นผื่นแดงที่มีขุยหรือสะเก็ดบางๆ ซึ่งอาจคล้ายกับโรคเชื้อราผิวหนัง แต่เซ็บเดิร์มจะไม่ทำให้เกิดอาการแสบหรือเจ็บรุนแรง

 วิธีดูแลผิวที่เป็นเซ็บเดิร์มให้มีสุขภาพดี

เซ็บเดิร์มเป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่สามารถควบคุมได้ด้วยการดูแลผิวอย่างเหมาะสม แม้ว่าจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การล้างหน้า การเลือกผลิตภัณฑ์ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันสามารถช่วยลดอาการและป้องกันการกำเริบได้

 การล้างหน้าและดูแลหนังศีรษะ

การทำความสะอาดผิวอย่างถูกต้องเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาเซ็บเดิร์มอย่างเหมาะสมที่สุด เพราะจะช่วยขจัดความมันส่วนเกิน ลดการสะสมของเชื้อรามาลาสซีเซีย และลดการอักเสบของผิว

  • ล้างหน้าวันละ 2 ครั้งด้วยผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน หลีกเลี่ยงสบู่ที่มีสารซัลเฟต (SLS) หรือแอลกอฮอล์ เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและกระตุ้นให้เกิดอาการมากขึ้น
  • ใช้แชมพูสำหรับเซ็บเดิร์มที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole, Selenium Sulfide หรือ Zinc Pyrithione เพื่อช่วยลดเชื้อราบนหนังศีรษะ ควรใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง และสลับกับแชมพูสูตรอ่อนโยน
  • หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนล้างหน้าหรือสระผม เพราะอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นและเกิดการระคายเคืองมากขึ้น ควรใช้น้ำอุณหภูมิอุ่นหรือน้ำเย็นแทน
  • อย่าขัดผิวหรือเกาหนังศีรษะอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้เกิดการอักเสบมากขึ้นและอาจทำให้ผิวติดเชื้อได้

 การเลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวสำหรับเซ็บเดิร์ม

ผิวที่เป็นเซ็บเดิร์มต้องการผลิตภัณฑ์ที่ช่วยปลอบประโลม ลดการอักเสบ และคงความสมดุลของผิว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมสามารถช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการระคายเคืองได้ ดังนี้

  • เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอมและสารระคายเคือง เช่น ที่มีส่วนผสมของเซราไมด์ ไนอาซินาไมด์ และว่านหางจระเข้ เพื่อช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวและลดการอักเสบ
  • ใช้ครีมหรือเซรั่มที่มีสารต้านการอักเสบ เช่น สารสกัดจากชาเขียว น้ำมันทีทรี หรือไฮโดรคอร์ติโซน (กรณีที่แพทย์แนะนำ) เพื่อช่วยบรรเทาอาการแดงและคัน
  • เลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือพาราเบน เพราะอาจกระตุ้นให้ผิวอักเสบและแพ้มากขึ้น
  • ใช้ครีมกันแดดที่เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย เลือกสูตรที่ไม่มีสารเคมีรุนแรง เช่น Physical Sunscreen (Titanium Dioxide หรือ Zinc Oxide) เพื่อช่วยปกป้องผิวจากรังสี UV ที่อาจกระตุ้นให้อาการเซ็บเดิร์มแย่ลง

 การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดอาการเซ็บเดิร์ม

นอกจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมแล้ว การปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันก็สามารถช่วยลดอาการและป้องกันไม่ให้เซ็บเดิร์มกำเริบได้ โดยสามารถทำได้ดังนี้

  • ควบคุมความเครียดอย่างเหมาะสม – เนื่องจากความเครียดเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อาการเซ็บเดิร์มกำเริบได้ง่ายมากๆ การทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น นั่งสมาธิ ออกกำลังกาย หรือเล่นโยคะ จึงสามารถช่วยลดอาการได้
  • พักผ่อนให้เพียงพอ – เพราะการนอนหลับที่ดีช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ลดการอักเสบของผิว และช่วยให้ผิวฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ – หลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง อาหารแปรรูป และแอลกอฮอล์ เพราะอาจกระตุ้นการอักเสบ ควรเลือกอาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้า 3 โปรตีน และวิตามินที่ช่วยบำรุงผิว
  • อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม – หลีกเลี่ยงอากาศที่แห้งเกินไปโดยใช้เครื่องเพิ่มความชื้น (Humidifier) ในห้องที่มีอากาศแห้ง เพื่อป้องกันผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
ดูแลผิวเซ็บเดิร์ม

 การรักษาเซ็บเดิร์ม: ทางเลือกในการดูแลและบรรเทาอาการ

แม้ว่าเซ็บเดิร์มจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่มีหลายวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการและป้องกันการกำเริบได้ การเลือกแนวทางการรักษาเซ็บเดิร์มที่เหมาะสมจะช่วยให้ผิวกลับมามีสุขภาพดีขึ้นและลดความรำคาญจากอาการต่างๆ ได้

 การรักษาด้วยยาทาและยารับประทาน

  • ยาทาสเตียรอยด์ (Topical Corticosteroids)

ยาทาสเตียรอยด์เป็นยารักษาเซ็บเดิร์มที่ช่วยลดการอักเสบและอาการคันได้อย่างรวดเร็ว มักใช้ในช่วงที่อาการกำเริบรุนแรง เช่น Hydrocortisone, Betamethasone หรือ Clobetasol อย่างไรก็ตาม ควรใช้ในระยะเวลาสั้นๆ ตามคำแนะนำของแพทย์ เพราะการใช้ติดต่อกันนานเกินไปอาจทำให้ผิวบางหรือเกิดผลข้างเคียงอื่นๆ ตามมาได้

  • ยาต้านเชื้อรา (Antifungal Creams)

เนื่องจากสาเหตุของเซ็บเดิร์มมีความเกี่ยวข้องกับเชื้อรามาลาสซีเซีย ยาต้านเชื้อรา เช่น Ketoconazole หรือ Ciclopirox จึงสามารถช่วยลดอาการได้ โดยมักมาในรูปแบบครีมหรือแชมพู

  • ยากลุ่ม Calcineurin Inhibitors (TCIs)

ยากลุ่ม Calcineurin Inhibitors เช่น Tacrolimus และ Pimecrolimus เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ไม่สามารถใช้ยาสเตียรอยด์ได้ เหมาะสำหรับใช้ในบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น รอบดวงตาหรือข้างจมูก

  • ยารับประทาน

ในกรณีที่อาการรุนแรงมาก แพทย์อาจพิจารณาสั่งยารับประทาน เช่น ยาต้านเชื้อรา (Fluconazole, Itraconazole) หรือยาต้านอักเสบ (Isotretinoin สำหรับกรณีที่มีภาวะผิวมันมากผิดปกติ) อย่างไรก็ตาม การใช้ยารับประทานควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด

 การใช้แชมพูสำหรับเซ็บเดิร์ม

  • แชมพูที่มีสารต้านเชื้อรา เช่น
  • Ketoconazole : ช่วยลดปริมาณเชื้อรามาลาสซีเซีย ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดเซ็บเดิร์ม
  • Selenium Sulfide : ลดความมันบนหนังศีรษะและช่วยลดการหลุดลอกของผิว
  • Zinc Pyrithione : มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ลดการอักเสบและอาการคัน
  • แชมพูที่ช่วยลดการอักเสบและขจัดสะเก็ด เช่น
  • Salicylic Acid : ช่วยผลัดเซลล์ผิว ลดสะเก็ดที่ติดแน่นบนหนังศีรษะ
  • Coal Tar : มีฤทธิ์ช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์ผิว ลดการลอกของหนังศีรษะ
  • วิธีใช้แชมพูรักษาเซ็บเดิร์ม
  • ใช้สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง โดยนวดแชมพูลงบนหนังศีรษะ ทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาทีเพื่อให้ตัวยาออกฤทธิ์ก่อนล้างออก
  • สลับกับแชมพูสูตรอ่อนโยนที่ไม่มีสารซัลเฟตหรือสารระคายเคือง เพื่อลดความแห้งของหนังศีรษะ

 การรักษาเซ็บเดิร์มด้วยวิธีธรรมชาติ

สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการใช้ยา หรือมีอาการไม่รุนแรงมากนัก สามารถใช้วิธีธรรมชาติเพื่อช่วยบรรเทาอาการได้ ดังนี้

  • น้ำมันมะพร้าว

มีคุณสมบัติต้านเชื้อราและให้ความชุ่มชื้น ทาบางๆ บนบริเวณที่เป็นผื่น ทิ้งไว้ 30 นาที แล้วล้างออก ช่วยลดอาการแห้งและคันได้

  • น้ำมันทีทรี (Tea Tree Oil)

มีฤทธิ์ต้านเชื้อราและต้านการอักเสบ ควรผสมกับน้ำมันตัวพา (Carrier Oil) เช่น น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันโจโจ้บา ก่อนทาลงบนผิวเพื่อลดความระคายเคือง

  • ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera)

ช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการแดงและอักเสบ สามารถใช้เจลว่านหางจระเข้ทาบริเวณที่มีอาการได้เป็นประจำ

  • น้ำผึ้ง

มีคุณสมบัติต้านเชื้อราและช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ผสมน้ำผึ้งกับน้ำอุ่นเล็กน้อยแล้วทาลงบนผิว ทิ้งไว้ 10-15 นาทีแล้วล้างออก


 คำแนะนำในการเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับผิวที่เป็นเซ็บเดิร์ม

การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลผิวที่เป็นเซ็บเดิร์ม เพราะสามารถช่วยลดการอักเสบ ลดอาการคัน และป้องกันการกำเริบได้ ผลิตภัณฑ์ที่ดีควรมีคุณสมบัติที่ช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ควบคุมความมัน และลดการระคายเคือง

ครีมบำรุงผิวที่เหมาะกับเซ็บเดิร์ม

ผิวที่เป็นเซ็บเดิร์มมักบอบบางและมีความไวต่อสารเคมีมาก ดังนั้น ควรเลือกครีมบำรุงที่เหมาะกับสภาพผิว และมีคุณสมบัติที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นและลดโอกาสเกิดอาการกำเริบ โดยส่วนผสมที่ดี ได้แก่

  • เซราไมด์ (Ceramide) ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิว ลดการสูญเสียน้ำ และทำให้ผิวแข็งแรงขึ้น
  • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) ลดการอักเสบของผิว ช่วยปลอบประโลมและลดรอยแดง
  • ว่านหางจระเข้ (Aloe Vera) ให้ความชุ่มชื้นและช่วยบรรเทาอาการคันและระคายเคือง
  • น้ำมันโจโจ้บา (Jojoba Oil) หรือ น้ำมันมะพร้าว (Coconut Oil) ให้ความชุ่มชื้นและมีคุณสมบัติต้านเชื้อรา
  • แพนทีนอล (Panthenol) หรือ วิตามินบี 5 ช่วยปลอบประโลมผิวและเสริมสร้างการฟื้นฟูผิว

คำแนะนำในการใช้ครีมบำรุง

  • ควรทาหลังจากล้างหน้าทันทีในขณะที่ผิวยังชุ่มชื้น เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นได้ดีขึ้น
  • หากมีอาการเซ็บเดิร์มบริเวณใบหน้า ควรใช้ครีมที่เป็นเนื้อเจลหรือโลชั่นที่บางเบา ไม่อุดตันรูขุมขน
  • ทาเฉพาะบริเวณที่มีอาการ หลีกเลี่ยงการทาทั่วใบหน้าหากไม่มีความจำเป็น

 แชมพูสำหรับเซ็บเดิร์ม

เซ็บเดิร์มหนังศีรษะมักทำให้เกิดอาการคัน หนังศีรษะลอก และเกิดรังแคได้ง่าย การใช้แชมพูสำหรับเซ็บเดิร์มโดยเฉพาะสามารถช่วยควบคุมอาการและลดการกำเริบของเซ็บเดิร์มได้ โดยส่วนผสมที่ควรมี ได้แก่

  • Ketoconazole – สารต้านเชื้อราที่ช่วยลดปริมาณเชื้อรามาลาสซีเซีย ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้เกิดเซ็บเดิร์ม
  • Zinc Pyrithione – มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ลดการอักเสบของหนังศีรษะ
  • Selenium Sulfide – ลดความมันส่วนเกินบนหนังศีรษะและช่วยให้หนังศีรษะลอกน้อยลง
  • Salicylic Acid – ช่วยขจัดสะเก็ดที่ติดแน่นและลดการอุดตันของรูขุมขน
  • Coal Tar – มีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและการลอกของหนังศีรษะ

  เซ็บเดิร์มจะหายขาดได้หรือไม่? คำตอบที่คุณควรรู้

เซ็บเดิร์มเป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยการดูแลผิวอย่างเหมาะสม ใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน และหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ถึงแม้อาการอาจกลับมาเป็นระยะๆ แต่ด้วยการดูแลที่และรักษาเซ็บเดิร์มถูกต้อง เซ็บเดิร์มจะไม่ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตมากนักและยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ


  ข้อสรุป

แม้ว่าเซ็บเดิร์มจะเป็นภาวะที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่การเข้าใจสาเหตุ อาการ และแนวทางการดูแลอย่างเหมาะสมจะช่วยควบคุมไม่ให้อาการกำเริบจนส่งผลต่อคุณภาพชีวิต การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต จะช่วยให้ผิวแข็งแรงและลดความรุนแรงของอาการได้ วิธีดูแลเซ็บเดิร์มอาจต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอ แต่หากเข้าใจและปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง ก็สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจโดยไม่ต้องกังวลกับอาการของโรค