เคล็ดลับการดูแลผิวหน้าเพื่อลดริ้วรอยและป้องกันการเกิดริ้วรอย
มีใครเคยแอบตกใจเวลาถ่ายรูปแล้วซูมดูผิวตัวเองบ้างไหม อยู่ดีๆ ก็เห็นเส้นเล็กๆ บนหน้า หรือบางวันผิวก็ดูไม่สดใสเหมือนเมื่อก่อน ทั้งที่ยังไม่ได้อายุเยอะเลย จริงๆ แล้ว ริ้วรอยไม่ได้มาแค่เพราะอายุที่เพิ่มขึ้น แต่ด้วยวิถีชีวิตที่เร่งรีบ การนอนน้อย เครียด หรือกินอาหารที่ไม่ดี ก็เป็นตัวเร่งให้ผิวแก่ก่อนวัยได้เหมือนกัน
แต่วิธีการลดริ้วรอย ดูแลผิวให้ยังดูเด็กก็ไม่ยากอย่างที่คิด บทความนี้เราจะมาแชร์วิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าแบบง่ายๆ แต่ได้ผลจริง ตั้งแต่การดูแลตัวเอง ไปจนถึงการทำหัตถการที่ช่วยลดริ้วรอยและฟื้นฟูผิว บอกเลยว่างานนี้ผิวจะกลับมาอิ่มฟู เรียบเนียน แบบไม่ต้องง้อฟิลเตอร์เลย
ริ้วรอยเกิดจากอะไร?
ริ้วรอย เกิดมาจากพฤติกรรมและปัจจัยรอบตัวที่เราทำเป็นประจำแบบไม่รู้ตัว ถ้าอยากให้ผิวยังเด้ง ไม่แก่ก่อนวัย มาดูกันว่าอะไรเป็นตัวการหลักที่ทำให้ริ้วรอยโผล่มาก่อนเวลาอันควร
การสูญเสียคอลลาเจนและอิลาสติน
คอลลาเจนกับอิลาสตินเป็นเหมือนโครงสร้างหลักของผิว ทำหน้าที่ให้ผิวดูเต่งตึง เด้งดึ๋งแบบแก้มเด็ก แต่พออายุเริ่มมากขึ้น ร่างกายจะผลิตสองสิ่งนี้ได้น้อยลง ทำให้ผิวเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น แล้วริ้วรอยก็โผล่มาทักทายแบบไม่ทันตั้งตัว
ตัวการที่ทำให้คอลลาเจนลดไว
- นอนดึกหรือพักผ่อนไม่เพียงพอ
- กินของหวานเยอะ น้ำตาลสูงๆ ทำให้คอลลาเจนแข็งตัวและเสื่อมเร็ว
- ความเครียดสะสม ฮอร์โมนเครียดจะไปทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิว
- การสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ผิวขาดออกซิเจนและเสื่อมไว
การสัมผัสแสงแดดโดยไม่มีการป้องกัน
แดดบ้านเราถือเป็นศัตรูของคนรักผิว เพราะรังสียูวีไม่ได้แค่ทำให้ผิวคล้ำขึ้นเท่านั้น แต่ยังทำลายคอลลาเจนใต้ผิวแบบหนักมาก ทำให้เกิดริ้วรอยจากแสงแดดและจุดด่างดำง่ายขึ้น โดยเฉพาะรังสี UVA และ UVB ที่ทะลุเข้าไปทำลายโครงสร้างผิวจนเกิดริ้วรอยก่อนวัย
พฤติกรรมที่ไม่ดีต่อผิว
บางทีริ้วรอยก็เกิดจากพฤติกรรมที่เราทำเป็นประจำแบบไม่รู้ตัว เช่น
- นอนคว่ำหรือนอนตะแคง กดทับผิวจนเกิดรอยพับ ริ้วรอยถามหา
- ขยี้ตาหรือจับหน้าบ่อยๆ ทำให้ผิวเกิดแรงดึง เสี่ยงริ้วรอยเล็กๆ ได้ง่าย
- ล้างหน้าไม่สะอาด ทำให้เครื่องสำอางและฝุ่นควันเข้าไปอุดตันผิว ทำให้แก่ไว
- ดื่มน้ำน้อย ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ริ้วรอยก็มาเร็วขึ้น
วิธีการลดริ้วรอยและดูแลผิวให้ดูอ่อนเยาว์
อยากหน้าเด็ก ผิวใส ไม่มีริ้วรอยก่อนวัย แค่ปรับการดูแลผิวให้ถูกต้องและใส่ใจในสิ่งที่ผิวต้องการ เท่านี้ก็ช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์ได้นานขึ้น มาดูกันว่ามีวิธีไหนบ้างที่ช่วยลดริ้วรอยและทำให้ผิวดูเฟรชอยู่เสมอ
ใช้ครีมกันแดดทุกวัน
ครีมกันแดดคือไอเทมที่ขาดไม่ได้ ต่อให้สกินแคร์ดีแค่ไหนถ้าไม่ทากันแดดก็คือจบ เพราะรังสียูวีจากแดดเป็นตัวเร่งให้คอลลาเจนเสื่อมไว ทำให้ผิวเหี่ยว หย่อนคล้อย และเกิดริ้วรอยจากแสงแดดได้ อีกทั้งการทาครีมกันแดดทุกวันยังช่วยป้องกันริ้วรอยได้ด้วย โดยวิธีใช้ครีมกันแดดให้ได้ผลสามารถทำได้ดังนี้
- เลือกครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 และมี PA+++ หรือมากกว่า เพื่อป้องกันรังสียูวีทั้ง UVA และ UVB
- ทาให้ทั่วหน้า รวมถึงคอและหลังมือด้วย
- ทาซ้ำทุก 2-3 ชั่วโมง โดยเฉพาะถ้าต้องออกแดดจัดตลอดทั้งวัน
- ใช้แบบที่ไม่อุดตันผิว และเหมาะกับสภาพผิวตัวเอง
การดูแลผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์
เมื่อผิวขาดน้ำจะทำให้ริ้วรอยมาเยือนไวมากกว่าเดิม ถึงแม้จะเป็นคนผิวมันก็ยังต้องเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอ เพราะถ้าผิวแห้งเกินไปจะทำให้ริ้วรอยเล็กๆ โผล่ออกมาเร็วขึ้น
วิธีเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว
- ผิวแห้ง – ใช้แบบเนื้อครีมเข้มข้น ช่วยเติมน้ำให้ผิวแบบจัดเต็ม
- ผิวมัน – ใช้แบบเจลบางเบา ซึมไว ไม่เหนอะหนะ
- ผิวแพ้ง่าย – แนะนำให้เลือกสูตรอ่อนโยน ไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์
นอนหลับให้เพียงพอและพักผ่อน
การนอนสำคัญมากกว่าที่คิด ถ้านอนน้อยผิวจะโทรมง่าย แถมริ้วรอยก็จะมาเร็วขึ้น เพราะช่วงที่เราหลับ ร่างกายจะซ่อมแซมผิวและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ถ้านอนไม่พอผิวก็จะฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่
เทคนิคการนอนให้ผิวสวย
- ควรนอนให้ได้ 6-8 ชั่วโมงต่อคืน
- นอนหงายดีที่สุด ลดการกดทับผิวหน้า
- ใช้ปลอกหมอนที่เป็นผ้าซาตินหรือผ้าไหม ลดการเสียดสีที่ทำให้เกิดริ้วรอย
- งดเล่นมือถือก่อนนอน เพราะแสงสีฟ้าทำให้ผิวดูโทรม
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีวิตามิน C และ A
อยากผิวใส ไร้ริ้วรอย ต้องลองวิตามิน C และ A โดยวิตามิน C จะช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดจุดด่างดำ และกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเด้ง ส่วนวิตามิน A หรือเรตินอล เป็นตัวช่วยลดริ้วรอยระดับโปร กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวดูเรียบเนียนและกระชับขึ้น
วิธีใช้ให้ได้ผล
- ใช้วิตามิน C ตอนเช้า + ทากันแดดคู่กันเสมอ
- ใช้เรตินอล (วิตามิน A) ตอนกลางคืน และเริ่มจากความเข้มข้นต่ำก่อน เพราะวิตามิน A อาจทำให้ผิวแห้งหรือลอกในช่วงแรก แนะนำให้ใช้วันเว้นวัน แล้วค่อยๆ เพิ่มความถี่เมื่อผิวเริ่มปรับตัวได้
หัตถการที่ช่วยลดริ้วรอยและฟื้นฟูผิว
ถ้าสกินแคร์เอาไม่อยู่ และรู้สึกว่าริ้วรอยเริ่มเด่นชัดขึ้นจนอยากหาทางลัดให้ผิวกลับมาเด้งตึงเร็วขึ้น การทำหัตถการความงามก็เป็นอีกวิธีลดริ้วรอยบนใบหน้าที่หลายคนเลือกใช้ ไม่ว่าจะเป็น Botox ลดริ้วรอย ฟิลเลอร์ลดริ้วรอย หรือการทำเลเซอร์ ซึ่งแต่ละอย่างก็มีข้อดีแตกต่างกันไป และต้องเลือกให้เหมาะกับปัญหาผิวของตัวเอง มาดูกันว่าหัตถการแต่ละตัวช่วยเรื่องอะไรบ้าง
Botox
Botox ลดริ้วรอย เป็นตัวช่วยเบอร์หนึ่งสำหรับคนที่มีริ้วรอยจากการแสดงสีหน้าบ่อยๆ เช่น รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว หรือริ้วรอยที่หน้าผาก เพราะ Botox จะช่วยคลายกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดริ้วรอย ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ดูตึงขึ้นแบบเห็นผลไว
ข้อดีของ Botox
- ลดริ้วรอยได้ไว เห็นผลใน 3-7 วัน
- ช่วยให้หน้าดูสดใส ไม่ดูเครียด
- ผลลัพธ์อยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน
สิ่งที่ต้องระวัง
- หากฉีดเยอะเกินไป อาจทำให้หน้าดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติ
- ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย
ฟิลเลอร์
ถ้ามีริ้วรอยที่เกิดจากผิวขาดคอลลาเจนหรือไขมันใต้ผิวลดลง เช่น ร่องแก้มลึก ใต้ตาดูโทรม หรือหน้าตอบ ฟิลเลอร์ลดริ้วรอยช่วยได้ เพราะมันจะเข้าไปเติมเต็มชั้นผิวให้ดูอิ่มขึ้น ทำให้ริ้วรอยตื้นลง และหน้าดูเด็กลงแบบเป็นธรรมชาติ
ข้อดีของฟิลเลอร์
- เห็นผลทันทีหลังทำ ไม่ต้องรอ
- ผิวดูฟู อิ่มน้ำ หน้าดูสดใสขึ้น
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน 6-18 เดือน (ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์)
สิ่งที่ต้องระวัง
- ถ้าใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือฉีดโดยหมอที่ไม่เชี่ยวชาญ อาจเกิดฟิลเลอร์ไหล เบี้ยว หรืออุดตันเส้นเลือดได้ ต้องฉีดที่คลินิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐานเท่านั้น
เลเซอร์
เลเซอร์เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดริ้วรอย+กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนไปพร้อมกัน เพราะมันช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น ลดจุดด่างดำ และกระชับรูขุมขนได้ในคราวเดียว โดยเลเซอร์ที่นิยมใช้ลดริ้วรอย ได้แก่
- Fractional Laser กระตุ้นคอลลาเจน ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้น
- HIFU / Ultherapy ยกกระชับผิวให้ดูตึงขึ้นโดยไม่ต้องผ่าตัด
- IPL / Q-Switch ลดจุดด่างดำและรอยแดง ทำให้ผิวดูใสขึ้น
ข้อดีของเลเซอร์
- ช่วยฟื้นฟูผิวจากภายใน ไม่ต้องฉีดอะไรเข้าไป
- เหมาะกับคนที่ไม่อยากทำหัตถการแบบฉีด
- ผลลัพธ์อยู่ได้นาน และช่วยให้ผิวดูสุขภาพดีขึ้น
สิ่งที่ต้องระวัง
- หลังทำเลเซอร์ ผิวจะไวต่อแสงแดดมากกว่าปกติ ต้องทาครีมกันแดดตลอด
- อาจต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน
วิธีป้องกันริ้วรอยในอนาคต
ถ้าไม่อยากให้ริ้วรอยมาเยือนเร็วกว่าที่ควร ต้องเริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่วันนี้ นอกจากสกินแคร์และหัตถการที่ช่วยแก้ไขปัญหาริ้วรอยแล้ว การป้องกันริ้วรอยไว้ก่อนคือทางที่ดีที่สุด เพราะถ้าดูแลผิวให้ดีตั้งแต่แรก โอกาสที่ริ้วรอยจะมาเยือนก็ลดลงไปเยอะ มาดูกันว่าทำยังไงได้บ้าง
รักษาผิวให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ
เมื่อผิวขาดน้ำ ผิวของเราจะดูแห้งกร้านและเกิดริ้วรอยได้ง่ายขึ้น การเติมน้ำให้ผิวจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรละเลย โดยวิธีการเติมน้ำให้ผิวสามารถทำได้ดังนี้
- ทามอยส์เจอไรเซอร์เป็นประจำทั้งเช้าและเย็นหลังล้างหน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และยังทำให้แต่งหน้าได้ติดทนมากขึ้นด้วย โดยเลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว เช่น ถ้าผิวแห้งให้ใช้ครีมที่มีเซราไมด์และไฮยาลูรอนิกแอซิด หรือผิวมัน ให้ใช้แบบเจลบางเบา ซึมไว ไม่อุดตันรูขุมขน
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ พยายามดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อให้ผิวอิ่มน้ำจากภายใน
- ถ้าวันไหนรู้สึกว่าผิวแห้งเป็นพิเศษ ลองใช้ชีทมาสก์ หรือเซรั่มไฮยาลูรอนิกแอซิดเติมน้ำให้ผิวก่อนนอน รับรองว่าตื่นมาผิวจะดูโกลว์ขึ้นแน่นอน
หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดโดยตรง
แสงแดดเป็นตัวการเร่งริ้วรอยอันดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น UVA ที่ทำให้ผิวแก่ หรือ UVB ที่ทำให้ผิวไหม้ ถ้าอยากให้ผิวเด็กนานๆ ต้องป้องกันแดดให้ดีโดยการทาครีมกันแดดทุกวันก่อนออกไปเผชิญแสงแดดนอกบ้าน ใส่แว่นกันแดด หมวกปีกกว้าง และเลี่ยงแดดจัดช่วง 10 โมง – บ่าย 3 เพื่อป้องกันริ้วรอย เพราะช่วงนี้คือเวลาที่รังสียูวีเข้มข้นสุด ถ้าทำได้ให้พยายามอยู่ในที่ร่มหรือพกร่มกันแดดติดตัวไว้
ออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์
สุขภาพผิวที่ดีเริ่มจากภายใน ถ้ากินอาหารดีและออกกำลังกายเป็นประจำ ผิวก็จะดูสดใสและมีออร่าแบบไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์ เช่น อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน C วิตามิน A และโอเมก้า-3 บำรุงผิวให้ชุ่มชื้นและยืดหยุ่น ควบคู่ไปกับออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้ผิวได้รับออกซิเจนและสารอาหารมากขึ้น ส่งผลให้ผิวดูเปล่งปลั่งสุขภาพดี ป้องกันริ้วรอยในอนาคตได้อย่างแน่นอน
ข้อสรุป
ริ้วรอยเป็นเรื่องธรรมชาติที่ทุกคนต้องเจอ แต่เราสามารถดูแลผิวให้ดูอ่อนเยาว์และชะลอการเกิดริ้วรอยได้ ถ้าเข้าใจสาเหตุและเลือกวิธีป้องกันริ้วรอยให้เหมาะกับตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการดูแลผิวให้ชุ่มชื้น ทากันแดดทุกวัน กินอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ หรือหากต้องการตัวช่วยเพิ่มเติม หัตถการความงามอย่าง Botox ลดริ้วรอย ฟิลเลอร์ และเลเซอร์ ก็สามารถช่วยลดริ้วรอยและฟื้นฟูผิวให้ดูตึงกระชับขึ้นได้ สิ่งสำคัญคือเริ่มดูแลผิวตั้งแต่ตอนนี้ อย่ารอให้ริ้วรอยมาเยือนแล้วค่อยแก้ไข เพราะผิวที่ดีไม่ได้เกิดจากครีมหรือหัตถการเพียงอย่างเดียว แต่เป็นผลรวมของการดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอ