สิวหลังปัญหากวนใจ ที่รักษาได้

สิวที่หลัง ปัญหากวนใจคนอยากโชว์หลัง รักษาสิวหลังให้ถูกวิธี

Contents hide

สิวที่หลังเป็นปัญหาใหญ่กวนใจ ทำให้หลายๆคนไม่มั่นใจในการแต่งตัว บางคนมีสิวหลังเยอะ อาจมีอาการคัน ไม่สบายตัว บางคนเป็นสิวอักเสบเม็ดใหญ่ก็ทำให้ปวดระบม และยิ่งเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเมื่อเสียดสีกับเสื้อผ้าที่ใส่ ก่อให้เกิดความรำคาญ ส่วนใหญ่สิวที่หลังมักเป็นๆหายๆ การใช้ยารักษาสิวทั่วไปอาจจะช่วยไม่ได้มากนัก การพบแพทย์ให้ช่วยวินิจฉัยและแนะนำวิธีรักษาสิวที่เหมาะสมกับปัญหาจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการรักษาสิว อีกทั้งแพทย์ยังช่วยแนะนำวิธีป้องกันไม่ให้สิวหลังกลับมาเป็นซ้ำได้อีกด้วย 


สิวที่หลังเกิดจากอะไร

กลไกการเกิดสิวหลัง ก็เหมือนกับสิวบริเวณอื่นๆ ในระยะแรกเริ่มจากเซลล์ผิวที่ตายแล้วสะสมอยู่ที่ทางออกรูขุมขน ทำให้เกิดเป็นสิวที่มองไม่เห็น เมื่อมีไขมันและเคราตินสะสมที่รูขุมขนมากขึ้นจึงเกิดเป็นสิวอุดตัน และหากมีเชื้อแบคทีเรียเข้ามาก็เกิดการอักเสบเป็นตุ่มแดง ถ้าอักเสบรุนแรงก็จะกลายเป็นสิวหัวช้าง ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดสิวที่หลัง คือ 

  • พันธุกรรม

พันธุกรรมส่งผลให้สภาพผิวของแต่ละคนแตกต่างกัน การมีผิวแห้ง ผิวมัน ผิวแพ้ง่าย รูขุมขนกว้างหรือผิวเนียนละเอียด ลักษณะเหล่านี้ล้วนทำให้การเกิดสิวหลังแตกต่างกันด้วย 

  • เซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วอุดตันรูขุมขน

เป็นสาเหตุสำคัญและเป็นขั้นตอนแรกของการเกิดสิว หากเราขจัดเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้วไม่ให้ไปอุดตันตามรูขุมขนได้ โอกาสเกิดสิวก็จะน้อยลง 

  • การใช้ยาบางชนิด

การใช้ยาหรือแม้แต่อาหารบางชนิดกระตุ้นต่อการเกิดสิวหลัง ทั้งสิวอักเสบและสิวอุดตันได้ง่าย เช่น ยาในกลุ่มสเตียรอยด์ ยาต้านโรคจิต อาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือผลิตภัณฑ์จากนมวัว เป็นต้น 

  • ฮอร์โมนในร่างกายที่เปลี่ยนแปลง

ทั้งฮอร์โมนแอนโดรเจนและโปรเจสเตอโรน ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดสิวง่ายขึ้น จะสังเกตว่าช่วงที่ฮอร์โมนในร่างกายเปลี่ยนแปลงมากคือช่วงก่อนมีประจำเดือน ผู้หญิงมักจะเป็นสิว ผิวบวมและเป็นสิวอักเสบง่ายกว่าช่วงอื่นๆ 

  • ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิว

ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดบางชนิดอาจจะก่อให้เกิดการระคายเคือง และกระตุ้นให้เกิดการอุดตันและเกิดสิวอักเสบได้

  • เหงื่อและสิ่งสกปรก

การออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออกมากก็จะทำให้ร่างกายและเสื้อผ้าที่ใส่เหมาะแก่การเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดสิวอักเสบ

  • ผ้าปูที่นอนที่ไม่สะอาด

สิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียที่สะสมอยู่บนผ้าปูที่นอนส่งผลให้เกิดสิวที่หลังได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากนอนถอดเสื้อ ซึ่งแผ่นหลังจะสัมผัสที่นอนตลอดเวลา 


พฤติกรรมที่ทำให้เกิดสิวที่หลัง

หากเราเลี่ยงทำพฤติกรรมที่ไปกระตุ้นให้เกิดสิวที่หลัง ก็จะช่วยลดโอกาสการเป็นสิวหลังได้  

  • การรับประทานอาหารที่กระตุ้นการเกิดสิวหลัง เช่น อาหารที่มีปริมาณน้ำตาลสูง อาหารที่มีส่วนประกอบของยีสต์ ผลิตภัณฑ์จากนมวัว เป็นต้น 
  • การเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมที่มีเหงื่อมากจะทำให้เชื้อโรคเติบโตได้ดี แผ่นหลังจึงเกิดสิวอักเสบได้ง่าย 
  • การนอนถอดเสื้อและไม่ทำความสะอาดผ้าปูที่นอน ซึ่งบนที่นอนมักมีเซลล์ผิวหนังที่ตายแล้ว, เหงื่อและคราบไคล รวมไปถึงเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรียที่เรามองไม่เห็น ทำให้เกิดได้ทั้งสิวอุดตันตามรูขุมขนและสิวอักเสบ
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ซักผ้าและรีดผ้าที่ก่อให้เกิดสารตกค้าง กระตุ้นให้เกิดสิวที่หลังได้ 
  • ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เหมาะกับผิวของตัวเอง และทำความสะอาดได้ไม่ดี ก็จะกระตุ้นใก้เกิดสิวอุดตันและสิวอักเสบได้ 
  • ใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศไม่ดี เนื้อผ้าแข็งกระด้าง เสียดสีกับผิวของเรา
สิวที่หลัง

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวที่หลัง

มีหลายปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิวที่หลัง ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น ปัจจัยภายในและปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายใน

เป็นปัจจัยของการเกิดสิวหลังที่มาจากภายในร่างกายของเราเอง ได้แก่ กรรมพันธ์ุ และ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน ซึ่งปัจจัยภายในมักเป็นสิ่งที่ควบคุมได้ลำบาก การรักษาสิวที่หลังที่เกิดจากปัจจัยดังกล่าวจึงทำได้ยากกว่า  

ปัจจัยภายนอก

ปัจจัยภายนอกก็คือพฤติกรรมในการดำเนินชีวิตที่เสี่ยงต่อการเกิดสิว ที่หลัง เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ก่อให้เกิดการระคายเคือง, ที่นอนไม่สะอาด, การรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม มีน้ำตาลหรือไขมันทรานส์สูง, ทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาที่ทำให้มีเหงื่อออกมาก, การใส่เสื้อผ้าอับชื้น เป็นต้น

สิวที่หลังมีลักษณะเป็นแบบไหนบ้าง

โดยทั่วไปสิวที่หลังมีทั้งแบบไม่รุนแรง มีจำนวนไม่เยอะ สามารถรักษาง่ายๆ ได้ด้วยตัวเอง โดยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ และแบบที่รุนแรง จำเป็นต้องพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุและหาวิธีรักษาสิวที่เหมาะสม 

สิวที่หลังมีหลายลักษณะ ทั้งสิวอักเสบและสิวไม่อักเสบ แบ่งเป็นหลายรูปแบบได้ดังนี้ 

สิวอุดตัน หรือสิวหัวขาว

สิวหัวขาว หรือบางครั้งเรียกว่าสิวอุดตันหัวปิด มีลักษณะเป็นสิวตุ่มเล็กๆ มีสีขาว เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อุดตันอยู่ที่รูขุมขน ซึ่งโดยส่วนใหญ่สิวอุดตันประเภทนี้มักจะกลายเป็นสิวอักเสบในเวลาต่อมา

สิวหัวดำ

เป็นประเภทหนึ่งของสิวอุดตัน เกิดจากการอุดตันของสิ่งสกปรกและไขมันส่วนเกินบนผิวหนังในรูขุมขน แล้วทำปฏิริยากับเม็ดสีที่เซลล์ผิวหนังจึงเกิดเป็นสิวหัวสีดำขนาดเล็ก ไม่มีเชื้อแบคทีเรีย จึงไม่เกิดการอักเสบและมีอาการไม่รุนแรง แต่สร้างความรำคาญใจมากกว่า เพราะสังเกตง่ายและและหายยาก 

สิวอักเสบตุ่มนูนแดง

เป็นสิวที่มีขนาดเล็ก อาการไม่รุนแรง มีลักษณะเป็นตุ่มสีแดงบนผิว ไม่มีรูเปิดเหมือนสิวหัวดำ มีการอักเสบรอบๆตุ่มสีแดง ถ้าปล่อยทิ้งไว้อาจจะกลายเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

สิวอักเสบหัวหนอง

สิวอักเสบหัวหนองเกิดจากรูขุมขนที่อุดตันเกิดการติดเชื้อ จึงมีลักษณะเป็นตุ่มแดงขนาดใหญ่และมีหนอง สามารถกดหนองออกมาได้ แต่หากกดไม่ถูกวิธี ก็จะทำให้เกิดเป็นสิวหัวหนองซ้ำๆ ไม่หายขาดและมีโอกาสเกิดรอยแผลเป็นได้ 

สิวอักเสบก้อนลึก

สิวประเภทนี้มีลักษณะเหมือนสิวอักเสบตุ่มแดง แต่มีก้อนขนาดใหญ่อยู่ใต้ผิวหนัง มักมีสาเหตุจากการกดบีบสิวที่ไม่ถูกวิธี ทำให้เชื้อแบคทีเรียและน้ำมันที่อยู่ภายในตุ่มสิวแตกกระจายอยู่ใต้ผิวหนัง จึงเกิดการอักเสบ บวมและแดง สร้างความเจ็บปวดค่อนข้างมาก

สิวหัวช้าง หรือสิวชีสต์

เป็นสิวอักเสบประเภทหนึ่งที่มีอาการรุนแรง เกิดจากเชื้อแบคทีเรียภายในตุ่มสิวเพิ่มจำนวนมากขึ้นกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ มีลักษณะเป็นตุ่มและก้อนไตแข็งขนาดใหญ่ใต้ผิวหนัง บวมแดง และสามารถพัฒนากลายเป็นฝีได้ 

ประเภทของสิว

วิธีรักษาสิวที่หลัง มีอะไรบ้าง

วิธีรักษาสิวที่หลังสามารถทำได้หลายวิธี หากมีอาการไม่รุนแรง อาจจะเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หลีกเลี่ยงปัจจัยที่ก่อให้เกิดสิว หากยังไม่หาย อาจจะลองเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ เพื่อลดการระคายเคืองผิว หรือหากมีอาการรุนแรง หรือไม่หายขาดควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและแนะวิธีรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสมต่อไป 

การรักษาด้วยวิธีแบบธรรมชาติ 

การรักษาสิวที่หลังด้วยวิธีแบบธรรมชาติ คือ การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์หรือสารสกัดออร์แกนิคจากธรรมชาติ เพื่อลดการใช้สารเคมีที่ทำให้เกิดการระคายเคืองและก่อให้เกิดสิวได้ง่าย เช่น การพอกผิวด้วยดินสอพอง หรือการเลือกใช้สบู่ออร์แกนิคที่มีคุณสมบัติลดการอักเสบของสิวและมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย อย่างสบู่ออร์แกนิคที่สกัดจากเปลือกมังคุด สบู่ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น 

การรักษาทางการแพทย์  

หากสิวที่หลังไม่หายขาด มีอาการรุนแรง สร้างความรำคาญหรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ก็ควรพิจารณาเลือกวิธีการรักษาทางการแพทย์ เพราะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและรวดเร็วกว่า แต่อาจจะมีค่าใช้จ่ายตามลักษณะและความรุนแรงของสิว 

วิธีการรักษาสิวด้วยวิธีทางการแพทย์นั้นมีหลายวิธี เช่น การใช้ยาทาหรือยารับประทาน การกดสิว การฉีดสิว หรือการยิงเลเซอร์ เป็นต้น ควรให้แพทย์เป็นผู้วินิจฉัยและแนะนำวิธีรักษาสิวที่เหมาะสมซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล


การรักษาสิวหลังที่ Aya Clinic มีอะไรบ้าง

สำหรับการรักษาสิวที่หลังด้วยวิธีทางการแพทย์นั้น ทาง Aya Clinic จัดโปรแกรมการรักษาสิวเพื่อเป็นทางเลือกในการแก้ปัญหาสิวหลังอย่างครบวงจรตามลักษณะปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ดังนี้ 

โปรแกรม Acne Clear

เป็นโปรแกรมที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีสิวอักเสบและสิวอุดตันที่มีสาเหตุจากฮอร์โมน โดยโปรแกรมนี้จะช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันบนผิวหนัง ไปพร้อมๆกับการลดเลือนรอยดำ รอยแดงและรอยแผลเป็นจากสิว ประกอบด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้ 

  • ทรีตเมนต์มาส์ก เพื่อลดการอักเสบของต่อมไขมัน
  • การฉีดยา ช่วยลดการอักเสบของสิวและสะกิดหัวสิวออก
  • ใช้ยารักษาสิว ทั้งแบบยาทาและยารับประทาน เพื่อกำจัดเชื้อสิวให้หมอ ป้องกันการกลับมาเป็นสิวซ้ำ 

โปรแกรม Acne Clear + AWL Laser

เป็นโปรแกรมรักษาสิวควบคู่ไปกับการยิงเลเซอร์เพื่อลดรอยแดง รอยดำจากสิว หลุมสิวและแก้ปัญหาสีผิวไม่สม่ำเสมอ โดย AWL Laser จะช่วยกระตุ้นให้เม็ดสีในเซลล์ผิวแตกตัว ทำให้รอยดำรอยแดงจางลง ลดความหมองคล้ำที่เกิดจากสิว 

หลังจากการทำเลเซอร์ก็จะต่อด้วยโปรแกรม Facial gold treatment เพื่อกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ และบำรุงผิวให้เนียนเรียบ กระจ่างใส เปล่งปลั่ง แลดูสุขภาพดี ซึ่งจะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัดเจนได้ตั้งแต่ครั้งแรก 

โปรแกรม Acne Clear + Treatment 6 ขั้นตอน

แพทย์จะประเมินสภาพผิวและความรุนแรงของสิว เพื่อจัดการปัญหาสิวก่อนเป็นอันดับแรก แพทย์จะฉีดสิวเพื่อลดการอักเสบ และกดสิวเพื่อกำจัดสิวบนแผ่นหลัง เมื่อควบคุมสิวให้หายดีแล้ว ก็จะเริ่มขั้นตอนการทำทรีตเมนท์เพื่อบำรุงผิว 6 ขั้นตอน เพื่อลดเลือนรอยดำ รอยแดง รวมถึงรอยแผลเป็นจากสิว เผยแผ่นหลังที่เนียนเรียบ กระจ่างใส น่าสัมผัส  


การป้องกันไม่ให้เกิดสิวที่หลัง

มีปัจจัยเสี่ยงมากมายที่ก่อให้เกิดสิวที่หลัง การหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเหล่านั้นจะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวหลังได้ ซึ่งอาจจะไม่ได้ร้อยเปอร์เซนต์ เนื่องจากปัจจัยบางอย่างก็อยู่เหนือการควบคุม เช่น สิวที่มีสาเหตุจากฮอร์โมน หรือกรรมพันธ์ุ เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม หากเริ่มมีสิวที่หลังควรดูแลและรักษาแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันการลุกลามหรืออาการรุนแรง ซึ่งอาจจะเกิดรอยแผลเป็นได้และรักษายากกว่า วิธีหลีกเลี่ยงเพื่อลดโอกาสการเกิดสิวที่หลังมีดังนี้ 

  • อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีที่มีเหงื่อออก
  • ทำความสะอาดผิวด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมลดการเกิดสิว เช่นสบู่ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย 
  • จำกัดการใช้อุปกรณ์กีฬาหรือกระเป๋าบางอย่าง เช่น กระเป๋าเป้สะพายหลังหนักๆ หรือเกราะป้องกันตัว ที่ทำให้แผ่นหลังอับชื้น 
  • ควบคุมความเครียดของตนเอง
  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์และทำความสะอาดผิวที่ไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) เช่นควรงดการใช้ครีมที่มีส่วนผสมเป็นน้ำมันที่ทำให้อุดตันเป็นสิว
  • เลือกใส่เสื้อผ้าหลวมๆ มีเนื้อผ้าที่มีระบายอากาศได้ดี 
  • หยุดแคะ แกะ เกาแผ่นหลัง เนื่องจากเล็บมือของเราอาจจะมีเชื้อโรคหรือเชื้อแบคทีเรียที่ไปกระตุ้นให้เกิดสิวอักเสบได้
วิธีดูแลผิวเป็นสิวที่หลัง

การรักษาสิวที่หลังใช้เวลาในการรักษานานแค่ไหนถึงจะเห็นผล

การรักษาสิวที่หลังด้วยวิธีทางการแพทย์จะใช้เวลานานเท่าไหร่นั้นขึ้นอยู่กับสภาพผิวและความรุนแรงของสิว พฤติกรรมของคนไข้ รวมไปถึงความต่อเนื่องในการรักษา โดยปกติแล้วสิวที่หลังจะเริ่มดีขึ้นเรื่อยหลังจากการรักษาครั้งแรก ภายในหนึ่งสัปดาห์จะดีขึ้นประมาณ 20-30 เปอร์เซนต์ หากคนไข้ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่องทุกๆ 1-2 สัปดาห์ จะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 1-2 เดือน 

การรักษาสิวที่หลังใช้เวลานานไหม

การรักษาสิวที่หลังมีโอกาสสิวลุกลามไปบริเวณอื่นได้ไหม

สิวที่หลัง หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลรักษาหรือหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว มีโอกาสสูงที่จะลุกลามไปบริเวณอื่นของร่างกายได้ เช่น บริเวณหัวไหล่ หน้าอก หรือบั้นท้าย เนื่องจากเป็นพื้นที่ในร่มผ้าที่มีปริมาณต่อมไขมันกระจายตัวอยู่มากกว่าส่วนอื่นๆ ดังนั้นการรักษาสิวที่หลังแต่เนิ่นๆ จะช่วยควบคุมไม่ให้สิวลุกลามหรือรุนแรงมากขึ้นได้ 


ข้อสรุป

วิธีรักษาสิวที่หลังสามารถทำได้หลายวิธี ตั้งแต่การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กระตุ้นให้เกิดสิว ใช้วิธีธรรมชาติและผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคเพื่อลดการใช้สารเคมีที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองผิว หรือจะเป็นวิธีทางการแพทย์ที่ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและตรงจุด อย่างไรก็ตาม หากเป็นสิวที่หลังไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบรักษาแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอาการรุนแรงหรือลุกลามไปส่วนอื่นๆ ทำให้รักษายากและหายช้ากว่าเดิม 


รีวิวการรักษาสิว