การกำจัดกระเนื้อ

กำจัดกระเนื้อ รักษาอย่างไร อันตรายไหม? สาเหตุ อาการ ป้องกัน และการรักษาด้วย CO2 Laser

Contents hide

กระเนื้อ หรือ Seborrheic Keratosis เป็นปัญหาผิวหนังที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะในวัยผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ หลายคนสังเกตเห็นว่าตุ่มเล็ก ๆ หรือปื้นสีน้ำตาลเริ่มขึ้นตามใบหน้า คอ หน้าอก หรือแผ่นหลัง ทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียนและรู้สึกรำคาญสายตา แม้กระเนื้อจะไม่ใช่โรคอันตราย แต่ก็สร้างผลกระทบทางความสวยงามอย่างมาก จึงทำให้หลายคนมองหาวิธี “กำจัดกระเนื้อ” ที่ปลอดภัย เห็นผลไว และแผลสวยที่สุด

หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมสูงคือ การรักษากระเนื้อด้วย CO2 Laser ที่สามารถทำได้อย่างรวดเร็ว แม่นยำ และไม่ทำให้เกิดแผลเป็นเหมือนวิธีการจี้แบบดั้งเดิม บทความนี้จะพาคุณทำความรู้จักกระเนื้อแบบละเอียด ตั้งแต่สาเหตุ อาการ การรักษา วิธีป้องกัน


กระเนื้อคืออะไร? ความเข้าใจเบื้องต้นที่ควรรู้

กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis) คือก้อนนูนหรือปื้นชนิดหนึ่งบนผิวหนัง มีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีน้ำตาลเข้มหรือดำ จะมีลักษณะที่โดดเด่นคือดูเหมือนมี “คราบเกาะติดบนผิว” ผิวสัมผัสหยาบ ขรุขระ และสามารถเกิดได้หลายตำแหน่ง รวมถึงสามารถขึ้นเป็นจำนวนมากได้ในบางราย

จุดสำคัญคือ “กระเนื้อไม่ใช่มะเร็งผิวหนัง” และไม่ใช่โรคติดต่อ แต่เป็นภาวะทางผิวหนังที่เกิดจากการสร้างเซลล์ผิวมากเกินไปในบางบริเวณ โดยความผิดปกตินี้มักเกิดขึ้นช้า ๆ ตามอายุที่มากขึ้น

กระเนื้ออาจมีขนาดตั้งแต่ 2–3 มม. ไปจนถึงขนาดใหญ่หลายเซนติเมตร และมักทำให้หลายคนกังวลเพราะลักษณะสีเข้มและผิวขรุขระจึงดูคล้ายติ่งเนื้อหรือเนื้องอก แต่อันที่จริงแล้วกระเนื้อไม่อันตรายเลย


กระเนื้อเกิดจากอะไร?

แม้ว่าจะยังไม่ทราบสาเหตุที่ชัดเจน 100% แต่มีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้องกับการเกิดกระเนื้อ ได้แก่

 อายุที่มากขึ้น

กระเนื้อพบมากในคนอายุ 30–40 ปีขึ้นไป และมีโอกาสเพิ่มจำนวนมากขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้น เนื่องจากระบบการผลัดเซลล์ผิวเริ่มเปลี่ยนไปตามวัย

 พันธุกรรม

หากคนในครอบครัวมีประวัติการเกิดกระเนื้อ โอกาสที่คุณจะเป็นก็สูงขึ้น โดยมักพบกระเนื้อหลายจุดตั้งแต่อายุน้อยกว่าคนทั่วไป

 แสงแดดและรังสี UV

รังสี UV เป็นตัวกระตุ้นการเสื่อมของเซลล์ผิวหนัง ทำให้เกิดการสะสมของเซลล์ผิวแบบผิดปกติ จนเกิดเป็นกระเนื้อ โดยเฉพาะในผู้ที่ทำงานกลางแจ้งหรือไม่ค่อยทาครีมกันแดด

 การเสียดสีของผิวหนัง

ความร้อนและการเสียดสีบริเวณคอ ใต้อก รักแร้ หรือบริเวณที่เสื้อผ้ารัดแน่นอาจทำให้กระเนื้อมีขนาดใหญ่ขึ้นหรือเกิดจำนวนมากขึ้น

 สภาพผิวแห้งเสียจากการดูแลผิดวิธี

ผิวที่เสื่อมสภาพเร็วมักมีโอกาสเกิดกระเนื้อมากขึ้น เช่น การขัดผิวแรงเกินไป การใช้สารเคมีรุนแรง หรือการผลัดเซลล์ผิวมากเกินไป


อาการของกระเนื้อ มีลักษณะอย่างไร?

กระเนื้อมักมีอาการและลักษณะดังนี้

  • ผิวหนังนูนเป็นปื้นหรือก้อน
  • มีสีตั้งแต่สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงดำ
  • ผิวสัมผัสขรุขระ คล้ายปื้นแห้งติดบนผิว
  • ไม่เจ็บ ไม่คัน ยกเว้นบางรายอาจคันจากการเสียดสี
  • พบได้หลายตำแหน่งพร้อมกัน
    และมักค่อย ๆ ใหญ่ขึ้นตามเวลา

หากสังเกตว่า มีตุ่มบนผิวของเราเปลี่ยนสีเร็ว โตเร็วผิดปกติ หรือมีเลือดออกง่าย ควรพบแพทย์เพื่อประเมินว่ามีความเสี่ยงของผิวหนังผิดปกติอื่นหรือไม่


กระเนื้ออันตรายมั้ย ควรกำจัดออกหรือไม่

คำตอบคือ ไม่อันตราย แต่มีเหตุผลที่หลายคนต้องการกำจัด ได้แก่

  • กระเนื้อที่มีขนาดใหญ่หรือจำนวนมาก จะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน
  • เกิดบริเวณใบหน้า ใต้ตา คอ ทำให้เสียความมั่นใจ
  • ถูกเสียดสีบ่อยจนเจ็บ ระคายเคือง
  • มีเลือดออกหรืออักเสบ
  • ต้องการประเมินเพื่อลดความเสี่ยงโรคมะเร็งผิวหนัง

แพทย์ผิวหนังสามารถตรวจประเมินได้อย่างปลอดภัย หากมีข้อสงสัยในลักษณะรอยโรคบางกรณี อาจมีการตัดชิ้นเนื้อ (biopsy) เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่มะเร็งผิวหนัง


วิธีรักษาและกำจัดกระเนื้อ

การรักษากระเนื้อมักใช้วิธีที่ช่วย “ทำลาย” เนื้อเยื่อกระเนื้อออกโดยไม่กระทบผิวหนังบริเวณรอบข้าง วิธีที่แพทย์นิยมใช้ ได้แก่

 CO2 Laser วิธีที่แม่นยำและแผลสวย

CO2 Laser เป็นการใช้พลังงานแสงเลเซอร์คาร์บอนไดออกไซด์ในการระเหยเนื้อกระเนื้อออกอย่างแม่นยำ จุดเด่นของ CO2 Laser คือ

  • เลเซอร์เฉพาะจุด ไม่ทำลายผิวรอบข้าง
  • แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และโอกาสเกิดแผลเป็นน้อยกว่าวิธีอื่น
  • ทำได้หลายจุดในครั้งเดียว
  • ปลอดภัย เห็นผลทันที

เหมาะสำหรับกระเนื้อทุกขนาด ทุกสี และทุกตำแหน่งบนร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องการความเรียบเนียน เช่น ใบหน้า และลำคอ

 การจี้ไฟฟ้า (Electrocautery)

ใช้ความร้อนจากเข็มไฟฟ้าในการจี้กระเนื้อ ข้อดีคือทำได้ง่าย แต่ข้อเสียคือ

  • อาจทำให้เกิดรอยดำหลังทำ
  • แผลใหญ่กว่าการใช้ CO2 Laser
  • ใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นนานกว่า

 Cryotherapy (การแช่แข็งด้วยไนโตรเจนเหลว)

แพทย์ใช้ไนโตรเจนเหลวอุณหภูมิต่ำมากทำให้เซลล์กระเนื้อแข็งและตาย ข้อดีคือทำได้เร็ว แต่ข้อเสียคือ

  • บริเวณผิวรอบข้างอาจเสียหายไปด้วย
  • อาจเกิดรอยขาวหรือรอยดำ
  • ไม่แม่นยำเท่าเลเซอร์

 การผ่าตัด

ใช้กับกระเนื้อที่มีขนาดใหญ่ หรือจำเป็นต้องส่งตรวจชิ้นเนื้อ ข้อดีคือสามารถเก็บชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัยได้ แต่ฟื้นตัวช้ากว่าการใช้ CO2 Laser


ขั้นตอนการกำจัดกระเนื้อด้วย CO2 Laser

 ขั้นตอนก่อนทำ

  1. แพทย์ตรวจประเมินรอยโรคเพื่อยืนยันว่าคนไข้มีกระเนื้อจริง ๆ ไม่ใช่ปัญหาผิวหนังอื่น ๆ
  2. ตกลงกับคนไข้ถึงจำนวนจุดที่จะทำการรักษากระเนื้อ
  3. ทายาชาทิ้งไว้ 20–30 นาที (บางรายอาจไม่จำเป็น)

 ระหว่างการทำ

  1. แพทย์ใช้หัวเลเซอร์ยิงเฉพาะจุด ใช้เวลา 5–10 นาที
  2. คนไข้จะรู้สึกอุ่น ๆ หรือดีดเบา ๆ แต่เจ็บน้อยมาก

 หลังทำ

  1. จะมีสะเก็ดบาง ๆ ในบริเวณที่ทำ
  2. หลีกเลี่ยงแดด 5–7 วัน
  3. ทายาฆ่าเชื้อหรือตามที่แพทย์แนะนำ

แผลจะตกสะเก็ดและหลุดเองประมาณ 5–10 วัน หลังจากนั้นจะเผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนกว่าเดิม


การป้องกันไม่ให้กระเนื้อเพิ่มจำนวน

แม้ไม่สามารถป้องกันได้ทั้งหมด แต่สามารถลดโอกาสได้ดังนี้

 ใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ

เลือก SPF 30–50 ป้องกัน UVA/UVB ช่วยลดการเสื่อมของผิว

 ลดการเสียดสีของผิวหนัง

หลีกเลี่ยงเสื้อผ้าที่รัดแน่นเกินไป โดยเฉพาะบริเวณคอและใต้อก

 หลีกเลี่ยงสารเคมีรุนแรง

ผลิตภัณฑ์ที่กัดผิวหรือทำให้ผิวแห้งมากเกินไป ทำให้ผิวเสื่อมเร็วและเกิดกระเนื้อง่ายขึ้น

 ตรวจเช็กผิวเป็นประจำ

หากมีการเปลี่ยนแปลงผิดปกติควรพบแพทย์ทันที

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกำจัดกระเนื้อ

 กระเนื้อคือมะเร็งผิวหนังหรือไม่?

ไม่ใช่ กระเนื้อเป็นเนื้องอกผิวหนังชนิดไม่ร้ายแรง ไม่ติดต่อ และไม่กลายเป็นมะเร็ง

 กระเนื้อทำไมขึ้นเยอะเมื่ออายุมาก?

เกิดจากการเสื่อมของผิว พันธุกรรม และแสงแดดที่สะสมมานานหลายปี

 เลเซอร์กำจัดกระเนื้อมีโอกาสเป็นแผลเป็นหรือไม่?

โอกาสเกิดแผลเป็นน้อยมากเมื่อทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะ CO2 Laser ซึ่งแม่นยำกว่าวิธีอื่น

 หลังทำ CO2 Laser ต้องพักฟื้นไหม?

ไม่จำเป็น สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ยกเว้นหลีกเลี่ยงแดดช่วงแรก


ข้อสรุป

กระเนื้อไม่ใช่โรคอันตราย แต่ส่งผลต่อความมั่นใจและภาพลักษณ์ โดยเฉพาะเมื่อเกิดหลายจุดหรืออยู่ในบริเวณที่มองเห็นชัด วิธีรักษาที่ปลอดภัยและเห็นผลชัดเจนที่สุดคือ การกำจัดกระเนื้อด้วย CO2 Laser เพราะแม่นยำ แผลเล็ก ฟื้นตัวเร็ว และโอกาสเกิดแผลเป็นน้อยมาก

หากคุณกำลังมองหาวิธีรักษาที่ปลอดภัยและให้ผลลัพธ์สวยงาม ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังหรือคลินิกที่เชื่อถือได้ เพื่อประเมินและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ