กำจัดไฝอย่างแม่นยำด้วยเลเซอร์ CO2 ผิวเนียนใสได้โดยไม่ต้องผ่าตัด
สำหรับหลายคน “ไฝ” อาจไม่ใช่แค่จุดเล็กๆ บนผิวหนัง แต่เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเวลาส่องกระจก บางคนมีไฝอยู่ตรงจุดที่เด่นชัด พอถ่ายรูปทีไรก็ต้องเอาผมบัง หรือใช้แอพลบออกทุกครั้ง บางคนอาจกลัวว่าปล่อยไว้นานๆ แล้วจะเปลี่ยนไป หรือไม่แน่ใจว่าเป็นไฝธรรมดาหรืออย่างอื่นที่ควรรีบจัดการ
ในยุคนี้ การกำจัดไฝไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือน่ากลัวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ช่วยให้การลบไฝเป็นเรื่องว่าย อย่างการกำจัดไฝด้วยเลเซอร์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวช่วยอันดับต้นๆ ของคนที่อยากเคลียร์ผิวหน้าให้ดูเนียนใสแบบไม่เจ็บตัว
บทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับการใช้เลเซอร์ CO2 กำจัดไฝ ตั้งแต่ข้อดี วิธีการทำงาน การดูแลหลังทำ รวมถึงเคล็ดลับในการเตรียมตัวก่อนเข้ารับการรักษา สำหรับใครที่กำลังลังเลอยู่ว่าจะเลเซอร์ไฝดีไหม ลองมาดูบทความที่น่าสนใจนี้กันค่ะ
การกำจัดไฝคืออะไร? ทำไมหลายคนจึงเลือกทำ
การกำจัดไฝในปัจจุบันทำได้ง่ายกว่าเมื่อก่อนเยอะ ด้วยเทคโนโลยีอย่างเลเซอร์ CO2 ที่ช่วยให้การลบไฝเป็นเรื่องง่ายๆ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องเย็บแผล ไม่ต้องใช้ไฟจี้ แถมใช้เวลาไม่นาน คนรุ่นใหม่จึงเลือกวิธีนี้กันมากขึ้น แต่ก่อนที่เราจะไปดูว่าเลเซอร์ CO2 คืออะไร ลองมาทำความเข้าใจกันก่อนเลยว่า ไฝจริงๆ แล้วคืออะไร และทำไมหลายคนถึงอยากลบออกจากผิวของตัวเองกันนะ?
ไฝคืออะไร?
ไฝ จริงๆ แล้วคือเซลล์เม็ดสีเมลานินที่รวมตัวกันอยู่ใต้ผิวหนัง เกิดขึ้นได้ตั้งแต่เด็ก บางคนมาโผล่ตอนโต ไฝมีหลายประเภท บางเม็ดแบนเรียบ บางเม็ดนูน บางเม็ดมีขนขึ้นด้วย ซึ่งลักษณะแตกต่างกันไปตามแต่ละคน
โดยส่วนใหญ่ไฝเป็นสิ่งที่ไม่เป็นอันตรายค่ะ แต่อยู่ที่ว่าจะอยู่ตรงไหน โดดเด่นแค่ไหน และกระทบความรู้สึกของเรายังไงมากกว่า บางจุดอาจอยู่บนหน้าแบบตรงเป๊ะเลยจนกลายเป็นจุดที่ทำให้ไม่มั่นใจเวลาส่องกระจกหรือถ่ายรูป
ทำไมถึงอยากเอาไฝออก?
เหตุผลในการกำจัดไฝออกของแต่ละคนก็ต่างกันไป บางคนต้องการให้หน้าดูเรียบใสขึ้น บางคนก็เชื่อเรื่องโหงวเฮ้ง อีกกลุ่มคือคนที่กังวลเรื่องสุขภาพ ถ้าไฝมีการเปลี่ยนแปลง เช่น โตเร็ว สีเข้มขึ้น ขอบไม่เรียบ หรือมีเลือดออก อาจเป็นสัญญาณให้ต้องตรวจเช็กหรือพิจารณาเอาออกเพื่อความปลอดภัย
และแน่นอนว่าสำหรับสายบิวตี้หรือคนที่อยากดูหน้าใสแบบไร้จุดกวนใจ ก็เลือกใช้วิธีเลเซอร์กำจัดไฝ เพราะทำได้ง่าย ไม่ต้องพักฟื้นนาน และช่วยให้ผิวดูเรียบเนียนมากขึ้นทันที
เลเซอร์ CO2 คืออะไร? ทำงานอย่างไรในการกำจัดไฝ
หลายคนที่เริ่มสนใจเรื่องกำจัดไฝแบบไม่ต้องผ่าตัด อาจเคยได้ยินชื่อของเลเซอร์ CO2 กำจัดไฝผ่านหูมาบ้าง แต่ยังไม่แน่ใจว่าเลเซอร์ CO2 คืออะไร ใช้ยังไง แล้วทำไมคลินิกความงามหลายแห่งถึงเลือกใช้เทคโนโลยีนี้
เลเซอร์ CO2 (อ่านว่า ซี-โอ-ทู) เป็นเทคโนโลยีเลเซอร์ที่ใช้ลำแสงพลังงานสูง ยิงเข้าไปยังผิวหนังบริเวณที่มีไฝ โดยจะทำงานแบบแม่นตรงจุด คือเจาะจงเฉพาะไฝโดยไม่กระทบกับผิวรอบๆ มากนัก เลยช่วยให้ผิวที่ผ่านการรักษาเรียบเนียนและแผลหายเร็ว ไม่ต้องพักฟื้นนาน
จุดเด่นของเลเซอร์ CO2
- ลบไฝได้ตรงจุดแบบไม่ต้องผ่า
เลเซอร์ CO2 เป็นเลเซอร์กำจัดไฝหน้าที่ใช้พลังงานแสงจี้ไฝให้หลุดออกโดยตรง จึงไม่ต้องใช้มีดหรือเข็ม ไม่ต้องเย็บแผล ทำให้คนที่กลัวการผ่าตัดหายห่วงได้เลย
- แผลเล็ก ฟื้นตัวไว
หลังทำอาจมีสะเก็ดเล็กๆ ขึ้นมานิดหน่อย แต่จะหลุดลอกเองในไม่กี่วัน และไม่ทิ้งรอยเย็บหรือแผลเป็นให้ต้องกังวล
- แม่นยำสูง ไม่ลามไปผิวรอบข้าง
ด้วยความที่ลำแสงเลเซอร์มีความแม่นยำสูง ทำให้สามารถโฟกัสเฉพาะจุดที่มีไฝโดยไม่ทำลายผิวรอบๆ จึงลดโอกาสเกิดรอยดำหรือรอยแดงหลังทำ
- เหมาะทั้งกับไฝแบนและไฝนูน
ไม่ว่าจะเป็นไฝเรียบๆ หรือไฝที่มีความนูนขึ้นมา ก็สามารถใช้เลเซอร์ CO2 กำจัดไฝได้แบบอยู่หมัด
- ไม่ต้องพักฟื้น
คนที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟหรือต้องไปทำงานทุกวันก็ไม่ต้องห่วงว่าจะต้องนอนพักยาวๆ เพราะสามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ทันทีหลังทำเลเซอร์กำจัดไฝ แค่ระวังแดดนิดหน่อย และทาครีมตามที่แพทย์แนะนำ
ขั้นตอนการกำจัดไฝด้วยเลเซอร์ CO2
ถึงแม้การเลเซอร์ไฝจะดูเหมือนเรื่องเล็กๆ ใช้เวลาไม่นาน แต่จริงๆ แล้วก็มีขั้นตอนที่เป็นระบบ ไม่ใช่แค่เดินเข้าไปแล้วจิ้มปุ๊บจบเลย ทุกอย่างเริ่มต้นจากการประเมินที่ดีและจบลงด้วยการดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้ผิวกลับมาเนียนใสแบบไม่ทิ้งรอย ถ้าใครยังไม่เคยทำมาก่อนลองมาดูขั้นตอนแบบคร่าวๆ กันค่ะ ว่ากว่าจะได้ผิวเนียนสวยนั้นต้องผ่านอะไรกันบ้าง
การประเมินไฝก่อนทำ
ก่อนเริ่มกำจัดไฝด้วยเลเซอร์ แพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญจะต้องตรวจดูก่อนว่าไฝที่เราจะเอาออกเป็นไฝธรรมดาหรือมีลักษณะผิดปกติหรือไม่ เช่น มีสีเข้ม ขอบไม่ชัด โตเร็ว หรือรูปร่างไม่สมมาตร ซึ่งบางอย่างอาจต้องส่งตรวจเพิ่มเติมก่อนจะลบออก ขั้นตอนนี้สำคัญมาก เพราะไม่ใช่ว่าเราจะเลเซอร์ไฝแบบไหนก็ได้ และถ้าตรวจดีตั้งแต่ต้นก็จะช่วยให้มั่นใจว่าเอาออกแล้วปลอดภัย ไม่กระทบสุขภาพในระยะยาว
การทำเลเซอร์
เมื่อประเมินเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการทำเลเซอร์จริงๆ ซึ่งปกติจะเริ่มจากการทายาชาทิ้งไว้ประมาณ 30-45 นาที เพื่อให้ตอนทำไม่รู้สึกเจ็บ จากนั้นแพทย์จะใช้เครื่องเลเซอร์ CO2 ยิงไปที่ไฝอย่างแม่นยำ โดยจะรู้สึกเหมือนมีอะไรจิ้มเบาๆ บนผิว บางคนบอกว่าเหมือนโดนหนังยางดีดนิดๆ แล้วแต่ความไวของแต่ละคน แต่โดยรวมคือทนได้
หลังทำผิวบริเวณนั้นจะมีสะเก็ดบางๆ คล้ายแผลถลอกเล็กๆ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ รอให้แผลตกสะเก็ดและหลุดไปเองใน 5–7 วัน ก็จะเห็นผิวที่เรียบขึ้นอย่างชัดเจน
การดูแลหลังทำ
หลังเลเซอร์กำจัดไฝเสร็จ สิ่งสำคัญคืออย่าแกะสะเก็ดออกเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดรอยหรือแผลเป็นได้ง่าย ควรปล่อยให้หลุดเองแบบธรรมชาติ นอกจากนี้ควรทายาที่แพทย์ให้มาสม่ำเสมอ และเลี่ยงแดดในช่วงแรกๆ เพราะผิวบริเวณที่ทำจะไวแสงกว่าปกติ ใครที่ต้องออกไปข้างนอกบ่อยอย่าลืมพกหมวกหรือร่มติดตัวและทาครีมกันแดดอย่างสม่ำเสมอด้วย
อีกอย่างที่ควรทำคือต้องใจเย็น เพราะบางคนอาจต้องเลเซอร์ไฝมากกว่า 1 ครั้ง โดยเฉพาะไฝที่ลึกหรือนูนเยอะ ดังนั้นอย่าตกใจถ้าทำครั้งเดียวแล้วไม่หายสนิท การทำซ้ำควรทิ้งระยะตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ
พอรู้ขั้นตอนแบบนี้แล้ว ใครที่ยังลังเลก็น่าจะเริ่มเห็นภาพมากขึ้นว่าการเลเซอร์ไฝไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แถมยังเป็นวิธีกำจัดไฝที่ง่ายและปลอดภัย ถ้าอยากให้ผิวเรียบเนียนขึ้นแบบไม่มีจุดสะดุด การกำจัดไฝด้วยเลเซอร์ CO2 ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่คุ้มและน่าลองค่ะ
การกำจัดไฝด้วยเลเซอร์ CO2 เจ็บไหม?
คำถามยอดฮิตอันดับหนึ่งก่อนตัดสินใจเลเซอร์กำจัดไฝเลยก็คือ “เจ็บไหม?”
คำตอบคือ เจ็บนิดเดียวค่ะ แต่ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด เพราะก่อนจะเริ่มเลเซอร์ไฝ แพทย์จะทายาชาให้ก่อน ทำให้ตอนทำรู้สึกแค่คล้ายๆ มีอะไรแตะผิว หรือบางคนอาจรู้สึกจี๊ดเบาๆ เหมือนโดนดีดด้วยหนังยาง
ระดับความรู้สึกก็ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและความลึกของไฝด้วย เช่น ไฝแบนที่ตื้นมากๆ จะรู้สึกน้อยกว่าไฝนูนที่อยู่ลึกลงไปใต้ผิว แต่โดยรวมคือทนได้และส่วนใหญ่จะเสร็จเร็ว แค่ไม่กี่นาทีต่อจุด
หลังทำอาจมีสะเก็ดเล็กๆ หรือแสบนิดๆ คล้ายผิวโดนแดดแรงๆ ซึ่งดูแลได้ง่าย แค่ทายาตามที่แพทย์แนะนำและหลีกเลี่ยงแดดไปสักพัก
ไฝแบบไหนควรกำจัด? และไฝแบบไหนต้องระวัง
ไฝที่เหมาะกับการเลเซอร์
ไฝที่เลเซอร์ได้อย่างปลอดภัย มักจะเป็นไฝที่ดูธรรมดาๆ ไม่เปลี่ยนแปลง ไม่สร้างความรำคาญอะไรกับร่างกาย ยกตัวอย่างเช่น
- ไฝเล็กๆ สีเข้มหรือสีน้ำตาลที่ไม่ได้เปลี่ยนรูปร่าง โตขึ้น หรือมีขอบแปลกๆ
- ไฝแบนหรือไฝนูนเล็กน้อย อยู่ตรงจุดที่มองเห็นชัด เช่น หน้า แก้ม คอ ลบแล้วช่วยเพิ่มความมั่นใจ
- ไฝที่ไม่มีขนขึ้น หรือถ้ามีก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
- ไฝที่ไม่เปลี่ยนแปลงมานาน ไม่มีอาการแสบ คัน หรือแตกเลือด
ไฝที่ต้องพบแพทย์ก่อนกำจัด
แต่ถ้าไฝของคุณมีลักษณะบางอย่างที่ดูผิดปกติหรือเปลี่ยนไปจากเดิม ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนตัดสินใจกำจัดไฝด้วยเลเซอร์ เพราะอาจเป็นสัญญาณของโรคผิวหนังบางประเภท โดยตัวอย่างไฝที่ควรระวัง เช่น
- ไฝที่ขนาดใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
- ไฝที่มีขอบไม่ชัด หรือรูปร่างแปลกๆ ไม่กลม ไม่รี ดูไม่สมส่วน
- ไฝที่มีหลายสีในเม็ดเดียว เช่น น้ำตาลเข้ม ส้ม ดำ ปนกัน
- ไฝที่แสบ คัน หรือมีเลือดซึม แม้จะไม่ได้ไปโดนอะไร
ข้อดีและข้อควรระวังของการใช้เลเซอร์ CO2
การใช้เลเซอร์ CO2 กำจัดไฝ ถือเป็นวิธีที่หลายคนเลือกเพราะเห็นผลชัด ปลอดภัย และไม่ต้องผ่าตัด แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ทุกอย่างจะเป๊ะ 100% มีบางจุดที่ควรรู้ไว้ก่อนทำเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาดีที่สุดแบบไม่มีดราม่า
ข้อดีของการเลเซอร์ CO2
- จบได้โดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีแผล ไม่ต้องพักฟื้นนาน
- แม่นยำสูง ยิงเฉพาะจุด ไม่ทำลายผิวรอบๆ
- ใช้เวลาน้อย บางจุดไม่ถึง 5 นาทีก็เรียบร้อย
- แผลเล็ก ฟื้นตัวไว มีสะเก็ดแค่ไม่กี่วัน ไม่บวม ไม่เขียว
- เหมาะกับคนที่มีไฝหลายจุด ทำหลายตำแหน่งพร้อมกันได้
- เห็นผลตั้งแต่ครั้งแรก โดยเฉพาะไฝเล็กหรือไม่ลึกมาก
ข้อควรระวังและสิ่งที่ต้องรู้
- อาจต้องทำซ้ำถ้าไฝลึก โดยเฉพาะไฝที่ฝังรากลึกลงไปใต้ผิว
- เสี่ยงทิ้งรอยดำหรือรอยแดงชั่วคราวถ้าดูแลแผลไม่ดี หรือไปแกะสะเก็ด
- ต้องเลี่ยงแดดหลังทำ เพราะผิวบริเวณที่เลเซอร์ไฝจะไวต่อแสงมาก
- ไม่ควรทำกับไฝที่ดูผิดปกติ เช่น โตเร็ว เปลี่ยนสี ขอบเบลอ ควรให้แพทย์ประเมินก่อน
- ต้องมีวินัยในการดูแลหลังทำ เช่น ทายา หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าบริเวณแผล
สรุปง่ายๆ คือ เลเซอร์ CO2 กำจัดไฝเป็นวิธีที่สะดวกและปลอดภัย ถ้าเลือกทำกับคลินิกที่ได้มาตรฐาน และดูแลตัวเองหลังทำอย่างถูกต้อง ก็แทบไม่มีอะไรต้องกังวลเลยค่ะ
ข้อสรุป
การกำจัดไฝด้วยเลเซอร์ CO2 เป็นทางเลือกที่ทั้งแม่นยำ ปลอดภัย และไม่ต้องเจ็บตัวแบบการผ่าตัด ช่วยให้ผิวดูเนียนขึ้น เพิ่มความมั่นใจได้แบบไม่ยุ่งยาก แต่ก่อนตัดสินใจเลเซอร์ไฝทุกครั้งอย่าลืมสังเกตลักษณะของไฝตัวเองให้ดี และเลือกทำกับผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้ ที่สำคัญคือควรดูแลแผลหลังทำให้เหมาะสม เท่านี้ก็พร้อมบอกลาจุดกวนใจบนผิวหน้าได้เลยค่ะ