สิวเรื้อรังรักษาอย่างไร? เจาะลึกสาเหตุ พร้อมวิธีการรักษาที่ได้ผลทั้งใช้ยาและหัตถการ
สิวที่เป็นๆ หายๆ ไม่ยอมจากไปง่ายๆ ไม่ใช่เรื่องเล็กสำหรับใครหลายคน โดยเฉพาะ “สิวเรื้อรัง” ที่เหมือนจะปักหลักอยู่บนหน้าเราไปแล้วจริงๆ มันทำให้เสียความมั่นใจ หน้ารู้สึกไม่คลีนแม้จะแต่งหน้า หรือแม้แต่ตอนหน้าสดก็รู้สึกไม่อยากสบตาใคร บางคนรักษามาหลายวิธี เปลี่ยนมาหลายครีม ใช้ทั้งของถูกของแพงก็ยังไม่เห็นผล
ความจริงคือสิวเรื้อรัง มีสาเหตุมาจากปัจจัยลึกๆ ที่หลายคนอาจมองข้าม บทความนี้เลยอยากพาไปเจาะลึกถึงสาเหตุสิวเรื้อรัง ไปจนถึงวิธีการรักษาสิวเรื้อรังที่ได้ผลจริงในวงการ ทั้งแบบใช้ยาและหัตถการที่หมอผิวหนังนิยมใช้กัน มาดูกันว่าการเข้าใจสิวเรื้อรังอย่างแท้จริง จะช่วยให้เราเลิกพ่ายแพ้ให้กับสิวซ้ำๆ ได้ยังไงบ้าง
สิวเรื้อรังคืออะไร?
สิวเรื้อรัง ก็คือสิวที่ขึ้นซ้ำๆ แบบไม่จบไม่สิ้น รักษาแล้วก็ดีขึ้นแป๊บเดียว จากนั้นก็วนลูปกลับมาอีก บางทีอยู่ดีๆ ก็โผล่มาโดยไม่มีสัญญาณเตือน ส่วนมากจะขึ้นบริเวณเดิมๆ อย่างแก้ม คาง หรือกราม และมักจะเป็นสิวอักเสบ สิวหัวช้าง หรือสิวที่ขึ้นลึกใต้ผิวจนกดก็ไม่ออก แตะก็เจ็บ
แต่ที่น่าหนักใจกว่านั้นคือมันไม่ใช่สิวที่แค่รักษาผิวก็หาย เพราะเบื้องหลังของสิวเรื้อรังมักมีปัจจัยแอบแฝง เช่น ฮอร์โมนแปรปรวน พฤติกรรมการใช้ชีวิต หรือแม้แต่การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เหมาะกับผิวตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นสิวที่ดื้อยากับวิธีปกติทั่วไป ต้องเข้าใจต้นตอถึงจะจัดการได้อยู่หมัด
สาเหตุของการเกิดสิวเรื้อรัง
หลายคนอาจคิดว่าสาเหตุสิวเรื้อรังเกิดจากการล้างหน้าไม่สะอาดหรือใช้สกินแคร์ผิดตัว ซึ่งไม่ผิด แต่ก็ยังไม่ถูกทั้งหมด เพราะความจริงแล้วสาเหตุสิวเรื้อรังนั้นมีปัจจัยกระตุ้นอยู่อีกมาก ถ้าอยากหายจากสิวเรื้อรังแบบจริงจัง ต้องเริ่มจากเข้าใจตัวกระตุ้นที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดก่อน มาดูกันว่าปัจจัยพวกนี้มีอะไรบ้าง แล้วมันแอบแฝงอยู่ในชีวิตประจำวันเรายังไง
ปัจจัยที่ทำให้เกิดสิวเรื้อรัง
- ฮอร์โมนแปรปรวน
ฮอร์โมนคือหัวโจกตัวจริงของสิวเรื้อรัง โดยเฉพาะช่วงก่อนมีประจำเดือนหรือในคนที่มีภาวะ PCOS (กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายใบ) ที่ทำให้ต่อมน้ำมันทำงานหนักเกินเบอร์ จนรูขุมขนอุดตันง่าย สิวก็บุกไม่หยุด
- ความเครียด
ความเครียดไม่เพียงแค่บั่นทอนจิตใจของเราเท่านั้น แต่ยังไปกระตุ้นฮอร์โมน cortisol ให้สูงขึ้น ซึ่งเจ้าฮอร์โมนตัวนี้เป็นตัวการที่ทำให้ผิวผลิตน้ำมันมากเกิน ส่งผลให้เกิดการอุดตันและอักเสบในที่สุด
- ไลฟ์สไตล์เสี่ยงสิวแบบไม่รู้ตัว
นอนดึก ติดหวาน ติดนม ติดจอมือถือแนบหน้าก่อนนอน หรือแม้แต่ปลอกหมอนที่ใช้ไปนานๆ แบบไม่ซักหรือไม่เปลี่ยนเลย ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสิ่งที่รวมพลังกันทำให้สิวขึ้นวนๆ แบบไม่รู้จบ
- สกินแคร์ที่ไม่แมทช์กับผิวเรา
บางคนใช้อะไรผิวก็ยังเหมือนเดิม ไม่ดีขึ้น มีแต่จะแย่ลง อาจเพราะกำลังใช้ผลิตภัณฑ์ที่รบกวนบาลานซ์ผิว หรืออุดตันแบบไม่รู้ตัว เช่น ครีมบำรุงที่มีซิลิโคน หรือกันแดดเนื้อหนักจนผิวหายใจไม่ออก
- ล้างหน้าผิดวิธี หรือล้างบ่อยเกินไป
การล้างหน้าบ่อยเกินไปหรือใช้คลีนเซอร์แรงๆ เพื่อให้รู้สึกสะอาด จริงๆ แล้วอาจไปทำลายเกราะป้องกันผิว ทำให้ผิวระคายเคืองง่าย และยิ่งผลิตน้ำมันมาทดแทน ส่งผลให้เป็นสิวเรื้อรังได้
วิธีการรักษาสิวเรื้อรังด้วยยา
พอรู้ว่าสิวเรื้อรังไม่ได้เกิดจากแค่ปัจจัยภายนอกอย่างเดียว การรักษาสิวเรื้อรังที่ตรงจุดเลยต้องเริ่มจากภายในด้วย ซึ่ง “ยารักษาสิวเรื้อรัง” ถือเป็นตัวช่วยหลักที่หมอแนะนำ เพราะมันเข้าไปแก้ปัญหาลึกถึงราก ไม่ใช่แค่ปลายเหตุ แต่ก็ต้องเข้าใจด้วยว่ายาแต่ละตัวทำงานต่างกันและเหมาะกับสิวแต่ละแบบ เพราะฉะนั้น ลองมาทำความรู้จักกับตัวยาหลักๆ ที่ใช้รักษาสิวเรื้อรังกันก่อนดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง และควรใช้อย่างไรให้ไม่เสี่ยงผิวพัง
ยาที่ใช้รักษาสิวเรื้อรังมีอะไรบ้าง?
- ยาทาแบบเฉพาะจุด (Topical treatments)
ยารักษาสิวเรื้อรังกลุ่มนี้คือ First-line สำหรับคนที่ยังไม่ถึงขั้นสิวอักเสบรุนแรง เช่น
- Benzoyl Peroxide (BPO) ฆ่าเชื้อ P. acnes โดยไม่ทำให้ดื้อยา
- Retinoids อย่าง adapalene หรือ tretinoin ช่วยเร่งผลัดเซลล์ผิวและลดการอุดตัน
- Antibiotic creams เช่น clindamycin ช่วยลดการอักเสบในสิวหัวแดงๆ แต่ไม่ควรใช้เดี่ยวๆ นานเกินไป เพราะเสี่ยงดื้อยา
- ยากิน (Oral medications)
ถ้าสิวเรื้อรังแรงเกินคุมด้วยยาทา บางเคสต้องใช้ยากินร่วมด้วย เช่น
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) เช่น doxycycline หรือ minocycline เพื่อลดการอักเสบ (มักใช้ระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน)
- ยาคุมกำเนิด (สำหรับผู้หญิงที่มีสิวฮอร์โมน) ช่วยปรับระดับฮอร์โมนให้นิ่งขึ้น
- Isotretinoin ยารักษาสิวเรื้อรังที่ช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันได้แบบจบทุกดราม่า แต่ก็ต้องอยู่ในการดูแลของแพทย์เท่านั้น
การใช้ยาอย่างปลอดภัย
ใช้ยารักษาสิวเรื้อรังให้ถูกต้องมาพร้อมความเข้าใจ ไม่ใช่แค่ใช้เพราะคนอื่นบอกว่าดี เพราะยารักษาสิวบางตัวไม่ได้ถูกกับผิวทุกคน และบางตัวก็แรงจนต้องควบคุมการใช้แบบจริงจัง
- เริ่มจากเบาไปหนัก
ถ้ายังไม่เคยใช้ยาอะไรเลย อย่าเพิ่งกระโดดไปหา isotretinoin หรือใช้เรตินอลแรงๆ ควรเริ่มจากตัวยาที่มีฤทธิ์อ่อนๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มระดับตามความเหมาะสม
- ไม่ใช้ยาทา + ยากินมั่วๆ พร้อมกัน
เพราะตัวยาบางชนิดอาจมีฤทธิ์ซ้ำซ้อนหรือทำให้ผิวบาง แพ้ง่าย จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกรที่รู้จริง
- อย่าคิดว่าหายแล้วหยุดยาเลยทันที
เมื่อใช้ยารักษาสิวเรื้อรังไปสักระยะ สิวอาจดูเหมือนหายไปแล้ว แต่ถ้ายังไม่จบคอร์สหรือไม่ได้ลดยาอย่างถูกต้อง ก็อาจวนลูปกลับมาได้ง่ายมาก
- ต้องทนกับสิวเห่อระยะแรกได้บ้าง
กลุ่มยาผลัดเซลล์อย่างเรตินอยด์ หรือ BPO บางคนจะมีช่วงเห่อก่อนดีขึ้น ซึ่งเป็นปกติ ไม่ต้องตกใจ แต่อย่าหยุดกลางทาง
การรักษาสิวเรื้อรังด้วยหัตถการทางการแพทย์
สำหรับบางคน การใช้ยาก็อาจยังไม่พอจะจัดการกับสิวเรื้อรังที่ฝังลึกฝังแน่น หรือสิวอักเสบที่มาแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ หัตถการรักษาสิวก็เลยกลายเป็นอีกตัวช่วยที่หลายคนเลือก เพราะเป็นวิธีรักษาที่เร็ว ตรงจุด และได้ผลชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อทำร่วมกับการใช้ยาที่เหมาะกับผิว
การทำหัตถการไม่ได้มีแค่เลเซอร์ลดรอยสิวอย่างเดียวแบบที่หลายคนเข้าใจ มันมีหลายแบบมาก และแต่ละแบบก็มีจุดเด่นต่างกันไป มาดูกันว่าในสายตาของหมอผิวหนังมีตัวเลือกอะไรให้คนที่อยากเคลียร์สิวเรื้อรังแบบจริงจังบ้าง
หัตถการที่ช่วยรักษาสิวเรื้อรังได้
- กดสิว (Acne Extraction)
การกดสิวฟังดูเบสิค แต่ถ้าทำถูกวิธีกับผู้เชี่ยวชาญก็สามารถรักษาสิวเรื้อรังให้หายได้เลย เพราะช่วยเอาหัวสิวออกก่อนจะกลายร่างเป็นสิวอักเสบใหญ่ๆ แต่ต้องกดโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น เพราะถ้าหากกดเองอาจจะยิ่งทำให้สิวลุกลามมากขึ้นกว่าเดิมได้
- ฉีดสิว (Steroid Injection)
การฉีดสิวเหมาะกับสิวอักเสบเม็ดเป้งที่บวมแดงจนเจ็บแบบไม่ไหวจะเคลียร์ การฉีดยาจะช่วยลดอักเสบให้สิวยุบเร็วใน 1-3 วัน เหมาะกับคนที่มีงานเร่งด่วน เช่น ก่อนออกงาน ถ่ายรูป หรือมีเดต
- เลเซอร์ลดการอักเสบ / ฆ่าเชื้อ (เช่น IPL, V-Beam)
การเลเซอร์รักษาสิวเรื้อรัง ช่วยลดรอยแดง รอยดำ และลดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของสิว บางชนิดยังช่วยลดการผลิตน้ำมันใต้ผิว ทำให้สิวขึ้นน้อยลงในระยะยาวอีกด้วย
- การผลัดเซลล์ผิวด้วยกรด (Chemical Peel)
การผลัดเซลล์ผิวด้วยกรด เป็นการใช้กรดอย่างอ่อน เช่น Salicylic Acid หรือ Glycolic Acid เพื่อผลัดผิวชั้นบน ลดการอุดตัน และกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ ช่วยให้หน้าคลีนขึ้นและสิวไม่วนกลับมาเร็ว
- ทรีตเมนต์ฆ่าเชื้อด้วยแสง (LED Light Therapy)
ทรีตเมนต์ฆ่าเชื้อด้วยแสง โดยเฉพาะแสงสีฟ้า (Blue Light) ที่ช่วยฆ่าแบคทีเรียบนผิว ลดสิวอักเสบ เหมาะกับคนผิวแพ้ง่ายหรือกำลังอยู่ในช่วงพักผิวจากยา
ข้อควรรู้ในการดูแลตัวเองระหว่างรักษาสิวเรื้อรัง
การรักษาสิวเรื้อรังให้ได้ผล ต้องควบคู่ไปการดูแลตัวเองหลังรักษาด้วย ไม่งั้นผิวก็วนลูปกลับมาพังได้เหมือนเดิม มาดูกันว่าต้องโฟกัสเรื่องไหนบ้าง
- อย่าแกะ อย่ากดเองเด็ดขาด
มือเราไม่ได้สะอาดอย่างที่คิด แถมแรงกดก็ไม่ได้พอดี ถ้าเผลอไปบีบเอง สิวอักเสบอาจลุกลามหนักกว่าเดิม แถมเสี่ยงทิ้งรอยดำ-รอยหลุมยาวไปอีก
- พักเมคอัพบ้าง ถ้าไม่จำเป็น
ช่วงที่สิวยังอักเสบ ให้ผิวได้พักจากรองพื้นหนักๆ หรือเมคอัพที่อุดตันง่าย พอสิวเริ่มดีขึ้นค่อยกลับมาแต่งก็ยังทัน
- เลือกสกินแคร์ที่อ่อนโยน
เน้นกลุ่มไม่มีน้ำหอม ไม่มีแอลกอฮอล์ เนื้อบางเบา และไม่ทำให้ผิวมันขึ้นกว่าเดิม เพราะผิวที่กำลังรักษาสิวมักจะอ่อนแอ ต้องการความอ่อนโยนแต่ยังควบคุมความมันและแบคทีเรียได้
- อย่าลืมกันแดด (ถึงจะไม่ได้ออกแดด)
ยารักษาสิวเรื้อรังหลายตัวทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้น ถ้าไม่ทากันแดดผิวจะโดนแดดทำร้ายจนเกิดรอยดำฝังแน่นยิ่งกว่าสิวเดิมที่เคยเป็น
- งดกินของมัน ของหวาน และนมวัวช่วงนี้
ของพวกนี้กระตุ้นฮอร์โมนและน้ำมันใต้ผิวให้ทำงานหนักขึ้น อาจไม่ต้องงดตลอดชีวิต แต่ควรลดช่วงที่กำลังรักษา เพื่อช่วยให้สิวไม่ปะทุเพิ่ม
- นอนให้พอ
การนอนหลับสนิทและเข้านอนเป็นเวลาช่วยให้ฮอร์โมนสมดุล ลดการอักเสบในร่างกาย และทำให้ผิวมีเวลาฟื้นฟูตัวเอง
ข้อสรุป
สิวเรื้อรังอาจดูเหมือนเป็นปัญหาที่ไม่มีวันจบสิ้น แต่จริง ๆ แล้วถ้าเราใจถึงสาเหตุสิวเรื้อรัง การเลือกใช้ยา การทำหัตถการ และการดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่องก็สามารถทำให้สิวเรื้อรังหายไปได้ ไม่ใช่แค่ล้างหน้าเฉยๆ แล้วหวังว่าสิวจะหายไปเอง การรักษาที่ได้ผลคือการรักษาแบบองค์รวม รู้จักผิวตัวเอง ใส่ใจสิ่งเล็กๆ และเลือกแนวทางที่เหมาะกับสภาพผิวและไลฟ์สไตล์ของเรา เพียงเท่านี้ก็จัดการกับสิวเรื้อรังได้ไม่ยาก