อาการแพ้ฟิลเลอร์เป็นอย่างไร อันตรายไหม มีวิธีแก้ไขได้อย่างไร
ฟิลเลอร์เป็นการทำหัตการที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญของแพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง รวมไปถึงการเลือกชนิดของฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองจาก อย. ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ที่ได้รับการรับรองนั้น จะเป็นสารที่มีอยู่ในธรรมชาติบนใบหน้าของเราอยู่แล้ว แต่เกิดการเสื่อมถอยตามอายุ เราจะเติมให้เข้าไปเพื่อให้สารนั้นที่เสื่อมไปกลับมามีมากขึ้น อาการแพ้ฟิลเลอร์อาจจะเกิดได้ซึ่งจริง ๆ แล้วนั้นโอกาสเกิดนั้นน้อยมาก แต่อาจจะมีถ้าเราเลือกใช้ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน แพทย์ผู้ฉีดไม่ใช่แพทย์ผิวหนังเฉพาะทาง
ฟิลเลอร์ คืออะไร
ฟิลเลอร์ ก็คือ สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิค แอซิด Hyaluronic Acid หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า HA โดยปกติแล้วโครงสร้างของผิวเราจะมีคอลลาเจน และไฮยาลูรอนตามธรรมชาติ เมื่ออายุมากขึ้นสิ่งเหล่านี้จะมีการเสื่อมสภาพและเติมเข้ามาใหม่ได้ช้าลง จึงได้ผลิต HA ซึ่งเป็นสารที่เลียนแบบธรรมชาติขึ้น เพื่อจะใช้ทดแทนสารธรรมชาติที่อยู่ใต้ผิวหนัง
คอลลาเจนนั้นถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญ ที่จะทำให้ผิวนั้นแข็งแรง มีความยืดหยุ่นและเต่งตึง หากว่าคอลลาเจนใต้ผิวลดลง ผิวจะบาง แล้วเกิดริ้วรอย เหี่ยวย่นได้ง่าย
เมื่อเราฉีดฟิลเลอร์ เข้าไปในบริเวณที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอย ใต้ตา ร่องแก้ม ผลที่ได้คือริ้วรอยนั้นจะตื้นขึ้น ผิวจะเรียบเนียน เต่งตึง จึงถือฟิลเลอร์นั้นใช้แก้ไขปัญหาเรื่องริ้วรอยโดยตรง

อาการแพ้ฟิลเลอร์เป็นอย่างไร
ในส่วนนี้อาการอาจเกิดได้จากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่มีปฎิกริยาต่อฟิลเลอร์ ทำให้เกิดการอักเสบได้
การฉีดฟิลเลอร์นั้น ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหลายประเทศ เพราะเป็นการแก้ไขปัญหาริ้วรอยที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติมาก เพราะสารที่เราเลือกและได้รับการรับรองนั้น เป็นสารที่ใกล้เคียงธรรมชาติและเกิดการสลายฟิลเลอร์ไปได้เองในที่สุด ไม่ตกค้างอยู่ใต้ผิวของใบหน้า โอกาสที่จะเกิดอาการแพ้ได้น้อย แต่ก็อาจมีบางกรณีที่เกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์ โดยมีอาการฟิลเลอร์เป็นก้อน บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีดโดยอาจจะเกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายที่จะมีปฏิกิริยาต่อฟิลเลอร์ อาจจะเป็นช่วงที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอจึงเกิดการอักเสบได้
อาการแพ้ฟิลเลอร์ และผลข้างเคียงหลังจากฉีดฟิลเลอร์
สำหรับใครที่ไม่เคยฉีดฟิลเลอร์มาก่อน อาจจะมีความกังวลว่าจะมีอาการแพ้ฟิลเลอร์หรือไม่ เราจะมาให้ข้อสังเกตอาการแพ้ของฟิลเลอร์ ซึ่งเราต้องแยกกับอาการข้างเคียงหลังฉีดที่อาจจะเกิดและหายไปในเวลาไม่นาน
อาการแพ้ฟิลเลอร์
- ถ้าหลังจากการฉีดฟิลเลอร์แล้วพบว่ามีอาการบวมแดงระยะเวลานานกว่า 2 สัปดาห์
- พบอาการคัน เจ็บ พบฟิลเลอร์เป็นก้อนบริเวณผิวหนังที่มีฉีดฟิลเลอร์ไป
- อาจจะพบอาการเป็นผื่นคัน ผื่นแดงหลังจากฉีดฟิลเลอร์ ก็อาจมีการแพ้ฟิลเลอร์ได้
- ถ้ามีอาการเป็นผื่นแดงรุนแรงก็จะถือว่ามีอาการลมพิษแบบรุนแรง (Angioedema) ได้
- ถ้าไปฉีดฟิลเลอร์กับแพทย์ที่ไม่ได้รับการรับรองหรือมีความเชี่ยวชาญหรือบุคคลที่ไมได้เป็นแพทย์จริง ๆ รวมไปถึงคลีนิกที่ไม่ได้มาตรฐาน อาจจะเกิดการติดเชื้อจากการฉีด สังเกตได้จากอาการปวด แดง บวมและมีอาการเป็นหนองร่วมด้วย
- ถ้าพบจุดสีดำเล็ก ๆ บริเวณที่ฉีดอาจจะเกิดอาการหลอดเลือดอุดตัน และส่งผลทำให้ตาบอดได้ เพราะนั่นคือเนื้อตายชั่วคราว
อาการข้างเคียงหลังฉีดฟิลเลอร์
อาการที่มักจะพบได้ตามปกติหลังทำการฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งจะหายไปหลังจากฉีดภายในไม่กี่วัน
- หลังฉีดฟิลเลอร์มีอาการบวม แดง นูน ซึ่งอาการเหล่านี้จะ หายไปเองภายใน 2-3 วัน แต่บางรายอาจจะเป็นรอยช้ำได้นานถึง 2 สัปดาห์
- ถ้าพบอาการเป็นก้อนแข็ง ๆ ในบริเวณที่ฉีดอาจจะนวดเบา ๆ บริเวณที่เป็นก้อน ภายใน 2 สัปดาห์จะดีขึ้นเอง
ทำอย่างไรเมื่อเกิดอาการแพ้ฟิลเลอร์
ในบางรายนั้นเมื่อหลังฉีดฟิลเลอร์พบอาการผื่นนูนแดง รู้สึกคัน ผื่นลมพิษ หรือหนังตาบวม มีฟิลเลอร์เป็นก้อน ต้องรีบแจ้งแพทย์เพื่อทำการรักษาโดยทันที ซึ่งแพทย์จะซักประวัติ และทำการตรวจลักษณะความผิดปกติที่เกิดขึ้น
การรักษานั้นแพทย์อาจจะให้ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อ (ขึ้นอยู่การวินิจฉัยของแพทย์) หรือฉีดสลายฟิลเลอร์ออก รวมไปถึงขูดฟิลเลอร์ออกสำหรับถ้าฟิลเลอร์ที่ใช้นั้นพบว่าเป็นฟิลเลอร์ปลอม การฉีดสลายฟิลเลอร์นั้น จะทำได้เฉพาะสารที่ใช้เป็น Hyaluronic acid หากเป็นสารในกลุ่มฟิลเลอร์กึ่งถาวรหรือถาวรนั้นจะไม่สามารถสลายออกไปได้
ฟิลเลอร์อักเสบเกิดจากสาเหตุอะไร
ฟิลเลอร์อักเสบนั้น จะเกิดจากการติดเชื้อหลังฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบ ฟิลเลอร์เป็นก้อน นูนแดง บวม บางคนอาจจะมีอาการร้อน ตุ่มคัน หรือมีหนองบริเวณที่ฉีด การเกิดอาการอักเสบที่รุนแรงเหล่านี้มักจะเกิดเพราะสารที่นำมาฉีดฟิลเลอร์เป็นของไม่ได้คุณภาพ การเก็บฟิลเลอร์ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานของการรักษาตัวสารนั้น ฟิลเลอร์เป็นของปลอม อาจจะรวมไปถึงแพทย์ที่ฉีดให้ไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอ
ซึ่งถ้าเกิดอาการเหล่านี้ แนะนำให้รีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษา หมอจะทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ให้ถ้าเกิดการอักเสบรุนแรงแต่การสลายฟิลเลอร์นั้นจะทำได้เฉพาะการใช้ฟิลเลอร์แท้เท่านั้น สำหรับฟิลเลอร์ปลอมนั้นอาจจะต้องใช้การขูดฟิลเลอร์หรือถ้าแข็งขูดไม่ออกอาจจะต้องผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและให้คำแนะนำ
ทำอย่างไรเมื่อเกิดฟิลเลอร์อักเสบเกิดขึ้น
เมื่อหลังฉีดฟิลเลอร์แล้วพบว่ามีอาการเป็นก้อน นูน แดง ปวด บวม ร้อน มีตุ่ม หรือมีก้อนหนองตรงบริเวณที่ฉีด อาจจะเป็นอาการของฟิลเลอร์อักเสบ ซึ่งถ้าภายใน 1 – 2 สัปดาห์อาการเหล่านี้ไม่บรรเทาลงหรือหายไป กลับพบว่า มีอาการบวม ปวด แดง ร้อนบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์มากขึ้น ให้รีบไปแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย หากอาการอักเสบนั้นรุนแรงมากแพทย์จะทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ให้
การเตรียมตัวก่อนการฉีดฟิลเลอร์
ข้อแนะนำสำหรับผู้จะเข้าฉีดฟิลเลอร์นั้นควรจะเตรียมตัวด้วยการงดยาแอสไพริน วิตามินอี รวมไปทั้งอาหารเสริมบางชนิด สารสกัดจากใบแปะก๊วย เป็นต้น อาหารหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ สูบบุหรี่ ดูแลร่างกายให้แข็งแรง ไม่มีอาการป่วยใดๆ ซึ่งจะส่งผล กระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เลือดแข็งตัวช้า ในระหว่างฉีดฟิลเลอร์อาจจะเลือดไหลไม่หยุดได้และเสี่ยงต่ออาการช้ำหลังฉีดอีกด้วย
ฟิลเลอร์เหมาะสำหรับใคร
สำหรับคนที่ต้องการผลลัพธ์ของการแก้ปัญหาผิวอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องใช้เวลาพักฟื้น
- สำหรับคนที่กังวลในการผ่าตัด กลัวเจ็บ และต้องพักฟื้นนาน
- สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องริ้วรอยร่องลึกบริเวณต่าง ๆ ของใบหน้า ต้องการแก้ไขปรับแต่งรูปหน้า ให้ดูสมดุลและอ่อนวัยลงตามธรรมชาติ
- สำหรับคนผู้ที่ต้องการให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้น กระชับ ยืดหยุ่นและเต่งตึง เรียบเนียนมากขึ้น
- สำหรับคนที่ต้องการแก้ไขปัญหารูขุมขน และหลุ่มสิวบนใบหน้าให้หายไป
บุคคลที่มีโอกาสแพ้ฟิลเลอร์
สำหรับบางคนแล้ว การฉีดฟิลเลอร์อาจจะไม่เหมาะสม ด้วยมีลักษณะบางอย่างที่อาจจะไม่เข้ากับสารที่ต้องฉีดเข้าไป ควรจะระมัดระวังและปรึกษาแพทย์ก่อนเข้ารับการฉีด
- ผู้ที่มีประวัติการแพ้หรือทดสอบแล้วว่าแพ้ฟิลเลอร์ หรือแพ้สารไฮยาลูรอนิก แอซิด จะไม่แนะนำให้ฉีดฟิลเลอร์โดยเด็ดขาด
- สำหรับสตรีมีครรภ์ ผู้ที่ให้นมบุตร ควรงดการฉีดฟิลเลอร์ไปก่อน
- ผู้ที่เคยมีปัญหาเลือดออกแล้วหยุดยาก มีประวัติแผลฟกช้ำง่าย หรือผู้ที่กำลังรับประทานยา แอสไพริน (ASA), ยาแก้อักเสบปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ (NSAIDS), ยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด (Warfarin), วิตามินอี (Vitamin E), สารสกัดจากใบแปะก๊วย (Gingko biloba) เป็นต้น ที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด ก็ไม่ควรฉีดฟิลเลอร์
- ในกรณีที่เป็นกำลังป่วยเป็นเริม หรืองูสวัดอยู่ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ เพราะอาจทำให้อาการกำเริบมากขึ้น
ฟิลเลอร์ฉีดแล้วอันตรายไหม
การฉีดฟิลเลอร์นั้นจะไม่อันตรายเลย ถ้าเราเลือกที่จะฉีดกับคลีนิกหรือโรงพยาบาลที่ได้มาตรฐาน มีแพทย์ที่เชี่ยวชาญ เฉพาะทางด้านผิวหนัง และมีประสบการณ์มากพอในการฉีด รวมไปถึงการเลือกสารที่จะฉีดเป็นฟิลเลอร์ของแท้ แบบชั่วคราวที่ได้รับการยอมรับ และรับรองจาก อย. รวมไปถึงการดูแลตัวเองทั้งก่อนและหลังฉีด ตามคำแนะนำของแพทย์เป็นอย่างดี
เพราะฟิลเลอร์นั้นเป็นสารเลียนแบบธรรมชาติ ที่มีอยู่แล้วใต้ผิวหนังของเรา การเติมเข้าไปนั้นจะเป็นการเติมเต็มให้เกิดความสมดุลขึ้น และฟิลเลอร์แท้นั้น จะสามารถสลายไปเองในระยะเวลา 1-2 ปี ไม่ตกค้างอยู่ใต้ผิวหนัง
การตรวจเช็คฟิลเลอร์ของแท้ หรือปลอม
เพื่อลดความเสี่ยงในการที่จะเจอฟิลเลอร์ของปลอมซึ่งอันตรายมาก ถ้าเราไม่ดูให้ดีแล้วประมาทฉีดเข้าใบหน้า เรามาดูข้อสังเกตว่าฟิลเลอร์ของแท้หรือของปลอมกัน
- ราคาและแหล่งจำหน่าย ถ้าราคาของฟิลเลอร์ถูกเกิดไปและบวกกับมาจากแหล่งจำหน่ายที่ไม่ความน่าเชื่อถือ หิ้วมา มาจากอินเตอร์เน็ต ที่ไม่ได้บอกแหล่งที่มาที่ไปชัดเจนให้สงสัยไว้ก่อนว่าเป็นของปลอม
- มีฉลากภาษาไทยและได้รับการรับรองจากอย. ฟิลเลอร์ที่สามารถใช้งานในประเทศไทยได้อย่างถูกต้องนั้น จะต้องส่งให้อย.พิจารณาและรับรองก่อน ซึ่งจะต้องมีฉลากภาษาไทยที่ชัดเจน ระบุวันผลิต วันหมดอายุ รายละเอียดของสารฟิลเลอร์ที่ข้างกล่องไว้ด้วย
ข้อสรุป
การฉีดฟิลเลอร์เป็นวิธีแก้ไขปัญหาผิวหน้า ริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าที่เกิดขึ้นมาตามวัย ซึ่งฟิลเลอร์จะเติมสารเลียนแบบธรรมชาติเข้าไปและมีการสลายออกจากใบหน้าตามธรรมชาติ โดยทั่วไปแล้วจึงเกิดอันตรายหรืออาการอักเสบน้อยมาก ยิ่งถ้าเราเลือกฟิลเลอร์ของแท้ คลีนิคที่ได้มาตรฐานในการจัดเก็บฟิลเลอร์ให้ถูกวิธี รวมไปถึงแพทย์ผู้ฉีดที่เป็นแพทย์ผิวหนังมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการรักษา ก็ยิ่งมีความปลอดภัยจากการฉีดฟิลเลอร์มากยิ่งขึ้น





