5 วิธีรักษาเซ็บเดิร์ม

5 วิธีลดการอักเสบของผิวหนังในผู้ที่มีโรคเซ็บเดิร์ม ให้ผิวแข็งแรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

หากคุณเคยเผชิญกับอาการคัน ผิวแดง ลอกเป็นขุย หรือมีผื่นมันเยิ้มบริเวณใบหน้า หนังศีรษะ หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย นี่อาจเป็นสัญญาณของ “โรคเซ็บเดิร์ม” ซึ่งเป็นภาวะผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่เกิดจากการตอบสนองผิดปกติของผิวหนังต่อเชื้อราตามธรรมชาติและปัจจัยอื่นๆ อย่างฮอร์โมน ความเครียด และสภาพอากาศ

แม้เซ็บเดิร์มจะไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ก็ทำให้หลายคนกังวลใจเพราะอาการที่กำเริบเป็นระยะและส่งผลต่อความมั่นใจในผิวพรรณ วันนี้เราจะพามาดู 5 วิธีช่วยลดการอักเสบของผิวเมื่อเกิดเซ็บเดิร์ม พร้อมฟื้นฟูให้แข็งแรงขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อให้คุณรับมือกับผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์มได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

โรคเซ็บเดิร์ม คืออะไร

โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) หรือที่รู้จักในชื่อ “โรคผื่นแพ้ต่อมไขมัน” เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่พบได้บ่อย มักเกิดขึ้นในบริเวณที่มีต่อมไขมันหนาแน่น เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า หลัง หน้าอก และบริเวณลำตัว อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่ ผื่นแดง คัน ผิวลอกเป็นขุยสีขาวหรือเหลือง และอาจมีสะเก็ดแข็งบนหนังศีรษะ ใบหู ใบหน้า หน้าอก หรือส่วนอื่นๆ ของร่างกาย

เซ็บเดิร์มเกิดจากอะไร? เป็นอีกคำถามที่หลายคนสงสัยมากที่สุด โดยสาเหตุของโรคเซ็บเดิร์มยังไม่ทราบแน่ชัด แต่เชื่อว่ามีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง เช่น การเจริญเติบโตของเชื้อราชนิด Malassezia ที่อยู่บนผิวหนัง การทำงานผิดปกติของต่อมไขมัน รวมถึงปัจจัยด้านภูมิคุ้มกัน ความเครียด หรือการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน

ผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์มสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกเพศทุกวัย แต่พบได้บ่อยในเด็กทารกแรกเกิดถึง 3 เดือน และผู้ใหญ่ที่มีอายุระหว่าง 30-60 ปี โดยเฉพาะเพศชาย ถึงแม้โรคเซ็บเดิร์มจะไม่เป็นอันตรายร้ายแรง แต่สามารถสร้างความรำคาญและส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของผู้ที่เป็นได้

5 วิธีลดการอักเสบของผิวหนังในผู้ที่มีโรคเซ็บเดิร์ม

อาการผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม ถึงจะไม่อันตรายแต่ก็อาจส่งผลให้รู้สึกไม่สบายตัวในระหว่างวันได้ โดยเฉพาะเมื่ออาการกำเริบขึ้นมาแบบไม่คาดคิด แม้ว่าโรคนี้จะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่สามารถควบคุมและลดอาการอักเสบได้หากดูแลผิวอย่างเหมาะสม เรามาดูกันว่า 5 วิธีที่ช่วยลดการอักเสบของผิวหนังสำหรับผู้ที่เป็นโรคเซ็บเดิร์มมีอะไรบ้าง

 ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน

การเลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดมีผลอย่างมากต่อผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม โดยต้องหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม สีสังเคราะห์ หรือสารระคายเคืองอื่นๆ เพราะอาจทำให้ผิวแห้งและผิวหนังอักเสบมากขึ้น ควรเลือกคลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน ที่ไม่มีสารซัลเฟต (SLS, SLES) ใช้แชมพูขจัดรังแคที่มีสารลดเชื้อรา เช่น Ketoconazole หรือ Zinc Pyrithione (เฉพาะกรณีที่มีอาการบนหนังศีรษะ) และใช้น้ำอุณหภูมิห้องหรืออุ่นเล็กน้อยในการล้างหน้าและสระผม หลีกเลี่ยงการใช้น้ำร้อนเพราะอาจทำให้ผิวแห้งขาดความชุ่มชื้นได้

 ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิวเพื่อลดอาการอักเสบ

แม้ว่าโรคเซ็บเดิร์มมักเกิดในบริเวณที่มีความมันเป็นส่วนมาก แต่การให้ความชุ่มชื้นต่อผิวก็สำคัญ เพราะหากผิวแห้งเกินไป อาจกระตุ้นให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น ส่งผลให้การอักเสบรุนแรงขึ้นได้ ควรเลือกใช้ครีมบำรุงสำหรับเซ็บเดิร์มหรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอมและสารระคายเคือง มีส่วนผสมที่ช่วยลดการอักเสบ เช่น Ceramides, Niacinamide, Centella Asiatica หรือ Aloe Vera โดยทามอยส์เจอไรเซอร์หลังล้างหน้าและหลังอาบน้ำทันทีขณะที่ผิวยังชื้นเล็กน้อย เพื่อช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ได้ตลอดทั้งวัน

 หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้อาการแย่ลง

โรคเซ็บเดิร์มจะกำเริบได้ก็ต่อเมื่อได้รับปัจจัยกระตุ้นบางอย่าง หากสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งเหล่านี้ได้ อาการอักเสบก็อาจลดลงได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งได้แก่

  • อากาศแห้งจัดหรืออากาศเปลี่ยนแปลงฉับพลัน เช่น อยู่ในห้องแอร์เย็นจัดแล้วออกไปเผชิญอากาศร้อนทันที
  • อาหารบางประเภท เช่น อาหารแปรรูป อาหารที่มีน้ำตาลสูง หรืออาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย (บางคนอาจมีอาการแย่ลงเมื่อรับประทานนม หรือกลูเตน)
  • การเกาหน้าหรือหนังศีรษะแรงๆ เพราะจะยิ่งกระตุ้นการอักเสบ

 ใช้ยาและผลิตภัณฑ์เฉพาะทางตามคำแนะนำของแพทย์

หากอาการผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์มรุนแรงหรือกำเริบบ่อยๆ แนะนำให้ใช้ครีมบำรุงสำหรับเซ็บเดิร์มหรือยาเฉพาะทาง จะสามารถช่วยลดการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ผิวหนัง เช่น

  • ครีมหรือแชมพูที่มีสารต้านเชื้อรา เช่น Ketoconazole, Ciclopirox หรือ Zinc Pyrithione
  • ครีมสเตียรอยด์ชนิดอ่อน (Hydrocortisone 1%) ช่วยลดอาการแดงและคัน แต่ไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวบาง
  • ผลิตภัณฑ์ที่มี Pimecrolimus หรือ Tacrolimus สำหรับผู้ที่ต้องการหลีกเลี่ยงการใช้สเตียรอยด์

 ลดความเครียดและปรับไลฟ์สไตล์เพื่อควบคุมอาการ

ความเครียดเป็นหนึ่งในตัวกระตุ้นที่ทำให้อาการเซ็บเดิร์มกำเริบ หากสามารถจัดการความเครียดได้ ก็จะช่วยให้ผิวดีขึ้นได้อย่างเห็นได้ชัด โดยวิธีช่วยลดความเครียดที่สามารถทำได้ง่ายๆ มีดังนี้

  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เช่น โยคะ การเดิน หรือการทำสมาธิ
  • นอนหลับให้เพียงพอ เพราะหากนอนน้อย นอนไม่เป็นเวลา หรือพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอลงได้
  • ใช้เวลาไปกับกิจกรรมที่ผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรืออยู่กับธรรมชาติให้มากขึ้น

 ข้อสรุป

แม้ว่าโรคเซ็บเดิร์มจะเป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องปล่อยให้มันมารบกวนการใช้ชีวิตอยู่บ่อยๆ หากเรารู้วิธีรักษาเซ็บเดิร์มอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้น และใส่ใจสุขภาพให้มากขึ้น อาการอักเสบก็สามารถจัดการได้ สิ่งสำคัญคือการเข้าใจร่างกายของตัวเองและดูแลผิวด้วยความอ่อนโยน เพราะสุดท้ายแล้ว ผิวที่ดีไม่ได้เกิดจากการพยายามกำจัดปัญหาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเข้าใจและดูแลมันอย่างถูกต้องด้วย