BHA ตัวช่วยผลัดเซลล์ผิวเพื่อนคู่ใจของคนเป็นสิว
คุณเป็นคนที่รู้สึกกังวลเรื่องผิวหน้าที่มันเยิ้มและรูขุมขนอุดตันจนทำให้เกิดสิวบ้างหรือเปล่า ถ้าใช่ สกินแคร์ที่มีส่วนประกอบของ Beta Hydroxy Acid หรือที่เรารู้จักกันว่า BHA สามารถช่วยแก้ปัญหาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นสิวอุดตัน หรือสิวอักเสบ เพราะ BHA เป็นสารที่สังเคราะห์ขึ้นมากจากธรรมชาติ ที่มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบของสิว ลดความมันบนใบหน้า แถมยังช่วยกระชับรูขุมขนพร้อมผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนกระจ่างใส ไร้ริ้วรอย รวมถึงรอยดำและรอยแดงต่างๆด้วย
BHA คืออะไร มีหลักการทำงานต่อผิวเป็นอย่างไร
BHA หรือ Beta Hydroxy Acid เป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ช่วยเร่งผลัดเซลล์ผิวชั้นนอกอย่างอ่อนโยน ขจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วโดยไม่ทำให้ผิวแห้งกร้าน ลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้าชุ่มชื้น กระจ่างใส ดูอ่อนกว่าวัย อีกทั้งยังช่วยละลายน้ำมันส่วนเกินและซีบัม (sebum) บนใบหน้าที่จะกลายเป็นไขมันอุดตันตามรูขุมขน ซึ่งเป็นตัวการสำคัญในการเกิดสิว นอกจากนี้ส่วนผสมของสารต้านอนุมูลอิสระยังช่วยซ่อมแซมและป้องกันริ้วรอยแห่งวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น BHA จึงเหมาะที่สุดสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่าย คนที่ผิวแพ้ง่าย และยังใช้ได้สำหรับทุกสภาพผิว
คุณสมบัติของ BHA
มีการศึกษามากมายยืนยันว่า BHA นั้นมีประโยชน์ต่อผิวพรรณมากมายดังต่อไปนี้
- ช่วยปรับสภาพผิวหน้าให้เรียบเนียน ลดเลือนริ้วรอยแห่งวัยและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
- มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านเชื้อจุลินทรีย์ที่ช่วยลดการอักเสบของสิว โดยไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง
- ด้วยคุณสมบัติของ BHA ที่เป็นกรดละลายน้ำมันและสามารถดูดซึมลึกเข้าไปในรูขุมขน จึงสามารถสลายไขมันส่วนเกินและช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วที่อาจจะไปอุดตันรูขุมขนซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
- ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ช่วยกระชับรูขุมขนให้เล็กลง
- ควบคุมการผลิตซีบัม ซึ่งเป็นส่วนประกอบของไขมันที่ต่อมไขมันสังเคราะห์ขึ้นมา จึงช่วยลดความมันบนใบหน้า ทำให้ไม่ต้องกังวลกับผิวมันหรือความมันเยิ้มอีกต่อไป
การผลัดเซลล์ผิวหน้า คืออะไร
การผลัดเซลล์ผิว (Skin Cell Turnover) คือ การที่เซลล์ผิวชั้นนอกที่ตายแล้วหลุดออกไป และมีเซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้นมาแทนที่ โดยทั่วไปกระบวนการผลัดเซลล์ผิวของวัยหนุ่มสาวจะเกิดขึ้นตามธรรมชาติอยู่แล้วทุกๆ 28 วัน แต่เมื่ออายุมากขึ้น การทำงานของเซลล์และกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์จะค่อยๆลดลง เซลล์ผิวเก่าจะเกาะรวมตัวกันและไม่หลุดออกตามเวลาที่ควรจะเป็น ขัดขวางไม่ให้เซลล์ผิวใหม่ขึ้นมาทดแทน ส่งผลให้เกิดปัญหาผิวหมองคล้ำ เซลล์ผิวเก่าไปอุดตันที่รูขุมขนจนเกิดเป็นสิวอุดตัน และปัญหาผิวอื่นๆ ตามมากอีกมากมาย
เมื่อกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติช้าเกินไป เราจึงต้องใช้ตัวช่วยเร่งกระบวนการดังกล่าว ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธี วิธีการหนึ่งคือ การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ BHA นั่นเอง
การผลัดเซลล์ผิวมีข้อดี และข้อเสียอย่างไร
ข้อดีของการผลัดเซลล์ผิว
- มีเซลล์ผิวใหม่ที่กระจ่างใสเกิดขึ้นมาทดแทนเซลล์ผิวเก่า
- เซลล์ผิวเก่าหรือขี้ไคลถูกกำจัดออกไป ทำให้ผิวหน้าสะอาดขึ้น
- ลดความเสี่ยงของการเกิดสิวอุดตัน เนื่องจากเซลล์ผิวเก่าจะไปรวมกับน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้าแล้วไปอุดตันตามรูขุมขน จนเกิดเป็นสิวอุดตันในที่สุด
- เมื่อเซลล์ผิวเก่าหลุดลอกออกไป จะทำให้ผิวสามารถดูดซับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ ได้ดีขึ้น
การผลัดเซลล์ผิวช้ามีข้อเสียอย่างไร
- ทำให้เกิดปัญหาใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส
- เกิดการสะสมของเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้ว ไปอุดตันตามรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญในการเกิดสิว
- ทำให้ผิวหน้าหยาบกร้านจากการสะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวไม่ค่อยได้ผล เนื่องจากไม่สามารถดูดซึมผ่านเซลล์ผิวที่ตายแล้วได้
วิธีการผลัดเซลล์ผิวด้วยตัวเองเพื่อทำความสะอาดรูขุมขน
กระบวนการผลัดเซลล์ผิวจะทำได้ช้าลงเรื่อยๆ ตามอายุที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วไม่หลุดออกไป จึงเกิดการสะสมบนชั้นผิวหน้า ทำให้เกิดปัญหาใบหน้าหมองคล้ำ ไม่สดใส ผิวหน้าดูแห้งกร้าน และเกิดริ้วรอยได้ง่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีโอกาสสูงที่จะไปอุดตันตามรูขุมขน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดสิว ดังนั้นเราจึงจำเป็นต้องช่วยเร่งกระบวนการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่า เผยผิวใหม่ที่เรียบเนียนและกระจ่างใสมากกว่า
- การขัดผิวหรือสครับผิว
การขัดผิวเป็นการปรับสภาพผิวและขจัดเซลล์ผิวเก่าที่สะสมอยู่บนชั้นผิวให้หลุดออกไป พูดง่ายๆ คือการสครับผิวหรือขัดถู ทำความสะอาดผิว โดยใช้มือเปล่าหรืออุปกรณ์ต่างๆ เช่น ใยบวบหรือหินขัดผิว และใช้ตัวช่วยสครับผิวจากธรรมชาติ เช่น เกลือ มะขามเปียก หรือเบคกิ้งโซดา เป็นต้น วิธีนี้จะช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ แต่อาจจะทำให้เกิดการระคายเคืองหรือเกิดบาดแผลได้ง่าย หากขัดถูแรงหรือนานเกินไป รวมถึงอาจจะทำให้ผิวหนังของเราอักเสบได้ด้วย
- การใช้สารผลัดเซลล์ผิว
สารผลัดเซลล์ผิว เป็นตัวช่วยเร่งการผลัดเซลล์ผิวทำให้ผิวชั้นหนังกำพร้าหลุดออกไปได้เร็วขึ้น ซึ่งสารผลัดเซลล์ผิวที่นิยมใช้มีหลายตัว ไม่ว่าจะเป็น AHA(Alpha hydroxyl acid) หรือ BHA (Beta hydroxyl acid) ซึ่งมีคุณสมบัติเร่งผลัดเซลล์ผิว ลดการอักเสบของสิว ลดความมันบนใบหน้า และสลายสิวอุดตันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
BHA 3B CREAM ครีมผลัดเซลล์ผิวของ AYA Clinic ด้วยประสิทธิภาพของ BHA ที่มีความเข้มข้น 3% ช่วยในการลดสิวอุดตัน ช่วยเร่งผลัดเซลล์ผิวได้อย่างอ่อนโยน โดยไม่ทำร้ายผิว ไม่เกิดการระคายเคืองผิว ช่วยลดสิวและริ้วรอย รวมถึงลดรอยแดง รอยดำที่เกิดจากสิว และยังช่วยควบคุมความมันและกระชับรูขุมขน เหมาะสำหรับคนผิวมัน เป็นสิวง่ายหรือผิวแพ้ง่าย
เมื่อผลัดเซลล์ผิวด้วย BHA 3B CREAM แล้ว ควรล็อคความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ ทั้งกลางวันและกลางคืน และปกป้องผิวจากการถูกแสงแดดทำร้ายด้วยครีมกันแดดที่มี SPF 50+++ ขึ้นไป
AHA และ BHA ต่างกันอย่างไร
AHA (Alpha hydroxyl acid) และ BHA (Beta hydroxyl acid) ต่างก็เป็นสารสังเคราะห์จากธรรมชาติที่ช่วยกำจัดเซลล์ผิวเก่าที่ตายแล้วให้หลุดลอกออกไป แต่ AHA มีคุณสมบัติละลายน้ำ ส่วน BHA นั้นละลายในน้ำมัน ทำให้ BHA สามารถแทรกซึมเข้าไปในชั้นผิวและรูขุมขนได้มากกว่า โดยไม่ทำให้ผิวอุดตัน จึงเหมาะสำหรับคนที่มีผิวมันและรูขุมขนกว้าง
ข้อดีของ AHA
- ทำให้ผิวชุ่มชื้นและทำให้ผิวอิ่มน้ำ
- ช่วยปรับสมดุลของผิว รักษาค่าความเป็นกรดด่างของผิวให้อยู่ในสภาวะสมดุล
- ช่วยลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้ากระจ่างใส
- ช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
- ช่วยปรับให้ผิวเรียบเนียน
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
ข้อดีของ BHA
- ช่วยลดจุดด่างดำ รอยดำ และรอยแดงจากสิว
- ช่วยลดสิวอุดตัน ทั้วสิวหัวดำและสิวหัวขาว
- ช่วยแก้ปัญหาขนคุด
- ช่วยลดการอักเสบของสิว และออกฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- ช่วยลดปัญหาผิวหน้าหมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียนกระจ่างใส
- ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ
- ควบคุมการผลิตซีบัมและลดความมันบนใบหน้า
- ช่วยกระชับรูขุมขน
- ช่วยลดเลือนริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่น
- ด้วยคุณสมบัติการละลายในน้ำมันของ BHA ทำให้สามารถแทรกซึมไปตามรูขุมขนเข้าไปสลายไขมันส่วนเกินที่อุดตันอยู่ ลดโอกาสการเกิดสิวอุดตัน
การผลัดเซลล์ผิวสำหรับผิวแต่ละแบบ
การผลัดเซลล์ผิวของผิวแต่ละแบบมีความแตกต่างกัน หากเรารู้จักสภาพผิวของตนเองก็สามารถเลือกใช้วิธีและผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวได้อย่างเหมาะสม และทำให้การผลัดเซลล์ผิวมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ผิวแห้ง
สำหรับคนผิวแห้ง ควรหลีกเลี่ยงการขัดถูผิวหน้า เพราะเสี่ยงต่อผิวลอก ผิวเป็นขุยและทำให้เกิดการระคายเคืองง่าย ให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนผสมของ BHA ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์ที่ช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้น
ผิวธรรมดา
ผิวธรรมดาเป็นผิวที่ไม่ค่อยมีปัญหา สามารถเลือกได้ทั้งวิธีผลัดเซลล์ผิวแบบสครับหรือการขัดถู และการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวแต่ไม่ควรใช้ทั้งสองวิธีพร้อมกัน หรือทำบ่อยเกินไป เพราะอาจจะทำให้ผิวแห้งตึงและเกิดการระคายเคืองได้
ผิวแพ้ง่าย
ผิวแพ้ง่ายเป็นผิวที่บอบบาง ระคายเคืองง่ายอยู่แล้ว จึงควรหลีกเลี่ยงการผลัดเซลล์ผิวแบบขัดหรือถูผิวแรงๆ เพราะจะทำให้กระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้ง่าย แนะนำให้ให้ใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวที่มีส่วนประกอบของ BHA และส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว ทำให้ผิวนุ่มลื่น
ผิวมัน
ผิวมันควรใช้วิธีสครับผิวอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ BHA ซึ่งช่วยลดการอักเสบของสิวที่เกิดจากไขมันส่วนเกินบนใบหน้า ลดผื่นคัน และการระคายเคือง ควบคู่ไปกับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ปราศจากน้ำมัน แต่ยังทำให้ผิวนุ่มชุ่มชื้นอยู่
ควรผลัดเซลล์ผิวบ่อยแค่ไหน
การผลัดเซลล์ผิวด้วยวิธีสครับหรือการขัดถูเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกไปจะทำได้บ่อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน เช่น หากคุณมีผิวธรรมดาควรขัดผิวอย่างสัปดาห์ละไม่เกิน 2-3 ครั้ง เพราะการสร้างเซลล์ผิวใหม่ต้องใช้เวลาเช่นกัน ส่วนผิวแห้ง ผิวบอบบางหรือผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงวิธีสครับ หรือหากต้องการทำจริงๆ ไม่ควรขัดถูผิวหน้าแรงๆ หากมีอาการผิดปกติให้หยุดและปรึกษาแพทย์ทันที
ส่วนการใช้สารหรือผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว เช่น BHA สามารถใช้ได้ทุกวัน หาก BHA ที่ใช้มีความเข้มข้นไม่เกิน 2% ซึ่งเป็นความเข้มข้นต่ำ แต่ในระยะแรกของการใช้อาจจะเกิดการระคายเคืองได้ แนะนำให้เริ่มใช้ BHA สัปดาห์ละ 1-2 ครั้งก่อน และจึงค่อยเพิ่มความถี่เมื่อผิวหน้าปรับสภาพได้แล้ว
ข้อเสียของการผลัดเซลล์ผิวบ่อยเกินไป
แม้ว่าการผลัดเซลล์ผิวจะช่วยลดความหมองคล้ำ แก้ปัญหาสิว ริ้วรอยและจุดด่างดำ แต่หากทำบ่อยเกินไปก็มีผลเสียได้เช่นกัน
- ทำให้ผิวแห้งตึง ลอก ผิวเป็นขุย เพราะสูญเสียความชุ่มชื้น
- ทำให้เกิดการระคายเคืองง่าย อาจเกิดผื่นหรือรอยแดง
- กระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำมันออกมามากขึ้นเพราะผิวแห้งจากการผลัดเซลล์ผิว ส่งผลให้ผิวมันมากขึ้น
- เกิดอาการแพ้ เป็นสิวง่ายหรือเป็นสิวภูมิแพ้ เนื่องจากผิวหนังที่ถูกผลัดบ่อยทำให้ผิวด้านในไม่มีผิวชั้นนอกป้องกัน จึงระคายเคืองและเป็นสิวง่าย
ประโยชน์ของ BHA
- BHA ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่า ลดความหมองคล้ำ ทำให้ผิวหน้าขาวกระจ่างใส
- สามารถแทรกซึมเข้าไปในรูขุมขนโดยไม่ก่อให้เกิดการอุดตัน
- ช่วยลดการอักเสบของสิว ลดผื่นคัน และรอยแดง ปลอบประโลมผิวที่เกิดการระคายเคือง
- ลดเลือนริ้วรอย และรอยดำ รอยแดงจากสิว
- ช่วยกระชับรูขุมขน
- ช่วยลดความมันบนใบหน้า
ผลข้างเคียงและข้อควรระวังก่อนใช้ BHA
BHA มีประโยชน์มากมาย แต่หากใช้ในปริมาณที่มากเกินไป หรือใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจจะทำให้ผิวแห้ง ลอก เป็นขุย เกิดอาการแสบร้อน และระคายเคืองได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคระบบไหลเวียนโลหิต โรคผิวหนังบางชนิด รวมถึงหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ BHA
ควรหลีกเลี่ยงการใช้ BHA ร่วมกับผลิตภัณฑ์หรือยาดังต่อไปนี้
- ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์
- ยารักษาโรคผิวหนังที่มีส่วนประกอบของ เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide), อนุพันธ์วิตามินดี (Calcipotriol) และเรตินอยด์ (Retinoid)
- ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่ทำให้ผิวแห้งหรือมีส่วนผสมของสารเคมีรุนแรง หรือออกฤทธิ์ผลัดเซลล์ผิวเหมือนกัน เพราะกระตุ้นให้เกิดการระคายเคืองได้ง่าย
ข้อสรุป
BHA เป็นอีกหนึ่งทางเลือกของการผลัดเซลล์ผิวที่เหมาะสำหรับคนเป็นสิว ผิวแพ้ง่าย และผิวมัน อย่างไรก็ตามควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ BHA อย่างระมัดระวัง ไม่ควรใช้ความเข้มข้นที่สูงเกินไป และอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ นอกจากนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิว ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีสุดและปลอดภัยมากที่สุด