สลายไขมันส่วนเกิน สลายไขมันเฉพาะส่วน ไม่ต้องพักฟื้น
ปัญหาไขมันส่วนเกินหรือเซลลูไลท์มีสาเหตุมาจากหลากหลายปัจจัย ดังนั้นจึงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน แม้แต่คนที่มีรูปร่างผอมก็มีปัญหาไขมันส่วนเกินอยู่ไม่น้อย ดังนั้นการการสลายไขมันส่วนเกินหรือลดไขมันเฉพาะส่วนจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่เป็นที่นิยมในปัจจุบัน เมโสแฟตช่วยสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะลดไขมันหน้าท้อง สลายไขมันที่ต้นแขน ต้นขา สะโพกหรือส่วนอื่นๆของร่างกาย เมโสแฟตปลอดภัยเพราะเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ หลังทำไม่ต้องพักฟื้น แถมยังเห็นผลลัพธ์ได้ชัดเจนและรวดเร็วอีกด้วย
สาเหตุหลักของการเกิดไขมันและเซลลูไลท์
การที่เราได้รับพลังงานหรือสารอาหารเกินกว่าความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง น้ำตาลและไขมัน จนร่างกายไม่สามารถขับออกหรือดึงไปใช้ได้หมด ร่างกายจะเก็บส่วนเกินเหล่านั้นไว้ใช้เป็นพลังงานสำรอง ในรูปของไขมันที่สะสมไว้ตามส่วนต่างๆของร่างกาย หากไขมันสะสมมีปริมาณเพิ่มมากขึ้นจนเกินกว่าค่าของไขมันที่ควรมีก็จะกลายเป็นไขมันส่วนเกิน
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายปัจจัยที่ทำให้เกิดไขมันส่วนเกิน เช่น พันธุกรรม เพศ อายุ พฤติกรรม การไม่ออกกำลังกาย หรือฮอร์โมน ซึ่งล้วนแล้วส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานภายในร่างกาย รวมถึงระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกายด้วย
ส่วนเซลลูไลท์นั้นเป็นก้อนไขมันขนาดใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหนังมีลักษณะขรุขระ ตะปุ่มตะป่ำคล้ายกับผิวของเปลือกส้ม โดยมากมักพบบริเวณสะโพก ต้นขา ต้นแขนและหน้าท้อง สำหรับของสาเหตุของการเกิดเซลลูไลท์ยังไม่ชัดเจนว่าเกิดจากอะไร แต่เชื่อกันว่ามันเกี่ยวข้องกับพังผืดที่เชื่อมระหว่างผิวหนังกับกล้ามเนื้อใต้ผิวหนัง เมื่อมีเซลล์ไขมันใต้หนังแท้ที่อัดแน่นกันอยู่ดันตัวขึ้นมา ในขณะที่พังผืดยาวและเหนียวถูกรั้งอยู่ด้านล่าง ทำให้ผิวหนังที่เราเห็นอยู่ด้านบนไม่เรียบและมีรอยบุ๋ม
ปัจจัยที่มีผลต่อการเกิดเซลลูไลท์ ได้แก่
- ฮอร์โมน ส่งผลอย่างมากต่อการพัฒนาเซลลูไลท์
- พันธุกรรม เป็นตัวกำหนดโครงสร้างของผิวหนัง ลักษณะผิวและรูปร่างของคนเรา
- น้ำหนักและกล้ามเนื้อก็ส่งผลต่อการมีเซลลูไลท์ ดังนั้นไม่ว่าจะอ้วนหรือผอมก็มีเซลลูไลท์ได้เช่นเดียวกัน
- อาหาร โดยเฉพาะอาหารจำพวกแป้ง, น้ำตาลและไขมัน เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- การสูบบุหรี่ นิโคตินในบุหรี่ทำให้เส้นเลือดตีบ ทำให้เกิดพังผืดและเซลลูไลท์ได้ง่าย
- การไม่ออกกำลังกาย ทำให้ร่างกายสะสมไขมันส่วนเกินมาก เพิ่มโอกาสการเกิดเซลลูไลท์
- การดื่มน้อยน้อย ทำให้ระบบไหลเวียนน้ำเหลืองไม่ดี เซลลูไลท์ก็เกิดได้ง่าย
- ความเครียด ทำให้เกิดการเปลี่ยนของฮอร์โมนที่ไปกระตุ้นการเกิดเซลลูไลท์
การสลายไขมันด้วย เมโสแฟต คืออะไร
เมโสแฟต (Meso Fat) คือ การฉีดวิตามินที่ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติเข้าไปในชั้นผิวหนังเพื่อสลายไขมันส่วนเกิน และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและระบบน้ำเหลือง ทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ฉีดกระชับได้สัดส่วนตามต้องการมากขึ้น โดยไขมันที่สลายตัวจะเปลี่ยนรูปไปเป็นไขมันเหลวและถูกขับออกจากร่างกายไป
การฉีดเมโสแฟตสลายไขมัน เป็นตัวช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินโดยไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร เมโสแฟตสามารถลดไขมันเฉพาะส่วน ไม่ว่าจะเป็นการลดไขมันหน้าท้อง หรือสลายไขมันต้นขาหรือต้นแขนและส่วนอื่นๆของร่างกาย เช่น สะโพก, แก้ม, เหนียงฯลฯ ก็ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลักการทำงานของการฉีดสลายไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน
หลักการฉีดสลายไขมันส่วนเกินเฉพาะส่วน หรือเมโสแฟต เริ่มแรกแพทย์จะฉีดสารที่เรียกว่า Phosphatidylcholine ซึ่งสกัดจากถั่วเหลืองหรือไข่แดง ประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุและสารละลายอื่นๆ เพื่อเข้าไปสลายไขมันส่วนเกิน และยังช่วยให้ผิวกระชับ เรียบเนียน ได้สัดส่วน
เมื่อฉีด Phosphatidylcholine เข้าไปในเนื้อเยื่อของไขมัน โดยใช้เข็มที่มีขนาดเล็กและบางมาก ส่งสารเข้าไปที่เซลล์ไขมัน เยื่อหุ้มเซลล์ไขมันที่ซ้อนกันอยู่สองชั้นจะพองขึ้นและแข็งตัว จนแตกออก จนเริ่มเปลี่ยนเซลล์ไขมันให้กลายเป็นอนุภาคไขมันที่มีขนาดเล็ก (ขนาดนาโนหรือหนึ่งในล้านของหน่วยมิลลิเมตร) และกระบวนการสุดท้ายของการสลายไขมันส่วนเกินจะเกิดขึ้นที่ตับ ซึ่งไขมันจะถูกย่อยสลายกลายเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และน้ำอย่างสมบูรณ์และถูกขับออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะหรืออุจจาระ
นอกจาก Phosphatidylcholine จะช่วยสลายไขมันส่วนเกิน ยังช่วยขัดขวางการสะสมของไขมัน เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตและระบบต่อมน้ำเหลือง ทำให้เนื้อเยื่อแข็งแรงและกระชับได้สัดส่วนมากขึ้นด้วย แพทย์สามารถฉีดเมโสแฟตไปยังบริเวณต่างๆ ที่ต้องการสลายไขมันส่วนเกิน เพื่อให้ไขมันในบริเวณนั้นแตกตัวออกและสลายไปในที่สุด
บริเวณที่นิยมฉีดสลายไขมันเฉพาะส่วนบริเวณไหนบ้าง
บริเวณที่นิยมในการฉีดเมโสแฟตเพื่อลดไขมันเฉพาะส่วน ได้แก่
- สลายไขมันที่พุงหรือหน้าท้อง
- สลายไขมันที่ต้นขา
- สลายไขมันที่ต้นแขน
- สลายไขมันสะโพกและบั้นท้าย
- สลายไขมันที่คาง ลดเหนียง
- สลายไขมันที่แก้มเพื่อให้หน้ากระชับ เรียวเล็กได้สัดส่วน
- สลายไขมันที่น่อง เพื่อให้ขาเรียวเล็ก
การฉีดลดไขมันเฉพาะส่วน vs การดูดไขมัน
การดูดไขมันในจุดที่มีเส้นเลือดหรือเส้นประสาทที่สำคัญเยอะ เช่น ใบหน้าและลำคอ มีความเสี่ยงค่อนข้างมาก จึงแนะนำให้ฉีดเมโสแฟตหรือการฉีดลดไขมันเฉพาะส่วน เพราะปลอดภัยและเก็บรายละเอียดได้ดีกว่า
ส่วนในการสลายไขมันในบริเวณที่มีปริมาณไขมันมากๆ เช่น การสลายไขมันหน้าท้อง สะโพกหรือต้นขา การดูดไขมันอาจจะคุ้มค่ากว่า เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นและเกิดอาการบวมช้ำได้ค่อนข้างเยอะ หรืออาจเกิดผิวขรุขระ รวมไปถึงแผลเป็น แผลคีลอยด์ตรงบริเวณแผลเย็บที่เกิดจากการใส่เครื่องมือดูดไขมัน แต่หากฉีดเมโสแฟตก็ต้องใช้ยาปริมาณมาก ราคาก็จะสูงตามไปด้วย ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจเพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตนเอง
ข้อควรปฏิบัติก่อนการฉีดสลายไขมัน ?
- ปรึกษาแพทย์และแจ้งความประสงค์แก่แพทย์ว่ามีบริเวณไหนบ้างที่ต้องการฉีด
- แจ้งประวัติการแพ้ยาและโรคประจำตัวแก่แพทย์
- งดยาในกลุ่ม aspirin และกลุ่ม NSAIDs หนึ่งสัปดาห์ก่อนทำการรักษา เนื่องจากยากลุ่มดังกล่าวจะเพิ่มความเสี่ยงในการมีเลือดออกและรอยฟกช้ำในระหว่างการรักษาได้
อาการหลังฉีดสลายไขมันที่อาจพบได้ ?
อาการข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้หลังการฉีดเมเสแฟตไม่แตกต่างจากการรักษาหรือการทำหัตถการอื่นๆ อาการข้างเคียงมักเกิดขึ้นไม่นาน และเกิดแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล คนไข้บางคนอาจไม่มีอาการข้างเคียงใดๆเลยก็ได้ ผู้ที่มีประวัติการแพ้อาหารหรือมีโรคภูมิแพ้ อาจะแพ้ตัวยาบางชนิดที่เป็นส่วนประกอบในเมโสแฟต ดังนั้นต้องแจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนทำเพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยง
อาการข้างเคียงที่อาจจะพบได้หลังฉีดเมโสแฟต มีดังต่อไปนี้
- เกิดรอยแดง บวมบริเวณจุดที่ฉีด ส่วนใหญ่จะหายไปได้เองภายใน 2-4 ชั่วโมง
- มีผื่นแดง คัน แสบร้อนบนผิวหนัง
- ท้องเสีย
- อาเจียน
- คลื่นไส้
- มีรอยช้ำ หรือรอยแผลเป็นดำบริเวณที่ฉีดเมโสแฟต
หากมีอาการข้างเคียงที่รุนแรงหรือกินเวลานานกว่าหนึ่งเดือนควรปรึกษาแพทย์ทันที
ข้อควรระวังสำหรับผู้ที่ฉีดสลายไขมัน
สำหรับการฉีดสลายไขมันส่วนเกินหรือโมเสแฟต ผู้รับบริการควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำ เพื่อให้แพทย์ประเมินความเสี่ยงและให้คำแนะนำที่ถูกต้อง
บุคคลที่ห้ามฉีดเมโสแฟต มีดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี
- สตรีมีครรภ์หรืออยู่ระหว่างให้นมบุตร
- ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ
- ผู้ป่วยที่มีประวัติโรคหลอดเลือดสมอง เช่น เส้นเลือดสมองตีบหรือแตก
- ผู้ป่วยที่มีประวัติโรคหัวใจและรับประทานยาอยู่
- ผู้ป่วยโรคติดเชื้อต่างๆ หรือ มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง
ข้อควรปฏิบัติหลังการฉีดสลายไขมัน ?
- งดยาในกลุ่มยาต้านการแข็งตัวของเกล็ดเลือดหรือกลุ่มยาต้านการอักเสบ (NSAIDs) หลังฉีดสลายไขมันเป็นเวลา 7 วัน
- ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละสองลิตร จะช่วยขับไขมันส่วนเกินออกจากร่างกายได้มากขึ้น
- ไม่ควรสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่น เช่น กางเกงยีนส์ หรือเลกกิ้ง เนื่องจากอาจส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต
- ไม่ควรออกกำลังกายหรือใช้กำลังหนักๆ หรือฝืนร่างกายมากจนเกินไป อย่างน้อย 48 ชั่วโมงหลังการรักษา
- รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ งดแอลกฮอล์, คาเฟอีนและอาหารที่มีโปรตีนสูงเพื่อป้องกันการเกิดรอยแดงและบวมช้ำบริเวณที่ทำเมโสแฟต
- สามารถประคบเย็นด้วยเจลเย็นหรือชาคาโมมายล์บริเวณที่ทำเพื่อลดอาการบวมช้ำได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- หลังทำเมโสแฟตสองวัน ควรออกกำลังเป็นประจำ เพื่อให้สร้างกล้ามเนื้อให้กระชับ ลดการหย่อนคล้อยและลดการสะสมใหม่ของไขมัน
- ปรับพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ควบคุมน้ำหนักเพื่อป้องกันไขมันกลับมาสะสมอีก
ควรฉีดสลายไขมันส่วนเกิน กี่ครั้งถึงเห็นผล อยู่ได้ถาวรไหม?
- แพทย์ผู้ทำการรักษาจะประเมินคนไข้แต่ละคนว่าควรฉีดกี่เข็มในแต่ละครั้ง โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 1-3 เข็ม
- หลังฉีดเมโสแฟตจะเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนภายใน 2-4 สัปดาห์ และสามารถฉีดซ้ำได้เพื่อให้ใบหน้ากระชัดได้รูปและสลายไขมันส่วนเกินได้อย่างถาวร
- หลังการฉีดเมโสแฟต ไขมันจะเริ่มสลายตัวและลดลดราวๆ 10-20% ซึ่งจะเห็นผลได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีด แต่ไขมันจะลดลงมากน้อยเพียงใด ผลลัพธ์ที่ได้จะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละบุคคล รวมถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน และการรับประทานอาหาร การควบคุมอาหารและการออกกำลังกายยังคงเป็นสิ่งจำเป็น ทั้งนี้เพื่อช่วยลดไขมันให้เร็วขึ้น ลดการสะสมใหม่ของไขมันส่วนเกิน รวมถึงช่วยสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อกระชับได้สัดส่วนมากขึ้นด้วย
ข้อสรุป
การฉีดเมโสแฟตหรือการสลายไขมันส่วนเกิน เป็นวิธีที่ช่วยลดไขมันเฉพาะส่วนไปพร้อมกับกระชับกล้ามเนื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาไม่นาน บวมช้ำน้อย อีกทั้งยังปลอดภัยสูงและเห็นผลเร็วอีกด้วย แต่ถ้าหากต้องการได้ผลลัพธ์ที่ดีสุดและคงอยู่ยาวนานควรปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและดูแลตัวเองควบคู่ไปด้วยกัน