Posts

HIFU ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

ทำ HIFU มีผลข้างเคียงหลังทำไหม เป็นอันตรายหรือไม่ ?

HIFU เป็นหัตการการยกกระชับหน้า ที่สามารถทำได้ทั้งบริเวณใบหน้าและบริเวณตัว บริเวณต้นแขน ต้นขา หน้าท้องหรือสะโพก เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาริ้วรอยชัด ร่องแก้มลึก ผิวไม่กระชับ มีปัญหาไขมันส่วนเกิน หรือต้องการปรับรูปหน้าให้ชัดขึ้น สำหรับใครที่กำลังมีปัญหาเหล่านี้ และกำลังมองหาวิธีการยกกระชับผิวแบบที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องฉีด ไม่ต้องพักฟื้นสามารถใช้ชีวิตได้ปกติหลังทำเสร็จทันที การทำ HIFU ถือว่าตอบโจทย์มากที่สุด และต่อไปนี้คือคำถามที่พบบ่อยสำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจทำ HIFU

หลังทำ HIFU มีผลข้างเคียงอย่างไร มีอาการรุนแรงไหม ?

ปกติแล้วผลข้างเคียงของการทำ HIFU (ไฮฟู่) นั้นจะมีน้อยมาก ส่วนมากแล้วจะเป็นอาการหน้าบวมและแดง ซึ่งจะมีอาการตึงๆ และปวดเล็กน้อยในบริเวณที่ทำ แม้ว่าจะไม่ต้องผ่าตัดหรือฉีดยา และมีความปลอดภัย แต่ก็อาจเกิดผลข้างเคียงในบางคนได้ แต่โดยปกติจะไม่มีอาการรุนแรง ซึ่งส่วนใหญ่ในการทำ HIFU ผลข้างเคียงจะเกิดจากการใช้เครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการปล่อยพลังงานที่ไม่สม่ำเสมอ หรือแพทย์ที่ไม่ชำนาญการ ทำให้การวางหัวยิงพลังงาน HIFU ไม่แนบสนิทกับผิวหนัง อาจทำให้ให้ผิวหน้าไหม้หลังทำได้ 

ทำ HIFU มีอาการเจ็บไหม

ในระหว่างทำ HIFU จะรู้สึกเจ็บในระดับหนึ่ง โดยจะรู้สึกปวด ๆ ตึง ๆ บริเวณใต้ผิวที่ทำ เนื่องจากมีการยิงคลื่นเสียงความเข้มข้นสูงเพื่อยกกระชับผิว ดังนั้นในระหว่างการทำ HIFU จะรู้สึกเจ็บในระดับที่ทนได้ หรือรู้สึกเสียวฟันขณะทำการรักษา หรือถ้าหากรู้สึกมีความร้อนผิวหน้าขณะทำมากเกินไป ครวรีบแจ้งแพทย์ผู้ทำทันที เพราะหากทำในพลังงานที่สูงเกินไปอาจจะทำให้ผิวหน้าพ่อง หรือไหม้ได้ แต่ถ้าหากกลัวเจ็บ ก็มีหลายวิธีที่สามารถช่วยลดความเจ็บระหว่างทำได้ เช่น การทายาชาหรือการรับประทานยาแก้ปวดก่อนทำ หรือในรายที่เจ็บมากแพทย์อาจพิจารณาฉีดยาชาเฉพาะที่ได้ ถ้าหากพบว่าระหว่างการทำ HIFU ไม่รู้สึกเจ็บ นั่นเป็นเพราะว่าเครื่อง HIFU ที่ใช้อาจไม่ได้มาตรฐาน หรือใช้พลังงานต่ำมากเกินไป ทำให้ผลลัพธ์หลังทำไม่เห็นผลเท่าที่ควร

HIFU

 หลังทำ HIFU มีอาการหน้าบวม เป็นอันตรายไหม

หลังจากทำ HIFU เพื่อยกกระชับหน้าแล้ว จะมีอาการบวมบริเวณใบหน้าหลังทำประมาณ 1-2 สัปดาห์  แต่บริเวณส่วนอื่นๆตามร่างกายอย่างต้นแขน ต้นขา หรือหน้าท้องก็จะมีอาการตึงๆเล็กน้อย ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่ส่งผลอันตราย แต่ถ้าหากมีอาการปวดร่วมด้วย สามารถทานยาแก้ปวดหรือประคบเย็นเพื่อบรรเทาได้ตามปกติ  แต่ถ้ามีอาการบวมที่ไม่เท่ากันอย่างเห็นได้ชัด ควรรีบพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาต่อไป

 หลังทำ HIFU มีผิวหน้าแดง จะมีอาการนานไหม

หลักจากการทำ HIFU (ไฮฟู่) อาจมีรอยแดงหลังทำเล็กน้อยซึ่งเป็นเรื่องปกติ เนื่องจากเป็นการยิงพลังงานผ่านความร้อน จึงอาจทำให้ผิวรู้สึกร้อนและเกิดอาการแดงได้ ซึ่งอาการนี้จะหายไปเองภายใน 1-2 ชั่วโมง แต่หากมีอาการแสบร้อนร่วมด้วย ควรรีบปรึกษาแพทย์และเข้ารับการรักษาเพราะอาจมีอาการผิวไหม้จากความร้อนของพลังงานหรือการถูกแสงแดดโดยตรง นอกจากนี้ ควรทาครีมกันแดดที่มี Spf 30+ ขึ้นไป และหลีกเลี่ยงการออกแดดให้ได้มากที่สุด

 ผลข้างเคียงรุนแรงจากการทำ HIFU 

อาการเบื้องต้นหลังทำ มีอาการหน้าแดง บวม ซึ่งเกิดขึ้นได้ปกติ แต่ความเสี่ยงผลข้างเคียงที่รุนแรง จะมีอาการหน้าชาร่วมด้วย อาการชาอาจจะเกิดได้จากโดนเส้นประสาทบริเวณใบหน้า แต่อาการดังกล่าวก็สามารถหายได้ภายใน 3-7 วัน  ส่วนอาการข้างเคียงที่อันตรายอื่นๆนอกเหนือจากนี้คือ คือ ผิวเบิรน ไหม้ หรือมีตุ่มน้ำขนาดเล็ก ซึ่งมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้น้อยมาก

  การป้องกันผลข้างเคียงหลังจากการทำ HIFU 

สิ่งที่สามารถช่วยลดและป้องกันผลข้างเคียงจากการทำ HIFU เบื้องต้น มีดังต่อไปนี้

  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
  • หากมีอาการปวดหลังทำ สามารถทานยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการได้
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงหรือการยกของหนัก เพื่อป้องกันอาการบวมที่อาจจะเพิ่มมากขึ้น
  • ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30+ ขึ้นไป ถ้าเป็นไปได้ควรหลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดให้ได้มากที่สุด
  • แจ้งแพทย์ทันที หากมีอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ความเจ็บที่เพิ่มขึ้น อาการหน้าชา หรืออาการหน้าบวมที่ไม่ลดลง 

 ข้อปฎิบัติตัวหลังทำ HIFU

การปฏิบัติตัวหลังทำ HIFU ที่ดีจะช่วยให้ผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีข้อปฏิบัติหลังทำ  ดังนี้

  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ เป็นเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะสามารถส่งผลให้กระบวนการกระตุ้นคอลลาเจนทำงานไม่ดีเท่าที่ควร 
  • ไม่ควรสัมผัสหรือถูแรงๆ บริเวณที่พึ่งทำ HIFU ในช่วง 3 วันแรก
  • สามารถทาครีมบำรุงได้ตามปกติ รวมถึงควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง ๆ เพื่อป้องกันริ้วรอย และปัญหาผิวอื่นๆที่อาจตามมา
  • หากมีอาการปวดตึงบริเวณที่ทำสามารถทานยาแก้ปวดได้ ในอาการปวดจะมีช่วง 3 วันแรกหลังทำเป็นอาการปกติ
หลังทำ HIFU

 การทำ HIFU สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้ไหม

สำหรับผู้ที่สนใจการทำหัตถการอื่นๆ เช่น ฉีดฟิลเลอร์หรือฉีดโบท็อกซ์ สามารถทำร่วมกับ HIFU ได้ แต่ควรปรึกษาและอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อที่แพทย์จะสามารถประเมินสภาพผิวและให้คำแนะนำที่เหมาะสมต่อไป

 การทำ HIFU ไม่เหมาะสำหรับใครบ้าง

ถึงแม้การทำ HIFU จะมีความปลอดภัยสูง แต่ก็ยังมีบุคคลบางประเภทที่ควรละเว้นการทำ HIFU เพราะอาจจะมีปัญหาอื่นๆตามมาภายหลัง ซึ่งผู้ที่ไม่เหมาะกับการทำ HIFU มีดังต่อไปนี้

  • ผู้ที่มีอาการผิวอักเสบ มีแผล หรือฝังโลหะจะไม่สามารถยกกระชับผิวในบริเวณที่ต้องการรักษาได้ 
  • สตรีมีครรภ์ เนื่องจากอาจส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ได้
  • ผู้มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบไหลเวียนโลหิต เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ และโรคความดันโลหิตสูง
ยกกระชับใบหน้า

 ข้อสรุป

HIFU เป็นนวัตกรรมการยกกระชับหน้า ที่ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูง ช่วยในเรื่องของปัญหาผิวต่างๆอาทิ ผิวไม่กระชับ มีริ้วรอย ร่องแก้มลึก มีไขมันส่วนเกิน ซึ่ง HIFU จะช่วย ลดแก้ม ลดเหนียง ปรับรูปหน้าให้สมดุลมากขึ้น ให้กรอบหน้าชัดขึ้น ซึ่งหัตถาการดังกล่าวนั้นเป็นที่นิยมมาก เพราะ ไม่ต้องผ่าตัด เจ็บน้อย และผลข้างเคียงน้อยมาก อีกทั้งยังสามารถเห็นผลหลังทำได้ทันที  ดังนั้นผู้ที่กังวลเรื่องทำ HIFU สามารถสบายใจได้ หรือถ้าหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำ HIFU เจ็บไหมสามารถเข้าปรึกษาที่คลินิกได้โดยตรง เพื่อให้แพทย์เป็นผู้ประเมินปัญหาก่อนตัดสินใจทำ HIFU

ยกกระชับใบหน้าด้วย HIFU

ยกกระชับหน้าด้วย HIFU ย้อนวัยแบบไม่ต้องผ่าตัด รวมสิ่งที่ควรรู้ก่อนทำ

สาเหตุของใบหน้าหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร

ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเกิดกับผู้หญิงเท่านั้นกับผู้ชายก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน สำหรับคนที่เริ่มจะมี  ริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย, ร่องแก้มลึก หรือ แก้มหย่อนคล้อย ทั้ง ๆ ที่อายุยังน้อย โดยเริ่มจากศึกษาดูว่าปัญหาเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้อย่างไร นอกจากอายุที่มากขึ้นแล้ว ยังมีสาเหตุอื่นอีกหรือไม่ สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยก็คือ เกิดจากความเสื่อมสภาพของชั้นผิว อาจจะเป็นเพราะว่าผิวขาดคอลลาเจน นอกจากนี้ความเครียดก็มีส่วนทำให้เกิดปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยเช่นกัน สำหรับคนที่เป็นสายปาร์ตี้ชอบดื่มแอลกอฮอล์ ชอบสูบบุหรี่ ถ้าไม่อยากหน้าแก่ก่อนวัยอันควร ต้องหยุดทำสิ่งเหล่านี้ เพราะมันคือตัวกระตุ้นที่จะทำให้เกิดปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย หรือคนที่ไม่ป้องกันตัวเองจากแสงแดดตอนกลางวัน ก็อาจจะต้องพบเจอกับปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยเช่นกัน เพราะฉะนั้นใครที่กำลังพบเจอกับปัญหาใบหน้าหย่อน  กรอบหน้าไม่ชัด ตั้งแต่อายุยังน้อย วันนี้ก็ควรที่จะต้องเริ่มมองหาวิธีดูแลผิวหน้าของได้แล้ว ปัจจุบันนี้มีหลากหลายวิธีที่จะช่วย ยกกระชับหน้า ให้กลับมาเต่งตึงเหมือนเดิม สาเหตุที่ทำให้เกิดใบหน้าหย่อนคล้อยอีกครั้งหนึ่ง คือ 

  • เกิดจากความเสื่อมในการผลิตคอลลาเจนและอิลาสติน ความเสื่อมนี้ไม่ต้องรอให้อายุมากก่อนถึงจะเป็น อยุน้อยก็เป็นได้ ต้องรีบ กระตุ้นคอลลาเจน ถ้าอยากให้ กรอบหน้าชัด อีกครั้ง
  • เกิดจากการที่อายุมากขึ้น ทำให้ใบหน้าเริ่มที่จะมีริ้วรอยและหย่อนคล้อยบ้างตามอายุ
  • เกิดจากความเครียดที่สะสมมาเรื่อยๆ รวมถึงการไม่ดูแลตัวเอง อย่างเช่น การออกไปทำกิจกรรมตอนกลางวัน โดยที่ไม่มีการป้องกันตัวเองจากแสงแดดตัวร้าย
  • เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ที่มากจนเกินไป รวมไปถึงสูบบุหรี่ด้วยเช่นกัน

ปัญหาผิวหน้าในแต่ละช่วงวัย

การเกิด ริ้วรอย หรือปัญหาใบหน้าหย่อยคล้อย ไม่ต้องรอให้อายุมากก่อนถึงจะเป็น อายุน้อยก็สามารถพบเจอกับปัญหาเหล่านี้ได้เหมือนกัน ผู้หญิงและผู้ชายที่รู้สึกว่าการดูแลผิวหน้าเป็นสิ่งสำคัญ ก็ควรศึกษาเรื่องนี้เอาไว้บ้าง เพื่อที่ทุกคนจะได้ดูแลสุขภาพผิวหน้าได้อย่างถูกต้อง จะได้ไม่ต้องเจอกับปัญหากวนใจอย่าง  ผิวหย่อนคล้อย, ร่องแก้มลึก และ แก้มหย่อนคล้อย สำหรับปัญหาผิวหน้าในแต่ละช่วงวัยก็จะมีดังนี้

ช่วงอายุ 20 ปี 

ในช่วงวัยนี้ ปัญหาผิวที่มักจะพบเจอมากที่สุดนั้นก็คือ ปัญหาเรื่องสิวทุกชนิด ไม่ว่าจะสิวผด สิวอักเสบ หรือว่าสิวที่เกิดจากความมัน นอกจากเรื่องสิวแล้วก็ยังมีในเรื่องของรอยแผลที่เกิดจากสิวด้วยเช่นกัน  

ช่วงอายุ 30 ปี

ในช่วงวัยนี้ ปัญหาในเรื่องของผิวที่มักจะพบเจอมากที่สุดคือ ปัญหาในเรื่องของใบหน้าที่มีความหมองคล้ำ รวมไปถึงการเกิดริ้วรอย

ช่วงอายุ 40 ปี

ในช่วงวัยนี้ ปัญหาในเรื่องของผิวที่มักจะพบเจมากที่สุดคือ ปัญหาเรื่องใบหน้าหย่อนคล้อย

ช่วงอายุ 50 ปี

ในช่วงวัยนี้ ปัญหาในเรื่องของผิวที่มักจะพบเจมากที่สุดคือ ปัญหาในเรื่องของความเสื่อมสภาพของชั้นผิว ทำให้ผิวมีความหย่อนคล้อย เกิดร่องลึกตามบริเวณต่างๆ  

ปัญหาหน้าหย่อนคล้อยแก้ยังไงดี 3 วิธีที่ได้รับความนิยม

สำหรับคนที่กำลังมองหาวิธีแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย เรามี ร่องแก้มลึก วิธีที่สามารถแก้ปัญหาได้อย่างชัดเจน ช่วย ยกกระชับหน้า ให้กับมาเต่งตึงได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ทั้ง 3 วิธีนี้ ต้องบอกก่อนว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ปลอดภัยและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของผิวหน้าได้อย่างชัดเจนตอบโจทย์ให้กับคนที่กำลังพบเจอกับปัญหา ริ้วรอย  ผิวหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย และ  กรอบหน้าไม่ชัด อีกทั้งวิธีการเหล่านี้ ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด สวยได้แบบทันตาเห็น เชื่อว่าหลายคนในที่นี่จะต้องอยากรู้แล้วว่าทั้ง 3 วิธีนี้จะมีวิธีใดบ้าง เพื่อไม่ให้เสียเวลาเรามาดูกัน 

HIFU 

ยกกระชับผิว ด้วย HIFU (ไฮฟู่) ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ฮิตมากและช่วยแก้ปัญหาได้จริง การทำ HIFU (ไฮฟู่) เป็นเครื่องยกกระชับที่สามารถยกกระชับได้ทั้งใบหน้าและร่างกาย เช่น ต้นขา ต้นแขน หน้าท้อง เป็นต้น หลักการทำงานของเครื่องนี้ก็คือ ใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์ โดยยิงไปที่ใต้ชั้นผิวแต่ละชั้น เพื่อให้ชั้นผิวนั้นเกิดการหดตัว การทำแบบนี้ส่งผลให้ผิวกลับมากระชับและดูอ่อนเยาว์ในที่สุด สำหรับใครที่มีเหนียงเยอะและต้องการที่จะ กระตุ้นคอลลาเจน การทำ  HIFU (ไฮฟู่) ช่วยได้จริง ถ้าถามว่าวิธีนี้เหมาะกับใคร เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิวหย่อยคล้อย ไม่มีความกระชับ คนที่มีริ้วรอย ร่องแก้มลึก คนที่ขี้กลัว กลัวทั้งเข็มและการผ่าตัด ถ้าอยากจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ วิธีนี้ตอบโจทย์ อีกทั้งยังปลอดภัยมากที่สุด 

Botox

สำหรับวิธีนี้ก็จะช่วยปรับรูปหน้าให้ดูดีขึ้น จะเป็นอีกวิธีหนึ่งที่นอกจากปรับรูปหน้าอย่างเช่นการ ลดแก้ม ลดเหนียง ก็ยังจะช่วยให้เรื่องของการทำให้ กรอบหน้าชัด ชัดขึ้น การฉีดโบท็อกจะช่วยในเรื่องของการลดริ้วรอย ช่วยทำให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนอ่อนเยาว์เหมือนเดิม สำหรับหลักในการทำงานก็คือ แพทย์จะฉีดสารโบทูลินั่ม ท็อกซิน ชนิด เอ เข้าไปในบริเวณที่อยากจะยกกระชับ หรือบริเวณผิวหน้าที่หย่อนคล้อย เมื่อสารตัวนี้ออกฤทธิ์ส่งผลให้ใบหน้ากระชับขึ้น รวมไปถึงกรอบตัวชัดขึ้นอีกด้วย ข้อดีคือ เห็นผลทันที อยู่ได้นานถึง 6-8 เดือน เหมาะกับคนที่มีปัญหาผิว เช่น ผิวหย่อนคล้อย มีริ้วร้อย และกรอบหน้าไม่ชัด 

Filler

สำหรับวิธีนี้ คนที่อยู่ในวงการเสริมความงามจะรู้จักเป็นอย่างดี การฉีดฟิลเลอร์จะเป็นการเติมร่องริ้วรอยที่ยุบไปให้ดูเต็มขึ้น ซึ่งฟิลเลอร์นี้สามารถฉีดได้หลายบริเวณ ตัวอย่างเช่น คนที่มีปัญหาร่องลึกไม่ว่าจะร่องแก้ม ร่องใต้ตา เป็นต้น หรือคนที่อยากจะเติมปาก เติมคาง ก็สามารถใช้วิธีนี้ได้ ส่วนคนที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าหย่อนคล้อย ปัญหาริ้วรอย การฉีดฟิลเลอร์ก็ช่วยได้เช่นกัน 

การทำ  HIFU (High Intensity Focus Ultrasound) คืออะไร 

HIFU (ไฮฟู่) คือ เครื่อง ยกกระชับหน้า ที่สามารถแก้ปัญหาผิวหน้าได้ทุกสภาพ สำหรับคนที่กำลังเจอกับปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย หรือสภาพผิวหน้าที่มี ริ้วรอย มากจนเกินไป จนทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติ ดูแก่ดูมีอายุ การทำ  HIFU (ไฮฟู่) ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาในเรื่องของ ผิวหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย และ กรอบหน้าไม่ชัด นอกจากนี้คนที่ตกอยู่ในสภาวะผิวขาดคอลลาเจน การทำ HIFU (ไฮฟู่) สามารถช่วย กระตุ้นคอลลาเจน ได้ดี อยากให้ทุกคนที่มีปัญหาได้ลอง แต่อย่าลืมที่จะศึกษาก่อน การทำ  HIFU (ไฮฟู่) ไม่เจ็บเลย เหมาะกับคนที่ไม่ชอบเข็มและไม่ชอบการผ่าตัด ถึงแม้ว่าจะมีราคาที่ค่อนข้างสูง แต่ถ้าทำให้ผิวกลับมายกกระชับได้ก็ถือว่าคุ้ม สำหรับคนที่มีปัญหาและอยาก ยกกระชับผิว การทำ  HIFU (ไฮฟู่) ก็ถือว่าน่าลองเลยทีเดียว 

การทำ HIFU สามารถทำบริเวณไหนได้บ้าง

เป็นคำถามที่มีหลายคนถามกันเข้ามาเยอะมาก เท่าที่ทุกคนได้ทราบการทำ HIFU (ไฮฟู่) เหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่อง  ผิวหย่อนคล้อย, ร่องแก้มลึก, ริ้วรอย และคนที่มี กรอบหน้าไม่ชัด ดังนั้นเราก็จะมาดูกันว่าการทำ HIFU (ไฮฟู่) สามารถที่จะทำบริเวณใดได้บ้าง แต่จริงๆแล้วการทำ HIFU (ไฮฟู่) สามารถทำได้ทุกบริเวณที่ต้องการ

  • บริเวณใบหน้า สำหรับคนที่มีปัญหาผิวบนใบหน้า เช่น ผิวหย่อนคล้อย, ร่องแก้มลึก หรือบริเวณช่วงแก้มมีความหย่อนคล้อย ถ้าต้องการให้ปัญหาเหล่านี้หมดไป การทำ HIFU (ไฮฟู่) สามารถขจัดปัญหาเหล่านี้ให้หมดไปได้ การทำ HIFU (ไฮฟู่) จะช่วยเข้าไป กระตุ้นคอลลาเจน ช่วย ยกกระชับหน้า ทำให้คุณกลับมามีใบหน้าที่อ่อนเยาว์และดูเด็กลงได้อีกครั้ง  
  • บริเวณลำคอ สำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาเรื่องใบหน้า แต่มีปัญหาเรื่องไขมันช่วงบริเวณลำคอ ถ้าจะให้พูดง่าย ๆ ก็คือ มีเหนียงเยอะ ถ้าต้องการอยากจะกำจัดไขมันตรงช่วงนี้ การทำ  HIFU (ไฮฟู่) ก็สามารถที่จะกำจัดไขมันส่วนเกินตรงช่วงบริเวณลำคอออกไปได้เช่นกัน  
  • บริเวณดวงตา สำหรับคนที่มีริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา ไม่ว่าจะรอยตีนกา หรือว่าร่องใต้ตาลึก การทำ  HIFU (ไฮฟู่) ในบริเวณรอบดวงตาก็สามารถทำได้ เนื่องจากการมีริ้วร้อยบริเวณนี้ ก็เป็นหนึ่งในปัญหาเรื่องผิวที่ต้องจัดการ การรักษาด้วย  HIFU (ไฮฟู่) จะทำให้ริ้วร้อยหายไป  
  • บริเวณหน้าท้อง สำหรับคนที่มีริ้วรอย หรือไขมันส่วนเกินตามบริเวณร่างกายที่ไม่ใช่บนใบหน้า เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือสะโพก ถ้าต้องการอยากจะให้ริ้วรอย หรือไขมันส่วนเกินหายไป การทำ  HIFU (ไฮฟู่) ก็สามารถรักษาได้เหมือนกัน มีหลายคนที่ไม่ทราบว่าการทำ  HIFU (ไฮฟู่) ก็ยกกระชับผิวตามร่างกายได้เช่นกัน 

การทำ HIFU เหมาะกับใคร

การทำ HIFU (ไฮฟู่) จะเหมาะกับคนที่มีปัญหาเรื่องผิว คนที่อยากจะ ยกกระชับหน้า หรือคนที่อยากจะแก้ปัญหาในเรื่องของ ริ้วรอย ที่ทำให้ดูแก่ก่อนวัย สำหรับคนที่มีเหนียงเยอะและแก้มเยอะคนเกินไป การทำ HIFU (ไฮฟู่) ก็จะช่วย ลดแก้ม ลดเหนียง ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่ยังสงสัยว่าการทำ HIFU (ไฮฟู่) เหมาะกับคนที่กำลังมีปัญหาในเรื่องใด เราจะอธิบายให้เห็นกันอย่างชัดๆกันอีกหนึ่งรอบ การทำ HIFU (ไฮฟู่) เหมาะกับคนที่มี  ผิวหย่อนคล้อย และต้องการจะ ยกกระชับผิว การทำ HIFU (ไฮฟู่) จะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้

  • การทำ HIFU (ไฮฟู่) ไม่ได้เหมาะกับคนที่มีสภาพผิวที่หย่อนคล้อยเพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น แต่เหมาะกับสำคนที่มี แก้มหย่อนคล้อย หรือไขมันบริเวณแก้มเยอะก็สามารถที่จะทำ HIFU (ไฮฟู่) ได้เหมือนกัน 
  • การทำ HIFU (ไฮฟู่) จะช่วยทำให้ตรงบริเวณ ร่องแก้มลึก กลับมากระชับได้อีกครั้ง ช่วยเติมและลดไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี
  • การทำ HIFU (ไฮฟู่) ยังเหมาะกับคนที่มีรูขุมขนกว้างอีกด้วย สำหรับใครที่มีรูขุมขนเยอะ รักษาด้วยการทำ HIFU (ไฮฟู่) จะทำให้รูขุมขนที่มีหายไปในทันที  

ทำไมเมื่ออายุเริ่มมากขึ้นผิวหน้าเริ่มมีความหย่อนคล้อย

ผิวหย่อนคล้อย หรือพวก  ริ้วรอย ต่าง ๆ ทุกคนทราบกันหรือไม่ สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดปัญหาเรื่องผิวหย่อนคล้อยมาจากสาเหตุใด สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก, แก้มหย่อนคล้อย และ  กรอบหน้าไม่ชัด เป็นเพราะอายุที่เพิ่มขึ้น บวกกับความเครียดที่สะสมมาเป็นเวลานาน ทำให้เกิดริ้วรอยและผิวที่ไม่กระขับ แต่เรื่องอายุนี่สำคัญผู้หญิงและผู้ชายที่อายุเข้าเลขสาม สิ่งที่จะต้องเจอนั้นก็คือ ปัญหาผิวหย่อนคล้อยต่อให้ไม่ยากเจอมากแค่ไหน ก็ไม่อาจหนี้พ้นปัญหานี้ไปได้ เมื่ออายุเข้าเลขสามความหย่อนคล้อยที่เกิดขึ้นบนใบหน้า เกิดจากความเปลี่ยนแปลงของชั้นผิวหนัง ขั้นไขมัน กระดูก และชั้นพังผืดใต้ชั้นไขมัน หรือที่ทางแพทย์ศัลยกรรมเรียกผิวชั้นนี้ว่า Smas เป็นชั้นผิวสำหรับการผ่านตัดดึงหน้า แต่สำหรับคนที่กลัวการผ่าตัด ไม่ชอบวิธีการผ่าตัดดึงหน้าที่สุด ปัจจุบันนี้ทางทีมแพทย์เสริมความงามมีเทคโนโลยีที่ดีกว่าที่จะเข้ามาช่วย โดยที่ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เทคโนโลยีเหล่านี้จะเข้ามาช่วย  กรอบหน้าชัด ให้กลับมาเต่งตึงไร้ริ้วรอยเหมือนเดิม แต่สิ่งที่จะต้องระวังและศึกษาก่อนนั้นก็คือ คนที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าไม่กระชับ มีความหย่อนคล้อยและมีริ้วรอย ถึงแม้ว่าจะมีตัวช่วยหลากหลายวิธีที่ไม่ใช่การผ่าตัด แต่การที่จะเลือกใช้วิธีใดนั้นก็ต้องดูสภาพผิว หรือปัญหาผิวของคุณด้วย หลังจากนี้เราจะมาดูว่าปัญหาผิวในแต่ละชั้น แก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีใดถึงจะเหมาะสมที่สุด 

ผิวในชั้นหนังแท้ 

สำหรับชั้นผิวนี้องค์ประกอบหลักที่อยู่ในชั้นผิวก็คือ คอลลาเจและอิลาสติน ตัวช่วยที่คอยรักษาความยืดหยุ่นของผิว จะบอกว่าเป็นเสาหลักเลยก็ว่าได้ ชั้นผิวนี้จะไม่คงอยู่ตลอดไป จะเริ่มมีความเสื่อมสภาพเมื่อเราอายุมากขึ้น ถ้าหากวันใดที่ผิวเริ่มมีความหย่อนคล้อย ควรรีบ กระตุ้นคอลลาเจน ด้วยวิธีการต่อไปนี้ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่ไม่ต้องผ่าตัดก็สามารถ ยกกระชับหน้า ได้

ผิวชั้นไขมัน

สำหรับผิวชั้นนี้จะอยู่ชั้นในสุด องค์ประกอบหลักก็คือ พวกเซลล์ไขมันโปรตีนคอลลาเจน รวมไปถึงหลอดเลือดต่าง ๆ ทำหน้าที่กักเก็บพลังงาน ปัญหาที่เกิดขึ้นกับผิวหนังชั้นนี้ก็คือ ไขมันบางส่วนเกิดการเคลื่อนที่ไปกองอยู่รวมกันในจุดเดียว ทำให้ไขมันในบางส่วนขาดหายไป เช่น ปัญหาร่องแก้ม ร่องใต้ตา หรือคนที่มีเหนียงและแก้มที่เยอะจนเกินไป วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหานี้ก็คือวิธีนี้ จะช่วยเติมร่องแก้ม ร่องใต้ตา และช่วยลดแก้ม ลดเหนียง ได้ด้วย

  • Filler

ผิวชั้น Smas

สำหรับชั้นผิวนี้จะเป็นชั้นผิวที่สำคัญ จะมีเนื้อเยื้อของพังผืดที่เหนียวมากห่อหุ้มไว้ ชั้นผิวนี้จะเป็นชั้นผิวที่ทางแพทย์เอาไว้ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องผิวหน้าไม่กระชับ แต่ปัจจุบันนี้มีเทคโนโลยีที่ดีกว่า ช่วยยกกระชับผิวโดยที่ไม่ต้องผ่านตัด วิธีที่จะช่วยแก้ปัญหาก็คือวิธีนี้

  • HIFU

 การทำ HIFU มีข้อดี และสิ่งที่ควรระวังอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึงข้อดีของการทำ HIFU (ไฮฟู่) ต้องบอกว่ามีข้อดีมากมาย สำหรับคนที่พึ่งจะรู้ว่าเทคโนโลยีนี้ ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหา  ผิวหย่อนคล้อย ได้ คุณก็ควรที่จะต้องรู้ด้วยว่าการรักษาด้วยวิธีนี้มันดีอย่างไร หลายคนที่เคยลองเขาบอกว่ามันมากกว่าการ  ยกกระชับผิว จะจริงหรือไม่นั้น เรามาดูข้อดีของการทำ HIFU (ไฮฟู่) ว่ามีข้อดีอย่างไรบ้าง

  • ช่วยยกกระชับผิวหน้าที่หย่อนคล้อย รวมไปถึง แก้มหย่อนคล้อย ให้กลับมาเต่งตึงดูอ่อนเยาว์ได้อีกครั้ง
  • ช่วยลด ริ้วรอย ได้ทุกบริเวณบนใบหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นรอยย่นบนหน้าผาก รอยตีนกา หรือแม้แต่คนที่มีปัญหาเรื่องร่องแก้มลึก ร่องใต้ตาลึก การทำ HIFU (ไฮฟู่) ก็สามารถช่วยได้
  • ช่วยขจัดปัญหาผิวบนใบหน้าและตามร่างกาย โดยที่ไม่ต้องรับการผ่าตัด เหมาะกับคนที่กลัวเข็มที่สุด
  • ช่วยขจัดไขมันส่วนเกินได้ทุกจุด สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องเหนียง อยาก 9 การทำ 1 ช่วยได้ ไม่มีแม้กระทั่งรอยแดง ไม่ต้องรอการฟักฟื้นเป็นเวลานาน สามารถกลับมาดูแลรักษาต่อที่บ้านได้

ในส่วนสิ่งที่ควรระวังมากที่สุดหลังจากการทำ HIFU (ไฮฟู่) เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายและเป็นเหตุต้องกลับมาแก้ปัญหาซ้ำอีกนั้นก็คือ ไม่ควรออกแดดจัดเป็นเวลา 1-2 สัปดาห์ เพราะมันจะทำให้การ 10 ที่ทำไปถูกทำลาย

 หลังการทำ HIFU จะเห็นผลเลยไหม

หลังจากที่ทำ HIFU (ไฮฟู่) จะเห็นผลลัพธ์ในทันที สิ่งที่เปลี่ยนแปลงหลังจากการ ยกกระชับหน้า คือ ผิวหน้าที่เคยหย่อนคล้อยจะกลับมากระชับอีกครั้ง ริ้วรอย ที่เคยมีจะหายไป กรอบหน้าชัด ขึ้น เหนียงลดลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนที่ถามว่าผลลัพธ์จากการทำจะเห็นผลได้อย่างเต็มที่ในระยะเวลากี่เดือน คำตอบคือ 1-2 เดือน จะเห็นผล 100% ส่วนที่ว่าจะอยู่ได้นานแค่ไหน การ ยกกระชับผิว ด้วย HIFU (ไฮฟู่) อยู่ได้ยาวนาน 6-12 เดือน ทั่งนี้อยู่ที่การดูแลรักษาด้วยเช่นกัน

 ขั้นตอนการปฎิบัติตัวหลังทำ

การปฏิบัติตัวหลังจากที่ทำ HIFU (ไฮฟู่) เพื่อ ยกกระชับหน้า ให้กลับมาเต่งตึงและอ่อนเยาว์อีกครั้ง การปฏิบัติตรงนี้ทุกคนสามารถปฏิบัติตามกันได้ เพราะมันไม่ได้ยาก สำหรับการปฏิบัติตัวหลังจากการทำ  HIFU (ไฮฟู่) เพื่อ  ยกกระชับผิว แก้  ริ้วรอย บนใบหน้า ขจัดปัญหา ผิวหย่อนคล้อย, ร่องแก้มลึก และ กรอบหน้าไม่ชัด มีดังนี้

  • ไม่ควรออกแดดหลังจากที่ทำไฮฟู่เป็นเวลา 1-2 สัปดาห์
  • หากจะต้องมีเหตุทำให้ต้องออกแดด ก็ควรทาครีมกันแดดป้องกัน
  • การล้างหน้า ไม่ควรถูก หรือขัดหน้าแรงจนเกินไป
  • ห้ามดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่เด็ดขาด 

ข้อสรุป

การทำ HIFU (ไฮฟู่) เป็นเทคโนโลยีใหม่ของวงการเสริมความงาม เข้ามาช่วยในเรื่องของการแก้ปัญหา ผิวหย่อนคล้อย รวมไปถึงปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ริ้วรอย หรือว่า ร่องแก้มลึก การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นวิธีการยกกระชับหน้า โดยที่ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด เหมาะกับคนที่กลัวเข็มที่สุด ถ้าถามว่าการ ยกกระชับผิว ด้วยการทำ  HIFU (ไฮฟู่) ปลอดภัยหรือไม่ วิธีนี้เป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีความปลอดภัยสูง และที่บอกว่าไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องใช้เข็ม ก็เป็นเพราะว่าใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ โดยยิงไปที่ใต้ชั้นผิวแต่ละชั้น เพื่อให้ชั้นผิวนั้นเกิดการหดตัว การทำแบบนี้ส่งผลให้ผิวกลับมากระชับและดูอ่อนเยาว์ ไม่เจ็บและก็ไม่มีรอยแดงให้เห็น เป็นอีกหนึ่งวิธีการแก้ปัญหาผิวหย่อนคล้อยที่น่าลอง สำหรับคนที่กำลังเจอกับปัญหานี้ ถ้าหากว่าคุณอยากจะมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์อีกครั้ง คุณสามารถศึกษาเรื่องนี้ด้วยตัวเองได้เลย หรือถ้าอยากให้มั่นใจก็ลองปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมกับเข้ารับการรักษากับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้เลย ทางแพทย์เขาจะมีทั้งคำแนะนำและการรักษาแบบเป็นขั้นเป็นตอน รับประกันได้เลยว่าปลอดภัยแน่นอน