ฟิลเลอร์คาง แก้ปัญหาคางสั้นอย่างปลอดภัย ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน
การฉีดฟิลเลอร์คาง คือ การเติมสารเติมเต็มกลุ่ม Hyaluronic Acid เข้าบริเวณคาง เพื่อแก้ปัญหา คางสั้น หน้ากลม หน้าเหลี่ยม คางเบี้ยว คางย้อย คางไม่เท่ากัน ช่วยปรับรูปหน้าให้สมส่วนมากขึ้น เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัย ใช้เวลาน้อย เห็นผลชัดเจน แบบไม่ต้องพักฟื้นหลังการรักษา
ฟิลเลอร์คาง คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์คางคือ การฉีดสารเติมเต็มที่เรียกว่า Hyaluronic Acid ที่บริเวณคาง เพื่อปรับรูปหน้าให้ดูหน้าเรียวมากขึ้น เพื่อแก้ปัญหา คางสั้น หน้ากลม คางบุ๋ม คางเบี้ยว คางย้อย คางไม่เท่ากัน รวมถึงสามารถฉีดเพื่อปรับรูปหน้าได้อีกด้วย โดยส่วนใหญ่หลังจากฉีดฟิลเลอร์คางแล้วมักเห็นผลทันที ไม่ต้องพักฟื้น ใช้เวลาน้อย ผลข้างเคียงไม่รุนแรง ต่างจากการผ่าตัดที่จะมีผลข้างเคียงอย่างอาการบวมช้ำมากกว่า

ฉีดฟิลเลอร์คาง แตกต่างกับ การเสริมคางด้วยซิลิโคน อย่างไร
การฉีดฟิลเลอร์คาง
- เสริมคางด้วยการฉีดสาร Hyaluronic Acid
- ไม่ต้องผ่าตัด เจ็บตัวน้อย
- มีข้อจำกัดคือสามารถเสริมคางได้จากคางเดิมที่มีอยู่มากสุดเพียง 1 ซม.เท่านั้น
- ลักษณะของคางหลังจากการฉีดฟิลเลอร์จะดูสวยเป็นธรรมชาติ
- หลังจากการฉีดฟิลเลอร์คาง สามารถกลับบ้านได้ทันที ไม่ต้องพักฟื้น
- เห็นผลชัดเจนหลังการฉีด ไม่ต้องรอเวลา
- การฉีดฟิลเลอร์คางสามารถอยู่ได้ 12-18เดือน
- สามารถเติมฟิลเลอร์ใหม่ได้เรื่อยๆ หากเกิดการสลายตัวของฟิลเลอร์
การเสริมซิลิโคน
- ใช้ซิลิโคนในการเสริม
- จำเป็นต้องผ่าตัด เพื่อใส่ซิลิโคน มีแผลจากการผ่าตัด ซึ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
- สามารถเสริมคางได้ยาวกว่า 1 ซม.
- อาจได้ผลลัพธ์ที่ธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติ เนื่องจากบางกรณีหากเสริมคางยาวเกินไปเกิดจะทำให้แข็งและดูไม่เป็นธรรมชาติ ต้องผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหา
- ต้องรอเวลาเข้าที่ โดยการผ่าตัดเสริมคางด้วยซิลิโคนจะเห็นผลเต็มที่ในระยะเวลา 1-3 เดือน
- อยู่ได้ถาวร แต่หากอยากแก้ไขก็จะต้องทำด้วยการผ่าตัดเท่านั้น

ฟิลเลอร์คางเหมาะกับใคร
- เหมาะสำหรับคนที่อยากปรับรูปหน้า โดยอยากเห็นผลทันที ไม่ต้องรอเข้าที่ ช่วยเสริมคาง ให้ใบหน้าดูมีมิติ หวานละมุน
- เหมาะกับคนที่มีปัญหาคางสั้น คางตัด คางถอย
- เหมาะกับคนที่ไม่อยากผ่าตัดเสริมคาง ไม่อยากมีแผล และไม่มีเวลาพักฟื้น
- ผู้ที่มีปัญหารูปกรามกว้าง กรามใหญ่ สามารถใช้ฟิลเลอร์คางในการปรับมิติของคางได้
ปัญหาคางแบบไหนที่ฉีดฟิลเลอร์คางได้
- ปัญหาคางตัด คางไม่เท่ากัน หรือแนวฐานกระดูกกรามเบี้ยว
- ปัญหาคางสั้น ปัญหาหน้ากลม ปรับรูปหน้าที่สั้น ให้ดูเรียวสวยเป็นธรรมชาติ
- ปัญหาคางยื่น แก้ปัญหาคางยื่น หน้ายาว ทำให้หน้าดูไม่มีมิติ
- ปัญหาคางบุ๋ม ปรับให้เป็นทรงสวยรับกับใบหน้า
ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อนเกิดจากอะไร
การฉีดฟิลเลอร์คางแล้วเป็นก้อนเกิดได้จากหลายสาเหตุ ดังนี้
- การฉีดผิดตำแหน่ง อาจจะฉีดแก้ริ้วรอยแต่ฉีดลึกเกินไป หรือฉีดเติมร่องลึกแต่ฉีดตื้นเกินไป รวมไปถึงการใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสม ฉีดเกินความจำเป็นในจุดที่ต้องการฉีด จะทำให้ฟิลเลอร์จับตัวกันเป็นก้อนบวม เกิดปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อน
- การเลือกใช้ชนิดฟิลเลอร์ที่ไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่ฉีด ฟิลเลอร์ที่มีขนาดของโมเลกุลมีความหนาแน่นสูง ควรฉีดในผิวชั้นลึก ถ้านำมาฉีดในผิวชั้นตื้นก็จะทำให้ฟิลเลอร์เป็นก้อนบวมได้ เช่น ใช้ฟิลเลอร์ที่มีความแข็งและเหนียวค่อนข้างมาก
- การใช้ฟิลเลอร์ปริมาณไม่เหมาะสมการใช้ฟิลเลอร์ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ออกมาแบบผิดปกติ
- ฟิลเลอร์ปลอมได้แก่ ฟิลเลอร์ที่ไม่ได้มาตรฐาน ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านอย. ไม่มีประสิทธิภาพ โดยฟิลเลอร์ที่ได้กล่าวไปข้างต้น เมื่อเวลาผ่านไปจะจับตัวเป็นก้อน เกิดเป็นปัญหาฟิลเลอร์เป็นก้อนตามมา
ปัญหาข้างต้นสามารถแก้ไขได้โดยการฉีดสลายฟิลเลอร์ แต่การฉีดสลายฟิลเลอร์เป็นการฉีดกับฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น หลังฉีดจะเห็นผลทันทีในบางส่วน และจะค่อยๆสลายไปเองใน 1-3 วัน หากเป็นกรณีของฟิลเลอร์ปลอมจะต้องผ่าตัดเพื่อรักษาเท่านั้น
ฉีดฟิลเลอร์คางจะบวมนานไหม
หลังฉีดฟิลเลอร์คางจะมีอาการบวมได้เป็นปกติ ช่วง 24 ชั่วโมงแรกจะเป็นอาการบวมเข็ม โดยอาการดังกล่าวสามารถหายไปเอง 3-7 วัน หากมีอาการปวดสามารถทานยาแก้ปวดได้ตามอาการ หลังจากนั้นอาการบวมจะยุบและเข้าที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์

ฟิลเลอร์คางฉีดแล้วอยู่ได้นานแค่ไหน
ระยะของฟิลเลอร์คางจะอยู่ที่ตามอายุของตัวยาที่ฉีดด้วย ฟิลเลอร์โดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ได้นาน 6-24 เดือน ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลัก 2 อย่าง คือ
1.ยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เลือกใช้ เพราะฟิลเลอร์แต่ละรุ่นอยู่ได้นานไม่เท่ากัน โดยยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์คาง มี 5 รุ่น ดังนี้ Juvederm Voluma อยู่ได้นาน 18 เดือน,Juvederm Volux อยู่ได้นาน 18-24 เดือน,Restylane Perlane Lyft อยู่ได้นาน 12 เดือน, Belotero Intense อยู่ได้นาน 18 เดือน,Definisse Core อยู่ได้นาน 18 เดือน
โดยฟิลเลอร์ทั้ง 5 รุ่นข้างต้น เป็นกลุ่มที่เนื้อมีความคงตัวสูง ปั้นรูปทรงได้ง่าย โดยแพทย์จะแนะนำให้ตามความเหมาะสมในแต่ละกรณี
2.ประสบการณ์ของแพทย์ และเทคนิคการฉีดฟิลเลอร์คาง
แพทย์ที่มีประสบการณ์ฉีดฟิลเลอร์ จะมีความชำนาญในการประเมินปัญหาและออกแบบรูปทรงให้เข้ากับใบหน้าของแต่ละเคสได้เป็นอย่างดี และช่วยให้สามารถฉีดฟิลเลอร์คางให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นธรรมชาติ ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานเนื่องจากการฉีดเป็นไปด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เหมาะสม
ข้อดี – ข้อเสียของการฉีดฟิลเลอร์คาง
ข้อดีของการเติมฟิลเลอร์คาง
- ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีแผล ฉีดฟิลเลอร์คางแล้วหน้าเรียวขึ้นทันที มีรอยเข็มแค่บริเวณใต้คาง แถมรอยเข็มหายไว
- หากได้รูปทรงของคางที่ไม่ถูกใจ สามารถเติมหรือสลายฟิลเลอร์ได้ทันที ไม่ต้องผ่าตัด
- รูปทรงฟิลเลอร์คาง ดูเป็นธรรมชาติมากๆ ไม่เกิดปัญหาเรื่องคางย้อยผิดรูป หรือคางเป็นก้อน
- เมื่อฟิลเลอร์สลายไป ก็จะสามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยไม่ทำให้เนื้อคางผิดรูป
ข้อเสียของการเติมฟิลเลอร์คาง
- การฉีดฟิลเลอร์คาง 1 ครั้ง สามารถอยู่ได้นานสุดเพียง 2 ปี
- หากฉีดฟิลเลอร์คาง ในเนื้อคางชั้นตื้นเกินไป เมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เนื้อคางผิดรูปได้
- ราคาสูง หลายคนทราบดีว่าฟิลเลอร์มีราคาสูงไม่แพ้การผ่าตัด และไม่สามารถอยู่ถาวรได้
การเตรียมตัวก่อน – หลังฉีดฟิลเลอร์คาง
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง
- ควรงดอาหารเสริมหรือยาบางชนิด เช่น ยาแอสไพริน วิตามินอี เนื่องจากตัวยาดังกล่าวจะทำให้เกิดรอยช้ำได้ง่าย
- หลีกเลี่ยงการเลเซอร์บริเวณใบหน้าก่อนฉีดฟิลเลอร์คาง หากต้องทำการเลเซอร์ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ ควรทำก่อนอย่างน้อย 3 วัน เพราะหลังจากฉีดฟิลเลอร์คาง แนะนำให้งดการเลเซอร์ในบริเวณเดียวกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดการดื่มแอลกฮอล์ และ กิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดเพิ่มขึ้น เช่น ออกกำลังกาย เป็นเวลา 24 ชม.ก่อนทำการฉีด ฟิลเลอร์คาง
การดูแลปฎิบัติตัวหลังฉีดฟิลเลอร์คาง
- หลีกเลี่ยงการนอน หลังการฉีดฟิลเลอร์คาง 3-4 ชั่วโมง และช่วง 12 ชั่วโมงแรกหลังการรักษา
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าหรือใช้สกินแคร์บำรุงผิวทาตำแหน่งที่มีรอยเข็ม
- ห้ามออกกำลังกายภายใน 24 ชั่วโมงแรก
- หลีกเลี่ยงความร้อน ไม่ว่าจะเป็นความร้อนจากแสงแดด หรือความร้อนจากอาหารอย่าง ปิ้งย่าง ชาบู หรืออื่นๆ
- ควรดื่มน้ำสะอาดในปริมาณมากๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและให้ฟิลเลอร์ที่ฉีดไปอุ้มน้ำ ทำให้เห็นผลดีขึ้น
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ รวมั้งห้ามขัดถูบริเวณใบหน้าแรงๆ โดยเฉพาะตำแหน่งที่ทำการฉีดฟิลเลอร์

ฉีดฟิลเลอร์คางอันตรายต่อร่างกายไหม
ปัจจุบันการฉีดฟิลเลอร์คางถือเป็นหัตการที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เนื่องจากทำแล้วเห็นผลอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องใช้เวลานาน อีกทั้งยังปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย ไม่มีสารตกค้าง ความอันตรายของการฉีดฟิลเลอร์คางสามารถเกิดได้น้อยมาก เพราะฟิลเลอร์ที่ฉีดแล้วมีอันตรายต่อร่างกาย คือฟิลเลอร์ปลอม หรือฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย.
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์คาง ตรวจสอบสถานบริการที่มีคุณภาพ ฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รู้เทคนิคในการฉีดที่ถูกต้องมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญ เพราะเมื่อเราฉีดสารฟิลเลอร์เข้าไปแล้วแต่ละครั้งมีโอกาสเสี่ยงที่จะไปโดนเส้นเลือดต่างๆบนใบหน้า หากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญก็อาจะเกิดอันตรายได้ อีกทั้งแพทย์จะได้ประเมินแนวทางการรักษาปัญหาคางได้อย่างตรงจุด ได้ผลลัพธ์ออกมาตามความต้องการ
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้หลังฉีดฟิลเลอร์คาง
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้สามารถเกิดได้กับการฉีดฟิลเลอร์ในทุกตำแหน่งไม่เฉพาะแต่การฉีดฟิลเลอร์คาง สำหรับอาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ คือ อาการบวม แดง เขียวช้ำจากการใช้เข็ม ในจุดที่ทำได้ ซึ่งเป็นอาการปกติ แต่ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสบริเวณที่ฉีด หรือ นวด กดจุดนั้นๆ ไม่ควรเอามือไปโดนบริเวณที่ฉีดหรือเอามือเท้าคาง เมื่อเวลาผ่านไปอาการจะค่อยๆดีขึ้นใน 2-3 วัน
ผลข้างเคียงจากการใช้ฟิลเลอร์ปลอม หรือแพทย์ผู้ฉีดไม่มีความเชี่ยวชาญอาจจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆเช่น
การอักเสบ : อาจติดเชื้อหรือเป็นหนองบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปลอม เนื่องจากฟิลเลอร์ไม่มีมาตรฐาน จึงเกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคได้ง่าย
การห้อเลือด : ฟิลเลอร์อุดตันหลอดเลือด หรือทำให้เกิดลิ่มเลือดในอวัยวะต่างๆ ในกรณีส่วนมากจะเกิดขึ้นกับการฉีดฟิลเลอร์ปลอม
การติดเชื้อ : แผลที่เกิดจากการติดเชื้อ จะมีอาการบวมแดง แสบร้อนบริเวณที่ฉีด รู้สึกปวดมากกว่าปกติ ผิวหนังเป็นสีแดงจัดไปจนถึงสีม่วง ในบางรายอาจมีหนองอยู่ในบริเวณที่บวมด้วย
หากมีอาการข้างเคียงที่ผิดสังเกตให้รีบพบแพทย์ทันที

ระวังการฉีดฟิลเลอร์ของปลอม
ฟิลเลอร์ปลอม ได้แก่ ฟิลเลอร์ที่มีการเก็บรักษาที่ไม่ดี ฟิลเลอร์ที่ไม่ผ่านการรับรองจาก อย. มีราคาถูก ฟิลเลอร์ปลอมส่วนใหญ่แล้วเป็นสารที่เลียนแบบฟิลเลอร์แท้ เช่น การใช้ซิลิโคนเหลว พลาสติก พาราฟิน เป็นสารที่หากนำเข้าสู่ร่างกาย ร่างกายจะไม่สามารถย่อยสายได้ เมื่อไม่สามารถสลายได้เหมือนกับฟิลเลอร์แท้ เมื่อสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในร่างกายแล้วไม่สลาย ทำให้เริ่มจับเป็นก้อน กลายเป็นซิลิโคนเหลวที่เกาะแน่นกับกระดูก ส่งผลให้เกิดอาการเนื้อตาย เนื้อเยื่อบางส่วนของร่างกายตายจนทำให้เกิดการเน่า เกิดผลข้างเคียงที่อันตราย โดยในบางรายอาจรุนแรงถึงขั้นเกิดภาวะช็อกได้
ข้อสรุป
หากใครกำลังตัดสินใจอยากปรับรูปหน้าให้ดูละมุนขึ้น อยากแก้ปัญหาคางที่ไม่พึงประสงค์ ไม่ว่าจะเป็น คางบุ๋ม คางเบี้ยว คางยื่น คางสั้น คางตัด หน้ากลมหรืออื่นๆ ควรมองหาคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพราะหากแพทย์ไม่มีความเชี่ยวชาญการฉีดฟิลเลอร์คางก็อาจเกิดอันตรายได้ อีกทั้งแพทย์จะได้ประเมินแนวทางการรักษาปัญหาคางได้อย่างตรงจุด ได้ผลลัพธ์ออกมาตามความต้องการ
หรือได้รับผลข้างเคียงจากการฉีดฟิลเลอร์คาง ทั้งอาการอักเสบ การติดเชื้อ ควรปรึกษาแพทย์โดยทันที เพราะปัญหานี้ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์เฉพาะทาง เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน เชื่อถือได้ ไม่เช่นนั้นอาจเกิดปัญหาร้ายแรงอื่นๆ ตามมา ซึ่งหากใครกำลังมองหาที่รักษาก็สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรเบอร์ 090–970-0447 เพื่อปรึกษา ขอคำแนะนำ หรือจองคิวเพื่อแก้ปัญหากับทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ