ร่องแก้มลึก ทำให้แก่ก่อนวัย รักษาหาย หน้าเด็กลงไป10ปี
เมื่ออายุมากขึ้น ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึกหรือมีริ้วรอยจะเริ่มเห็นได้อย่างชัดเจน ยิ่งอายุมากขึ้นเท่าไหร่ รอยย่นที่แก้มก็ยิ่งชัด ยิ่งลึกมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งร่องแก้มนั้นเป็นอีกจุดสำคัญที่ทำให้หน้าเราดูแก่ก่อนวัย ไม่สดใส ในปัจจุบันมีวิธีรักษาร่องแก้มหรือเติมร่องแก้มให้อิ่มเต็มหลายวิธี จะเลือกวิธีใดนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุและความลึกของร่องแก้ม ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นผู้ให้คำแนะนำว่าวิธีใดเหมาะสมกับเรามากที่สุด
ร่องแก้มคืออะไร
ร่องแก้ม คือ รอยย่นหรือรอยพับของผิวหนังบริเวณแก้มข้างจมูก มีลักษณะเป็นเส้นเฉียงยาวลงมาถึงบริเวณมุมปาก คนเรามักจะมีร่องแก้มตามธรรมชาติเวลาที่ยิ้มหรือแสดงสีหน้าแต่ร่องแก้มจะไม่ชัดและหายไปได้เอง จนอายุเริ่มมากขึ้นร่องแก้มก็จะเริ่มปรากฎชัดเจน แม้ยังไม่ได้แสดงอารมณ์
ร่องแก้มเกิดจากเอ็นยึดใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นเอ็นที่ยึดเนื้อเยื่อชั้นผิวติดกับกระดูก (Buccal-maxxillary Ligament) ดึงผิวบริเวณนั้นให้เป็นร่องลึกลงไป โดยเป็นไปตามโครงสร้างธรรมชาติของใบหน้ามนุษย์ทุกคน หากเอ็นยึดหน้านี้แข็งแรงมากก็ยิ่งดึงผิวให้เป็นร่องลึกชัด แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ผิวหนังบริเวณใบหน้าเริ่มหย่อนคล้อย เนื่องจากคอลลาเจนใต้ผิวเสื่อมสภาพ รวมถึงปริมาตรบนใบหน้าก็เริ่มลดลงจากกระดูก กล้ามเนื้อและไขมันที่ยุบตัว โดยเฉพาะหากเป็นกระดูกส่วนกลางของแก้มยุบตัวก็จะเห็นร่องแก้มลึกชัดเจนมากขึ้น
สาเหตุเกิดร่องแก้ม
ริ้วรอยร่องแก้มเกิดจากหลายสาเหตุแตกต่างกันไป แต่สาเหตุหลักที่สำคัญที่ทำให้เกิดร่องแก้มลึกคือการทรุดตัวของกระดูกบนใบหน้า ประกอบกับไขมันในบริเวณนั้นหายไป ทำให้ปริมาตรบนใบหน้าลดลง อีกทั้งผิวหน้าหย่อนคล้อยตามอายุที่เพิ่มมากขึ้นอีก จึงเกิดเป็นร่องแก้มลึกที่ทำให้ดูอิดโรยหรือแก่ก่อนวัย การแก้ปัญหาร่องแก้มที่เกิดจากแต่ละสาเหตุจะมีวิธีที่เหมาะสมแตกต่างกันออกไปด้วย
การยุบตัวลงของกระดูกบริเวณใต้ตา
การยุบตัวของกระดูกบริเวณนี้มักเกิดในคนที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป มีผลทำให้เนื้อแก้มด้านบนหย่อนและคล้อยลงมากองรวมกันเหนือร่องแก้ม เกิดเป็นร่องแก้มลึก
การยุบตัวของกระดูกบริเวณร่องแก้มโดยตรง
สำหรับการยุบตัวของกระดูกบริเวณนี้มักจะเกิดในช่วงอายุตั้งแต่ 20-30 ปี ส่งผลให้เกิดริ้วรอยร่องแก้มที่ยังไม่ลึกมาก แต่หากปล่อยทิ้งไว้เส้นริ้วรอยร่องแก้มนี้ก็จะค่อยๆชัดขึ้นตามอายุ และกลายเป็นร่องแก้มลึกถาวรในที่สุด
การยิ้มบ่อย ๆ จนกล้ามเนื้อที่ดึงร่องแก้มแข็งแรงเกินไป
การยิ้มหรือหัวเราะบ่อยๆ ทำให้กล้ามเนื้อมัดที่ดึงบริเวณร่องแก้มแข็งแรงเกินไป ทำให้เกิดริ้วรอยร่องแก้มหรือร่องมุมปากได้
ผิวแห้ง หรือตากแดดบ่อย ชั้นผิวบางลง
มลภาวะและแสงแดดทำให้ผิวแห้ง ขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ชั้นผิวบางลง เกิดเป็นรอยพับ ริ้วรอยและรอยเหี่ยวย่นได้มากขึ้น
ปัญหาหลังมีร่องแก้ม
หลายๆคนประสบปัญหาการมีเส้นริ้วรอยร่องแก้ม ทำให้หน้าดูแก่กว่าวัย โทรม ไม่สดใส และการที่ร่องแก้มอยู่ตำแหน่งกลางหน้าจึงสังเกตเห็นได้ชัดเจน ทั้งเวลาส่องกระจกหรือเวลาพบปะกับผู้อื่น ยิ่งเมื่อมีการแสดงออกทางสีหน้า ไม่ว่าจะเป็นการยิ้มหรือหัวเราะ กล้ามเนื้อบริเวณร่องแก้มนี้จะหดเกร็ง มุมปากยกขึ้น ดันแก้มของเราให้โหนกนูนขึ้น ยิ่งทำให้ร่องแก้มนี้ชัดเจนมากขึ้นไปอีก เมื่อประกอบกับผิวหนังที่หย่อนคล้อยบริเวณใต้ตาและแก้มส่วนบนก็ยิ่งทำให้เส้นริ้วรอยร่องแก้มนี้ลึกขึ้นเกิดเป็นร่องแก้มถาวรได้ ซึ่งการแก้ปัญหาร่องแก้มลึกถาวรนี้ หากปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานอาจจำเป็นต้องรักษาโดยการผ่าตัดดึงร่องแก้มหรือวิธีผ่าตัดเสริมร่องแก้มเท่านั้น
แก้ปัญหาร่องแก้มสามารถรักษาโดยวิธีไหนบ้าง
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม เป็นการเติมร่องแก้มด้วยการฉีดสารเติมเต็มไฮยารูลอนิก (Hyaluronic Acid) เข้าไปใต้ชั้นผิวเพื่อกักเก็บน้ำและความชุ่มชื้น โดยใช้เทคนิคการฉีดแบบต่างๆ เติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป ช่วยแก้ปัญหาร่องแก้มลึกและควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อใบหน้าได้บางส่วน เติมเต็มริ้วรอยร่องลึกให้ตื้นขึ้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งยังช่วยกระชับใบหน้าให้ได้รูป และเห็นผลได้ทันทีหลังทำการรักษา
Hifu กระชับร่องแก้ม
Hifu เป็นการกระชับร่องแก้มด้วยการยิงคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์เข้าไปในชั้นผิวแต่ละชั้น ทำให้ผิวชั้นนั้นหดตัว เปรียบเสมือนกับการดึงหน้าหรือการเย็บกระชับเนื้อเยื่อ และกระตุ้นให้ชั้นผิวสร้างคอลลาเจนของตัวเองมากขึ้น มีความปลอดภัยสูงและไม่ทำลายผิวหนังชั้นนอก เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการแก้ปัญหาร่องแก้มสำหรับคนที่มีร่องแก้มที่ไม่ลึกมากหรือกลัวการฉีดฟิลเลอร์
ร้อยไหม แก้ร่องแก้มลึก
การรักษาร่องแก้มด้วยการร้อยไหมเพื่อแก้ปัญหาร่องแก้มลึกนั้นเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถทำได้ แต่ในบางกรณีผลลัพธ์ที่ได้นั้นอาจจะไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง เพราะเนื้อเยื่อหรือผิวหนังบริเวณร่องแก้มที่ถูกดึงขึ้นไปนั้น จะไปอยู่ที่บริเวณโหนกแก้มแทน ทำให้ใบหน้าดูเหลี่ยมขึ้นหรือมีโหนกแก้มใหญ่ขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นในกรณีที่อายุเยอะมากๆ ความแข็งแรงของผิวไม่เพียงพอ การสร้างคอลลาเจนของผิวลดลง ส่งผลให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร
โบท็อก (botox) รักษาร่องแก้ม
การฉีดโบท็อกซ์รักษาร่องแก้มนั้นจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นคลายตัว ริ้วร้อยบริเวณร่องแก้มลดลง ทำให้ผิวดูกระชับเต่งตึง เหมาะสำหรับผู้ปัญหาร่องแก้มที่เกิดจากการยิ้มบ่อยๆ ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นแข็งแรงเกินไปจนดึงผิวให้เกิดร่องแก้มขึ้น อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้แก้ปัญหาร่องแก้มโดยการฉีดโบท็อกซ์เพียงอย่างเดียว เนื่องจากอาจทำให้ยิ้มดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ ควรใช้วิธีรักษาร่องแก้มอื่นๆ ร่วมด้วย
ทำไมถึงเลือกฟิลเลอร์รักษาร่องแก้ม
การแก้ปัญหาร่องแก้มมีหลายวิธี ตั้งแต่การทาครีมบำรุงเพื่อลดริ้วรอย การร้อยไหม โบท็อกซ์ ฉีดฟิลเลอร์ ไปจนถึงการผ่าตัดดึงหน้าหรือเสริมร่องแก้ม แต่วิธีที่นิยมมากในปัจจุบันและมักแนะนำเป็นขั้นตอนแรกในการรักษาร่องแก้ม คือ การฉีดฟิลเลอร์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะฉีดสารเติมเต็มไฮยาลูรอนิกเข้าไปใต้ผิว เพื่อเพิ่มปริมาตรในบริเวณร่องแก้ม ยกกระชับผิว และกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนทำให้ผิวบริเวณอวบอิ่ม เต่งตึง
การฉีดฟิลเลอร์รักษาร่องแก้มนอกจากจะมีความปลอดภัยสูง เห็นผลลัพธ์เร็วแล้ว ยังสามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องพักฟื้น ผลข้างเคียงน้อยมาก อาจจะมีรอยช้ำได้เล็กน้อยหรือไม่มีเลย และยังสามารถแต่งหน้าได้ทันทีหลังทำการรักษาอีกด้วย
การฉีด Filler ร่องแก้ม คืออะไร
การฉีด Filler ร่องแก้ม คือ การฉีดสารเติมเต็มเข้าไปที่ผิวหนังบริเวณแก้มทั้งสองข้าง เพื่อยกกระชับผิวและเพิ่มปริมาตรให้กับผิวในบริเวณนั้น โดยปริมาณของฟิลเลอร์ที่ใช้จะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยพับหรือความลึกของร่องแก้ม
ฟิลเลอร์ส่วนใหญ่ที่ใช้ในการแก้ไขปัญหาร่องแก้มนั้นเป็นชนิดที่ทำมาจากไฮยาลูรอนิก แอซิด ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในผิวหนังของคนเรา ไฮยาลูรอนิกนี้ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและช่วยเติมเต็มร่องลึก และลดเลือนริ้วรอย ทำให้ผิวหนังเรียบเนียน เต่งตึง เปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย
ข้อดีของการฉีด Filler ร่องแก้ม คืออะไร
การฉีดฟิลเลอร์เพื่อเติมร่องแก้มให้อิ่มเต็ม ดูอ่อนกว่าวัย
มีข้อดีมากมายที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่แนะนำให้เป็นวิธีแรกในการลดปัญหาร่องแก้ม
- ฟิลเลอร์ที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยามีความปลอดภัยสูง ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้ และไม่ต้องกังวลเรื่องสารตกค้าง เนื่องจากสามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ
- สามารถเห็นผลได้ทันที โดยไม่ต้องพักฟื้น
- สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องผ่าตัด ไม่ต้องวางยาสลบ ไม่เกิดแผลและไม่ทิ้งรอยแผลเป็น เหมาะสำหรับคนกลัวเข็ม หรือกลัวการผ่าตัด
- สามารถปรับแต่งได้ตามต้องการ เพิ่มปริมาณได้เรื่อยๆและหากไม่ชอบสามารถฉีดเพื่อสลายฟิลเลอร์ออกได้ 100%
- เป็นวิธีการรักษาร่องแก้มที่ให้ผลลัพธ์ที่รวดเร็วและสวยเป็นธรรมชาติมากกว่าวิธีการรักษาร่องแก้มแบบอื่นๆ
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มต้องใช้จำนวนกี่ CC.
ในกรณีทั่วไป การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้มใช้ปริมาณฟิลเลอร์เพียง 1-2 ซีซี แต่ในกรณีที่มีปัญหาเยอะ มีร่องแก้มลึกหรืออายุค่อนข้างมาก จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณฟิลเลอร์เป็น 3-4 ซีซี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของรอยพับหรือความลึกของร่องแก้มนั่นเอง และแพทย์อาจจะแนะนำให้ใช้วิธีอื่นในการแก้ปัญหาร่องแก้มร่วมด้วย เช่น การทำ HIFU, ร้อยไหมหรือฉีดโบท็อกซ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาให้ดียิ่งขึ้น
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
ก่อนตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม ควรศึกษาและหาข้อมูลให้รอบด้าน เลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้มั่นใจว่าได้ฟิลเลอร์ของแท้ได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจากองค์การอาหารและยา และฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์
- หยุดยาหรืออาหารเสริมที่มีผลต่อการแข็งตัวของเกล็ดเลือด เช่น แอสไพริน, NSAIDs, แปะก๊วย เป็นต้น
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวทุกชนิด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกิจกรรมที่กระตุ้นการสูบฉีดโลหิตอย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนทำหัตถการ
การดูแลตัวเองหลังฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม
- หลังฉีดฟิลเลอร์อาจจะมีอาการบวม หรือฟกช้ำได้เล็กน้อย อาการจะค่อยๆหายเองภายใน 1-2 สัปดาห์ บางกรณี แพทย์อาจจะมีการจ่ายยาแก้ปวดหรือลดบวมมาให้
- ไม่แกะ เกา บีบ นวดบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงสัมผัสความร้อนทุกชนิด เช่น ซาวน่า หรือการรับประทานปิ้งย่าง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีผลต่อการสูบฉีดโลหิตในร่างกาย เช่น ออกกำลังกายหนักๆ
- เลี่ยงการขยับใบหน้าเยอะๆ อย่างน้อย 3 วันหลังทำการรักษา เนื่องจากทำให้ฟิลเลอร์เคลื่อนออกจากตำแหน่งเดิมได้
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 1.5-2 ลิตรต่อวัน ช่วยชะลอการสลายตัวของฟิลเลอร์
ฉีด Filler ร่องแก้ม เห็นผลเมื่อไหร่ กี่ครั้งจึงเห็นผล
การฉีดฟิลเลอร์รักษาร่องแก้ม สามารถเห็นผลได้ทันทีหลังฉีด และผลลัพธ์จะค่อยๆดีขึ้นและเห็นผลได้ชัดเจนภายใน 7-14 วัน ฟิลเลอร์สามารถอยู่ได้นานประมาณ 1 ปี ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตัวหลังฉีดด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม หากเป็นฟิลเลอร์ของแท้ได้รับการรับรองมาตรฐานจากองค์การอาหารและยา และได้รับการยอมรับจากแพทย์ทั่วโลกว่ามีความปลอดภัยสูง ไม่เป็นอันตราย เนื่องจากฟิลเลอร์สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย และไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
ข้อควรระวังในการฉีดคือ ต้องฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์เท่านั้น เนื่องจากบริเวณใบหน้ามีกล้ามเนื้อและเส้นเลือดสำคัญมากมาย หากแพทย์ที่ไม่มีประสบการณ์มากพอ อาจจะแก้ไขปัญหาไม่ตรงจุด เช่น ฉีดโดนกล้ามเนื้อที่ใช้ในการยิ้มก็อาจจะทำให้รอยยิ้มไม่เป็นธรรมชาติ หรือฉีดแล้วไม่เห็นผลได้
วิธีดูแลตนเองไม่ให้เกิดริ้วรอยร่องแก้ม
หลีกเลี่ยงแสงแดดและรังสียูวี
เนื่องจากรังสียูวีและแสงแดดเป็นตัวการสำคัญในการทำร้ายผิว ควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50+++ ขึ้นไปเป็นประจำแม้อยู่ในที่ร่มก็ตาม และเลี่ยงการออกแดดจัดเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องออกแดดควรเพิ่มความถี่ในการทาครีมกันแดดให้มากขึ้น
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
การรับประทานที่มีประโยชน์ ครบทั้ง 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้สารอาหารที่สำคัญ เน้นอาหารประเภทผักใบเขียวและผลไม้ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินเอ ซี อีและเกลือแร่ที่มีส่วนสำคัญในการทำให้ผิวพรรณคงความชุ่มชื้นสดใส เปล่งปลั่ง กระจ่างใสอย่างเป็นธรรมชาติ
ดื่มน้ำสะอาดวันละ 1.5-2 ลิตร
น้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของร่างกายและช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้เป็นปกติ อีกทั้งยังช่วยทำให้ร่างกายชุ่มชื้น บำรุงผิวพรรณให้นวลเนียน
ออกกำลังอย่างสม่ำเสมอ
การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด เพื่อให้เลือดสูบฉีดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ เนียนใสและไร้ริ้วรอย
เลี่ยงพฤติกรรมหรือภาวะที่เสี่ยงต่อการเกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร
- การนอนดึก
- พักผ่อนไม่เพียงพอ
- ภาวะเครียด
- การล้างหรือขัดถูใบหน้าแรงๆ ทำให้เกราะป้องกันผิวตามธรรมชาติเสียไป
- การเช็ดหรือทำความสะอาดเครื่องสำอางไม่สะอาด
- การสูบบุหรี่
- การดื่มแอลกอฮอล์
ข้อสรุป
การแก้ปัญหาร่องแก้มมีหลายวิธี วิธีที่ได้รับความนิยมและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางคือ การฉีดฟิลเลอร์ เพื่อเติมเต็มร่องแก้ม ทำให้ริ้วรอยร่องแก้มและร่องลึกลดลง พร้อมกับยกกระชับใบหน้าที่หย่อนคล้อย ให้ดูอ่อนกว่าวัย อีกทั้งยังเป็นวิธีที่มีความปลอดภัยสูง ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เกิดแผลและไม่ต้องพักฟื้น ที่สำคัญเห็นผลได้ทันทีหลังการรักษา อย่างไรก็ตาม ควรฉีดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และฟิลเลอร์ที่ใช้ต้องเป็นของแท้เท่านั้นจึงจะได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพตามต้องการ
เอกสารอ้างอิง
- Collins MN, et al. (2013). Hyaluronic acid based scaffolds for tissue engineering – A review.DOI:doi.org/10.1016/j.carbpol.2012.10.028
- New non-surgical techniques for volume enhancement and loose skin help rejuvenate the aging face. (2010). aad.org/media/news-releases/new-non-surgical-techniques-for-volume-enhancement-and-loose-skin-help-rejuvenate-the-aging-face
- Injectable fillers guide. (n.d.). americanboardcosmeticsurgery.org/procedure-learning-center/non-surgical/injectable-fillers-guide/