วิธีรักษาเซ็บเดิร์ม โรคเซ็บเดิร์ม ปัจจัยกระตุ้นและวิธีป้องกันไม่ให้อาการกำเริบ
โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) เป็นโรคผิวหนังเรื้อรังที่กวนใจใครหลายคน ด้วยอาการคัน แดง ลอกเป็นขุย ซึ่งมักเกิดบริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะ เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า และหน้าอก นอกจากจะทำให้รู้สึกไม่สบายตัวแล้ว ยังอาจส่งผลต่อความมั่นใจอีกด้วย
ถึงแม้เซ็บเดิร์มจะไม่ใช่โรคที่อันตราย แต่ก็เป็นโรคที่ชอบกลับมาเยี่ยมเยือนอยู่เรื่อยๆ หากได้รับปัจจัยกระตุ้นอยู่บ่อยๆ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจว่าเซ็บเดิร์มเกิดจากอะไร ปัจจัยใดบ้างที่เป็นตัวกระตุ้นให้โรคเซ็บเดิร์มกำเริบ และที่สำคัญจะมีวิธีรักษาเซ็บเดิร์มและป้องกันได้อย่างไร เพื่อให้ผิวกลับมาแข็งแรงและใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจขึ้นอีกครั้ง
โรคเซ็บเดิร์ม คืออะไร
โรคเซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) เป็นโรคผิวหนังอักเสบเรื้อรังที่มักเกิดขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะ เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า ข้างจมูก หลังหู หน้าอก และหลัง อาการที่พบบ่อยคือ ผิวหนังอักเสบ แดง คัน ลอกเป็นขุย หรือมีสะเก็ดคล้ายรังแค ในบางกรณีอาจมีผิวมันร่วมด้วย
ผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์มเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น เชื้อรากลุ่ม Malassezia ระบบภูมิคุ้มกันที่ไวต่อการกระตุ้น และปัจจัยภายนอกต่างๆ ทำให้เซลล์ผิวหนังผลัดตัวเร็วกว่าปกติ จนเกิดเป็นขุยและอักเสบขึ้นมา
แม้เซ็บเดิร์มจะไม่ใช่โรคร้ายแรงและไม่ใช่โรคติดต่อ แต่ก็สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ง่ายหากได้รับปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงต้องดูแลผิวอย่างถูกวิธีเพื่อลดโอกาสที่โรคนี้จะกลับมากำเริบได้ง่ายๆ
ปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้อาการเซ็บเดิร์มกำเริบ
แม้ว่าโรคเซ็บเดิร์มจะเป็นโรคเรื้อรังที่ยังไม่มีวิธีรักษาให้หายขาด แต่ก็มีบางช่วงที่อาการดีขึ้น และบางช่วงที่อาการกำเริบหนักขึ้น ซึ่งสาเหตุสำคัญมักมาจากปัจจัยกระตุ้นรอบตัวเรานั่นเอง มาดูกันว่ามีอะไรบ้างที่อาจทำให้เซ็บเดิร์มกลับมากวนใจได้อีกครั้ง
เชื้อรา Malassezia บนผิวหนัง
บนผิวของเรามีจุลินทรีย์หลายชนิดอาศัยอยู่ หนึ่งในนั้นคือเชื้อรา Malassezia ซึ่งเป็นเชื้อราชนิดหนึ่งที่พบได้ตามธรรมชาติ แต่สำหรับผู้ที่เป็นผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม ร่างกายอาจไวต่อเชื้อชนิดนี้มากกว่าปกติ ทำให้เกิดการอักเสบและการผลัดเซลล์ผิวผิดปกติ ส่งผลให้ ผิวหนังอักเสบ ผิวลอก คัน และมีรอยแดงขึ้นมา
เชื้อ Malassezia เจริญเติบโตได้ดีในบริเวณที่มีความมัน เช่น หนังศีรษะ ใบหน้า และหน้าอก ดังนั้น วิธีรักษาเซ็บเดิร์มที่ถูกต้องคือรักษาความสะอาดและเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยควบคุมเชื้อราอย่างเหมาะสม
ภาวะเครียดและความวิตกกังวล
เคยสังเกตไหมว่าเวลาที่เครียดจัด อาการของเซ็บเดิร์มมักจะแย่ลงเรื่อยๆ นั่นเป็นเพราะความเครียดส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายอ่อนแอลงและเกิดการอักเสบได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ความเครียดยังไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ผิวมันขึ้น ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับเชื้อ Malassezia
การจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การนอนหลับให้เพียงพอ ออกกำลังกายเบาๆ หรือหากิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย จะช่วยลดโอกาสที่อาการจะกำเริบได้
สภาพอากาศที่แปรปรวน
ไม่ว่าจะร้อนจัด หนาวจัด หรืออากาศแห้ง ล้วนเป็นปัจจัยที่ทำให้โรคเซ็บเดิร์มกำเริบได้ โดยอากาศร้อนจะทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น เชื้อ Malassezia จึงเจริญเติบโตได้ดี ขณะเดียวกัน หากอากาศเย็นหรือแห้งมากเกินไป ก็จะทำให้ผิวขาดความชุ่มชื้น ส่งผลให้ผิวระคายเคืองและลอกเป็นขุย นอกจากนี้ อากาศชื้นๆ ในวันฝนตก ยังอาจกระตุ้นให้เชื้อราบนผิวหนังเติบโตมากขึ้นได้อีกด้วย
ดังนั้น ควรปรับการดูแลผิวให้เหมาะกับสภาพอากาศ เช่น ใช้มอยส์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นในช่วงอากาศหนาว หรือเลือกใช้แชมพูและคลีนเซอร์ที่ช่วยลดความมันในช่วงอากาศร้อน เป็นต้น
การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารระคายเคือง
บางครั้งอาการเซ็บเดิร์มอาจกำเริบจากผลิตภัณฑ์ที่เราใช้เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นแชมพู โฟมล้างหน้า หรือครีมบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของ แอลกอฮอล์ น้ำหอม พาราเบน และซัลเฟต ซึ่งทำให้ผิวแห้งและระคายเคือง อีกทั้งยังทำให้เกิดอาการแพ้ได้ง่าย ดังนั้น ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่อ่อนโยน ปราศจากสารระคายเคือง และช่วยลดการอักเสบของผิว จะช่วยให้อาการบรรเทาลงและลดโอกาสที่โรคเซ็บเดิร์มจะกำเริบขึ้นอีกได้
การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
ฮอร์โมนมีบทบาทสำคัญต่ออาการของผิวหนังอักเสบเซ็บเดิร์ม โดยเฉพาะช่วงที่ระดับฮอร์โมนแปรปรวน เช่น
- วัยรุ่น ที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเพศ ส่งผลให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากขึ้น
- หญิงตั้งครรภ์ หรือช่วงก่อนมีประจำเดือนที่ระดับฮอร์โมนไม่คงที่ อาจทำให้อาการกำเริบได้ง่าย
- ผู้ที่มีปัญหาฮอร์โมนผิดปกติ เช่น ภาวะไทรอยด์ผิดปกติ หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบฮอร์โมน
การรักษาสมดุลของร่างกาย เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายเป็นประจำ สามารถช่วยลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนได้
วิธีป้องกันไม่ให้อาการเซ็บเดิร์มกำเริบ
แม้ว่าโรคเซ็บเดิร์มจะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่เราสามารถควบคุมอาการไม่ให้กำเริบหรือรุนแรงขึ้นได้ ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสมและหลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นต่างๆ มาดูกันว่าวิธีรักษาเซ็บเดิร์มและการป้องกันที่ถูกต้องจะมีวิธีไหนบ้าง
ดูแลผิวอย่างอ่อนโยน
การทำความสะอาดผิวเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แต่หากเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่รุนแรงเกินไปก็อาจทำให้ผิวแห้ง ระคายเคือง และกระตุ้นให้อาการเซ็บเดิร์มกำเริบได้ หลักการดูแลผิวที่ถูกต้องคือเน้นความอ่อนโยนและลดการทำร้ายผิวโดยไม่จำเป็น เช่น
- ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าหรือแชมพูสูตรอ่อนโยน ปราศจากน้ำหอม แอลกอฮอล์ และสารระคายเคือง
- ล้างหน้าวันละ 1-2 ครั้ง ไม่ควรล้างบ่อยเกินไป เพราะอาจทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
- หลีกเลี่ยงการขัดผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีเม็ดสครับ เพราะอาจทำให้ผิวหนังอักเสบมากขึ้น
- หากเป็นเซ็บเดิร์มที่หนังศีรษะ ให้เลือกใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของ Ketoconazole, Zinc Pyrithione หรือ Salicylic Acid เพื่อช่วยควบคุมเชื้อราและลดการอักเสบ
ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
แม้ว่าเซ็บเดิร์มมักเกิดในบริเวณที่มีความมันสูง แต่ไม่ได้แปลว่าผิวจะไม่ต้องการความชุ่มชื้น การเติมน้ำให้ผิวอย่างเหมาะสม จะช่วยลดการระคายเคืองและทำให้เกราะป้องกันผิวแข็งแรงขึ้น โดยเลือกใช้ครีมบำรุงสำหรับเซ็บเดิร์มหรือมอยส์เจอไรเซอร์ที่ไม่มีน้ำหอมและสารก่อการระคายเคือง เช่น เซราไมด์ (Ceramide) หรือ ไนอาซินาไมด์ (Niacinamide) หากอากาศแห้งมาก ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์เนื้อครีมหรือบาล์มเพื่อช่วยล็อกความชุ่มชื้น รวมไปถึงต้องดื่มน้ำให้เพียงพอในแต่ละวัน เพื่อให้ผิวมีความชุ่มชื้นจากภายในสู่ภายนอก
หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้อาการกำเริบ
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม และสารเคมีแรงๆ
- หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารบางชนิด เช่น ของทอด ของมัน นมวัว อาหารแปรรูป หรือแอลกอฮอล์ เพราะอาจกระตุ้นการอักเสบในร่างกาย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใบหน้าหรือเกาหนังศีรษะบ่อยๆ เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองและกระตุ้นการอักเสบได้
- สังเกตสภาพอากาศในแต่ละวัน หากอากาศแห้งหรือหนาวเกินไปควรเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เป็นประจำ หรือหากวันไหนที่มีอากาศร้อนชื้น ควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดความมันและไม่ทำให้ผิวระคายเคือง
ลดความเครียดและปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต
ความเครียดเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญที่ทำให้อาการเซ็บเดิร์มแย่ลง ดังนั้น การดูแลสุขภาพจิตควบคู่ไปกับสุขภาพผิวจึงเป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้
- พักผ่อนให้เพียงพอ นอนหลับวันละ 7-8 ชั่วโมง เพื่อลดความเครียดและช่วยให้ผิวฟื้นฟูได้ดีขึ้น
- ออกกำลังกายเป็นประจำ ช่วยลดความเครียดและกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
- ฝึกทำกิจกรรมที่ช่วยผ่อนคลาย เช่น สมาธิ โยคะ อ่านหนังสือ หรือฟังเพลงที่ชอบ
- หากรู้สึกเครียดมาก อาจลองฝึกเทคนิคการหายใจลึกๆ (Deep Breathing) เพื่อลดความวิตกกังวล
ปรึกษาแพทย์เมื่ออาการรุนแรง
หากลองดูแลตัวเองแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้น หรือกลับมากำเริบบ่อยๆ ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม โดยแพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาหรือครีมบำรุงสำหรับเซ็บเดิร์มโดยเฉพาะ เช่น
- ยาทาสเตียรอยด์สำหรับอาการอักเสบที่รุนแรง
- ยาทาฆ่าเชื้อรา เช่น Ketoconazole หรือ Ciclopirox
- ยากลุ่ม Calcineurin Inhibitors เช่น Tacrolimus หรือ Pimecrolimus ซึ่งช่วยลดการอักเสบโดยไม่ทำให้ผิวบาง
- ในบางกรณีที่อาการรุนแรงมาก อาจต้องใช้ยารับประทานที่ช่วยควบคุมการอักเสบของผิวหนัง
ข้อสรุป
แม้ว่าโรคเซ็บเดิร์มจะเป็นโรคที่ไม่ส่งผลอันตรายอะไรมากนัก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรปล่อยให้มากวนใจจนกระทบกับการใช้ชีวิต หากเรารู้จักปัจจัยกระตุ้นและวิธีรักษาเซ็บเดิร์มอย่างถูกต้อง ก็สามารถควบคุมอาการไม่ให้กำเริบหนักขึ้นได้ สิ่งสำคัญคือการสังเกตร่างกายของตัวเองว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นให้ผิวแย่ลง และหาวิธีดูแลที่เหมาะกับเรา เพราะแต่ละคนอาจมีปัจจัยที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ การดูแลสุขภาพกายและใจไปพร้อมกัน ก็เป็นอีกหนึ่งกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผิวแข็งแรงขึ้นได้