อายุเพิ่มขึ้น ใบหน้าหย่อนคล้อย

เมื่ออายุเพิ่มขึ้น หนึ่งในสาเหตุของใบหน้าหย่อนคล้อย?

Contents hide

เมื่ออายุมากขึ้นเคยสังเกตตัวเองบ้างหรือไม่ว่า สิ่งที่ปรากฏบนใบหน้าคุณตอนนี้มีลักษณะเหล่านี้หรือไม่ เช่น รอยย่นบนหน้าผาก หนังตาตก ร่องใต้ตาชัด มีร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย มุมปากตก ไขมันเริ่มเคลื่อนตัวมากองอยู่บริเวณคางและเหนียงจนกรอบหน้าไม่ชัด เป็นต้น

วันนี้หมอจะอธิบายถึงสาเหตุของผิวหน้าและแก้มหย่อนคล้อย ว่าทำไมเมื่ออายุเราเยอะขึ้น ผิวหน้าจึงหย่อนยาน โดยเฉพาะแก้มหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร ลักษณะเป็นอย่างไร และวิธีแก้ปัญหาแก้มห้อยแก้มย้อยต้องทำอะไรบ้าง ไปทำความเข้าใจพร้อมกันในบทความนี้

พบแพทย์เพื่อตรวจประเมิณใบหน้า

แก้มย้อย แก้มห้อยแก้มหย่อนคล้อยเกิดจากอะไร

ใบหน้าของเราจะเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมายเมื่ออายุเพิ่มขึ้น โดยปัญหาที่พบได้อย่างเด่นชัดไม่ว่าผู้หญิงหรือผู้ชาย คือ ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย ผิวหน้าเริ่มไม่กระชับ ทำให้กรอบหน้าไม่ชัดกลายเป็น U-Shape แก้มห้อยแก้มย้อยไปตามแรงโน้มถ่วง ซึ่งหมอได้สรุปสาเหตุที่ทำให้แก้มหย่อนคล้อยไว้ดังนี้

กระดูกบางตัวลง

แก้มหย่อนคล้อยเกิดจากกระดูกใบหน้าบางลง เพราะกระดูกใบหน้าเป็นตัวกำหนดรูปหน้าของเรา แต่เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระดูกใบหน้าจะเริ่มฝ่อและสลายไป ทำให้ขนาดกระดูกใบหน้าเล็กและบางลง จึงส่งผลให้เอ็นที่ทำหน้าที่ยึดกระดูกกับผิวหน้าไว้ (Facial Ligament) หย่อนยานไม่ตึงกระชับเหมือนเดิม ผิวหน้าที่เคยตึงกระชับ เพราะได้รับการดึงจากเส้นเอ็นก็ตกตามแรงโน้มถ่วง จนกลายเป็นแก้มห้อยแก้มย้อยในที่สุด

คอลลาเจนในชั้นผิวคลายตัว

อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อยคงหนีไม่พ้น การเสื่อมสภาพลงของคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ เพราะเมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น กระบวนการผลิตคอลลาเจนจะทำได้น้อยลง อีกทั้งคอลลาเจนที่มีอยู่เดิมก็เริ่มเสื่อมสลายลงไปตามกาลเวลา ทำให้โครงสร้างผิวหน้าสูญเสียเส้นใยที่ช่วยตึงกระชับผิวและขาดความยืดหยุ่น จึงทำให้เกิดริ้วรอย ใบหน้ามีความหย่อนคล้อย จนแก้มห้อยย้อย และเกิดร่องแก้มลึก 

ทั้งนี้ การเสื่อมสภาพของคอลลาเจนยังมีปัจจัยอื่นนอกจากอายุ นั่นคือ แสงแดด มลภาวะ ฝุ่นละออง ควันพิษ ความเครียด การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งหากใครที่ประสบกับปัจจัยเหล่านี้เป็นประจำก็อาจทำให้หน้าย่นก่อนวัยได้ โดยผลที่ตามมาของหน้าย่นก่อนวัย ก็คือ ผิวหน้าจะหย่อนยานและมีแก้มห้อยหย่อนคล้อยนั่นเอง

มีการเลื่อนตัวหรือเคลื่อนตัวของไขมันใต้ผิว

เมื่ออายุมากขึ้น ไขมันใต้ชั้นผิวหนังบริเวณใบหน้าจะสลายหายไปบางส่วน จนกลายเป็นร่องแก้มลึก อีกทั้งไขมันที่เหลืออยู่ยังเคลื่อนตัวลงมาสะสมบริเวณด้านล่างของใบหน้า ทำให้รูปร่างโครงหน้ากลายเป็นตัว U มีแก้มห้อยหย่อนคล้อย จนส่งผลให้กรอบหน้าไม่ชัด

แบบไหนที่เรียกว่าแก้มหย่อนคล้อย

จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองเริ่มมีแก้มหย่อนคล้อยแล้ว หมออยากให้ทุกคนลองสังเกตใบหน้าของตัวเองว่ามีสัญญาณดังต่อไปนี้หรือไม่ โดยดูตัวอย่างจากเคสนี้นะคะ

  1. โครงหน้าเริ่มเป็นรูปตัว U หรือ U-Shape จนทำให้กรอบหน้าบริเวณลำคอหายไป
  2. บริเวณแก้มส่วนบนจะเห็นเป็นร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย และเห็นร่องใต้ตาชัดเจน
  3. ผิวหน้าบริเวณแก้มส่วนล่างเริ่มหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น จนทำให้ผิวโหนกแก้มห้อย 
  4. เกิดร่องแก้มลึกบริเวณกลีบจมูกและมุมปาก
  5. เกิดร่องน้ำหมาก บริเวณมุมปากลากยาวจนถึงคาง
  6. เห็นเหนียงชัดเจนขึ้น หรือมีเหนียงสองชั้น
ปัญหาใบหน้าที่หย่อนคล้อย

หากใครมีสัญญาณเหล่านี้ตามที่หมอบอกมา แสดงว่าใบหน้าของคุณมีแก้มหย่อนคล้อย โดยมีสาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้นนั่นเอง ทว่าไม่ต้องกังวลไป หมอมีวิธีแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อยและวิธีรักษาแก้มห้อยย้อยเหล่านี้ ซึ่งหมอจะอธิบายในหัวข้อถัดไป


วิธีการแก้ไขปัญหาการหย่อนคล้อยบนใบหน้า

หากใครที่ต้องการแก้ปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย โดยเฉพาะปัญหาแก้มห้อย หรือร่องแก้มลึก ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีทางการแพทย์ให้เราได้เลือกรักษา โดยหมอแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  1. การยกกระชับผิวหน้าแบบผ่าตัด คือ การผ่าตัดเพื่อแก้ปัญหาแก้มห้อยหย่อนคล้อย 

ด้วยการตัดแต่งกล้ามเนื้อและไขมันใต้ชั้นผิวหนังให้เคลื่อนตัวกลับไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม ข้อดีของวิธีนี้ คือ การทำให้หน้าเด็กลงทันทีภายใน 2 เดือนหลังการผ่าตัด และจะคงผลลัพธ์นานถึง 5 ปี แต่ข้อเสีย คือ ต้องนอนพักฟื้นและมีความเสี่ยงหลังผ่าตัด โดยบางรายอาจเกิดอาการบวมช้ำ หรือภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ภาวะเลือดคั่ง เส้นประสาทบาดเจ็บ เป็นต้น

  1. การยกกระชับหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด คือ 

การยกกระชับแก้มหย่อนคล้อยด้วยเข็มหรือการฉายคลื่นเลเซอร์ เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวหนังแท้ เป็นวิธีการทำให้หน้าเด็กลงโดยไม่ต้องพักฟื้นร่างกาย ซึ่งวิธียกกระชับหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัดจะช่วยเร่งร่างกายให้ฟื้นฟูตัวเองเร็วกว่าปกติ ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ได้จึงมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และปลอดภัย

สำหรับวันนี้หมอขอแนะนำวิธีแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยแบบไม่ต้องผ่าตัดหลัก ๆ 2 วิธี ได้แก่ ‘การทำ HIFU’ และ ‘การร้อยไหม’ เนื่องจากเป็นวิธีที่ปลอดภัย ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังไม่ต้องนอนพักฟื้น ซึ่งเหมาะสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบัน โดยหมอจะเจาะลึกในทั้งสองวิธีนี้ในหัวข้อต่อไป

 


HIFU ช่วยรักษาความหย่อนคล้อยได้อย่างไร

HIFU หรือ High Intensity Focused Ultrasound เป็นวิธีรักษาปัญหาแก้มหย่อนคล้อยที่ใช้หลักการทำงานของคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ โดยหมอจะยิงคลื่นเสียงอัลตราซาวด์เข้าสู่ผิวหนังชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเนื้อเยื่อพังผืดที่ห่อหุ้มกล้ามเนื้อใบหน้า 

เมื่อคลื่นเสียงเข้าไปยังชั้นผิวหนังจะถูกเปลี่ยนเป็นพลังงานความร้อน เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินขึ้นใหม่ในชั้นผิวหนัง ทำให้ผิวหนังบนใบหน้ามีเส้นใยเชื่อมโยงประสานกัน ส่งผลให้แก้มหย่อนคล้อยแลดูกระชับขึ้น ร่องแก้มลึกที่เคยมีก็ถูกยึดโยงให้สมานกัน ทำให้ร่องตื้นขึ้นและจางหายไปในที่สุด

ข้อดีของHIFU

ตามปกติแล้ว หมอจะแนะนำการทำ HIFU ให้แก่ผู้ที่ปัญหาแก้มห้อย แก้มหย่อนคล้อย ผิวหน้าไม่กระชับ มีร่องแก้มลึก และกรอบหน้าไม่ชัดเจน รวมถึงผู้ที่ต้องการฟื้นฟูผิวหน้าด้วย โดยการทำ HIFU เพื่อยกกระชับหน้ามีข้อดีดังนี้

  1. ใช้เวลารักษาไม่นาน และเป็นวิธีการทำให้หน้าเด็กโดยไม่ต้องผ่าตัดและพักฟื้น
  2. ไม่มีผลข้างเคียง ไม่เจ็บ ไม่บวม ไม่เกิดการอักเสบ ผิวหนังโดยรอบไม่ได้รับความเสียหายจากคลื่นอัลตราซาวด์
  3. แก้ไขปัญหาแก้มหย่อนคล้อยได้ตรงจุด เพราะเป็นเม็ดคลื่นที่เรียงต่อกัน ทำให้พลังงานคลื่นกระจายได้ทั่วบริเวณที่ต้องการรักษา
  4. เห็นผลทันที 20-30% ตั้งแต่ทำครั้งแรก และจะเห็นผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป 1-2 เดือน ซึ่งผลลัพธ์นี้จะคงอยู่ได้นานถึง 6 เดือนถึง 1 ปีเลยทีเดียว 
การทำ HIFU
รีวิวการทำยกกระชับใบหน้า
รีวิว HIFU

ร้อยไหมช่วยลดความหย่อนคล้อยได้อย่างไร

ร้อยไหม (Thread Lift) เป็นวิธียกกระชับแก้มห้อยหย่อนคล้อยด้วยการใช้ไหมละลายร้อยเข้าใต้ผิวหนัง โดยหมอจะสอดเส้นไหมบริเวณแก้ม แนวกราม หรือขากรรไกร เพื่อให้เงี่ยงของเส้นไหมช่วยยึดเนื้อเยื่อกับผิวหน้า ทำให้แก้มที่เคยหย่อนคล้อยกระชับและเข้ารูปหน้ามากขึ้น นอกจากนี้เงี่ยงไหมยังกระตุ้นการผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้ากระชับ เติมร่องแก้มลึกให้หายไป

ข้อดีของร้อยไหม

ส่วนใหญ่หมอจะแนะนำวิธีร้อยไหมให้แก่ผู้ที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย จากสาเหตุกระดูกบางตัวลงหรือไขมันเคลื่อนตัว และผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เป็น V-Shape ซึ่งข้อดีของการร้อยไหม ได้แก่

  1. เห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันทีหลังทำ และประสิทธิภาพของผลลัพธ์จะคงอยู่ได้นาน 1-3 ปี
  2. เป็นวิธีการทำให้หน้าเด็กโดยไม่ต้องผ่าตัดและไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ทันที
  3. มีผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยช้ำ รอยบวม หรือรอยแดงบริเวณที่สอดไหม เป็นต้น ซึ่งอาการเหล่านี้จะหายไปเองภายใน 1-2 สัปดาห์ 
  4. แก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยและกรอบหน้าไม่ชัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเงี่ยงไหมสามารถยึดโยงเนื้อเยื่อผิวหน้าให้กระชับเข้ารูปได้พอ ๆ กับการผ่าตัดยกกระชับหน้า แต่มีปลอดภัยและมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
การร้อยไหมยกกระชับ
รีวิวการร้อยไหม
รีวิวการร้อยไหม ใบหน้าหย่อนคล้อย

วิธีการแก้ไขปัญหาหน้าหย่อนคล้อย ด้วยHIFU และ ร้อยไหม ต่างกันอย่างไร

แม้ว่า HIFU และ ร้อยไหม จะสามารถรักษาแก้มห้อยหย่อนคล้อยให้ดูกระชับขึ้นได้ทั้งคู่ แต่ทั้งสองมีหลักการทำงานที่แตกต่างกัน ดังนี้

HIFU เหมาะสำหรับเคสที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย  โดยมีสาเหตุมาจากการเสื่อมสภาพของคอลลาเจน เลยต้องการกระตุ้นให้คอลลาเจนผลิตขึ้นใหม่ ดังนั้น HIFU จึงเหมาะกับคนอายุ 20-35 ปี สามารถปัญหาแก้มหย่อนคล้อยที่เคยมีจะกระชับขึ้น 20-30% หลังทำครั้งแรก และผลลัพธ์ปรากฏเต็มที่เมื่อผ่านไป 1-2 เดือน โดยผลลัพธ์นี้จะอยู่ได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลตัวเองและพฤติกรรมการใช้ชีวิต 

ส่วนร้อยไหมจะเหมาะกับคนอายุ 35 ปีขึ้นไป เพราะคนที่อายุมากจะมีปัญหาแก้มหย่อนคล้อยจากกระดูกที่บางตัวลง หรือไขมันที่เคลื่อนตัวลงมาสะสมบริเวณคาง ทำให้โครงหน้าเป็นรูปตัว U โดยการร้อยไหมสามารถเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนได้ทันทีหลังทำ ซึ่งผลลัพธ์นั้นจะคงสภาพได้นาน 1-2 ปี ขึ้นอยู่กับการดูตัวเองและพฤติกรรมการใช้ชีวิตด้วยเช่นกัน  


การรักษาปัญหาแก้มหย่อนคล้อยสามารถทำร่วมกับโปรแกรมอื่นเพื่อให้ดูอ่อนกว่าวัยได้หรือไหม

นอกจากวิธีการรักษาแก้มห้อยหย่อนคล้อย ด้วยการทำ HIFU และร้อยไหมที่หมอพูดไปข้างต้นแล้ว ผู้รักษาสามารถใช้โปรแกรมกระชับหน้าอื่น ๆ ร่วมด้วยได้ เพื่อโครงหน้าที่กระชับสวยเป็น V-Shape และแลดูอ่อนกว่าวัย ซึ่งหมอแนะนำ 2 วิธีเสริม ได้แก่

Botox ลดริ้วรอย และ Botox ลดกราม 

สำหรับคนที่มีปัญหากรอบหน้าไม่ชัดเจน รูปหน้าเป็นตัว U แต่ต้องการทำให้หน้าเด็กเป็น V-Shape อีกทั้งยังมีริ้วรอยและร่องแก้มลึก สามารถฉีดโบท็อกลดกรามและโบท็อกริ้วรอยร่วมด้วยได้ 

หมอจะใช้โบท็อกลดกราม เพื่อช่วยลดขนาดของกล้ามเนื้อกรามและดึงผิวหน้าให้กระชับ ทำให้แก้มหย่อนคล้อยหายไป กรอบหน้าดูคมชัดมีมิติขึ้น ส่วนโบท็อกริ้วรอย หมอใช้ฉีดเพื่อตรึงกล้ามเนื้อผิวหน้าไม่ให้ขยับ ทำให้ไม่เกิดริ้วรอยหรือร่องแก้มลึกขึ้นอีก

ฟิลเลอร์

สำหรับใครที่มีปัญหาแก้มหย่อนคล้อย โดยมีสาเหตุมาจากกระดูกหน้าบางหรือไขมันเคลื่อนตัว เมื่อร้อยไหมแล้ว ผู้รักษาสามารถฉีดฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มผิวหน้าที่เป็นร่องแก้มลึกหรือริ้วรอยให้ดูอิ่มฟูธรรมชาติได้ ซึ่งส่วนใหญ่หมอจะฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มบริเวณร่องใต้ตา ร่องปีกจมูก ร่องแก้ม และร่องมุมปากเพื่อให้ใบหน้าดูเต็มอิ่ม อีกทั้งยังฉีดเพื่อกระชับผิวหน้าให้เต่งตึงอ่อนเยาว์ด้วย


การดูแลหลังรักษาปัญหาแก้มหย่อนคล้อย

แม้การทำ HIFU และ ร้อยไหมจะสามารถแก้ปัญหาแก้มหย่อนคล้อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่หากผู้รักษาอยากให้ผลลัพธ์หลังจากทำ HIFU หรือ ร้อยไหมคงอยู่ไปนาน ๆ หมอแนะนำให้ดูแลตัวเองอย่างเคร่งครัด ดังนี้

วิธีดูแลหลังทำ HIFU

HIFU เป็นวิธีรักษาแก้มหย่อนคล้อยด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ ซึ่งแม้จะไม่มีผลข้างเคียงแต่หมอแนะนำให้ปฏิบัติตัวดังนี้

  1. ควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF สูง หลังทำ HIFU เพื่อป้องกันรังสี UV ทำลายคอลลาเจน
  2. หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้คอลลาเจนได้ฟื้นตัวและทำงานเต็มที่
  3. งดสูบบุหรี่หรือดื่มแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้คอลลาเจนที่กระตุ้นมาเสื่อมลงได้
  4. หลีกเลี่ยงการถูใบหน้าแรง ๆ เพื่อป้องกันคอลลาเจนสลายตัว

 วิธีดูแลหลังทำร้อยไหม

เนื่องจากการร้อยไหมเป็นหัตถการรักษาแก้มห้อยหย่อนคล้อยด้วยเข็ม จึงทำให้มีอาการบวมช้ำจากเข็มเล็กน้อย และเส้นไหมที่สอดเข้าใต้ผิวหนังก็อาจจะยังไม่เข้าที่เท่าไหร่นัก หมอเลยแนะนำให้ปฏิบัติตัวดังนี้

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสหน้า โดยห้ามแกะ เกา หรือนวด บริเวณที่ร้อยไหม 2-3 วัน
  2. ห้ามทำเลเซอร์ อบซาวหน้า หรือหัตถการที่ให้ความร้อน หลังร้อยไหม 2 เดือน
  3. หากมีอาการปวดหลังร้อยไหม หมอจะให้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ
  4. หลีกเลี่ยงการขยับใบหน้าแรง ๆ 3 วันหลังร้อยไหม เพื่อไม่ให้ไหมเคลื่อนตัวผิดรูป
  5. หากมีอาการผิดปกติ รู้สึกปวดหรือเจ็บมากบริเวณที่ร้อยไหม ควรพบแพทย์ทันที

ข้อสรุป

แก้มหย่อนคล้อยเป็นปัญหาที่คนอายุมากขึ้นทุกคนต้องเจอ ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีทางการแพทย์ โดยหมอแนะนำวิธีรักษาแก้มหย่อนคล้อยด้วยการยกกระชับผิวหน้าแบบไม่ต้องผ่าตัด เช่น การทำ HIFU หรือร้อยไหม เป็นต้น เนื่องจากมีความปลอดภัย ให้ผลลัพธ์รวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และไม่ต้องพักฟื้น

ทั้งนี้ หากใครอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับทำ HIFU หรือ ร้อยไหม เพื่อแก้ไขปัญหาร่องแก้มลึก แก้มหย่อนคล้อย สามารถแอดไลน์ @ayaclinic หรือโทรศัพท์ 090-970-0447 เพื่อพูดคุยกับหมอได้โดยตรง ไม่เสียค่าใช้จ่าย


เอกสารอ้างอิง

Jennifer Huizen. (2018). How to get rid of jowls. Retrieve from https://www.medicalnewstoday.com/articles/320809 

Tim Jewell. (2017). Jowls: Why It Happens and What You Can Do. Retrieve from