กระเนื้อและกระน้ำตาลคืออะไร สามารถรักษาด้วยหัตถการใดได้บ้าง?
กระเนื้อและกระน้ำตาล เป็นอีกหนึ่งปัญหาผิวที่กวนใจใครหลายคน ซึ่งสาเหตุการเกิดขึ้นของกระทั้ง 2 ประเภทนี้มีมาจากหลายสาเหตุด้วยกัน เช่น เกิดจากการผิดปกติของผิวหนังส่วนบน, อายุที่มากขึ้น หรือผิวโดนทำร้ายจากรังสียูวี ทั้งกระเนื้อและกระน้ำตาล สามารถพบได้ทุกส่วนบนร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า แต่จะมีวิธีการรักษาที่แตกต่างกันออกไป ในบทความนี้เราจึงจะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับกระเนื้อและกระน้ำตาลว่ามีสาเหตุเกิดมาจากอะไร และสามารถรักษาด้วยวิธีใดได้บ้าง
กระเนื้อ คืออะไร?
กระเนื้อ (Sebborheic keratosis) เกิดจากความผิดปกติของผิวหนังส่วนบน มีลักษณะเป็นติ่งเนื้อหรือตุ่มสีดำหรือสีน้ำตาล เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกขรุขระ หรือมีติ่งเนื้อนูนออกมาจากผิวหนัง มีขนาดตั้งแต่เป็นจุดเล็กๆ ไปจนถึงติ่งเนื้อขนาดใหญ่ สามารถพบได้ทุกส่วนบริเวณบนร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น หลัง หน้าอก ลำคอ หรือแม้แต่บริเวณใบหน้า ส่วนมากกระเนื้อมักจะเกิดกับบุคคลวัยกลางคน เกิดจากพันธุกรรม และกับคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์หรือหลังคลอดจะพบมากเป็นพิเศษ
กระเนื้อ อันตรายหรือไม่?
หลายคนกังวลว่ากระเนื้อ จะเป็นตัวที่ก่อให้เกิดมะเร็งหรือเนื้องอก แต่ในความเป็นจริงแล้วกระเนื้อไม่ได้เป็นอันตราย แต่ถ้าหากถูกเกาอย่างรุนแรง ก็อาจจะทำให้เกิดเลือดออกได้ แต่ส่วนมากแล้วผู้ที่เป็นกระเนื้อมักจะกังวลในเรื่องของความสวยงามมากกว่า จึงนิยมกำจัดออก
กระเนื้อ สามารถรักษาได้อย่างไร?
สำหรับวิธีการกำจัดและรักษากระเนื้อ สามารถทำได้โดยวิธีการเลเซอร์ โดยแพทย์จะใช้เครื่องเลเซอร์ชนิด CO2 laser หรือ คาร์บอนไดออกไซด์เลเซอร์ ที่มีคลื่นความยาว 10,600 นาโนเมตร ใช้สำหรับกำจัดกระเนื้อ ติ่งเนื้อ ไฝ หรือสิวอุดตันโดยตรง เป็นเลเซอร์ที่มีความปลอดภัยและมีความแม่นยำสูง จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับผิวหนังโดยรอบ หลังทำการรักษา ไม่ควรให้ผิวหนังบริเวณที่เลเซอร์สัมผัสกับน้ำโดยตรง โดยกระเนื้อจะหลุดออกไปในระยะเวลาประมาณ 5-7 วันหลังแผลตกสะเก็ด เมื่อกระเนื้อหลุดออกแล้ว ก็สามารถล้างหน้าและกลับมาแต่งหน้าได้ตามปกติ
กระน้ำตาล คืออะไร?
กระน้ำตาล (Freckles) เป็นกระที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกช่วงวัยตั้งแต่วัยเด็ก มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเรียบไปกับผิว เมื่อสัมผัสแล้วจะไม่รู้สึกขรุขระเหมือนกระเนื้อ สำหรับกระน้ำตาล จะมีสีเข้มขึ้นเมื่อสัมผัสกับแสงแดด และจะจางลงเมื่ออยู่ในที่ร่ม หลายคนมองว่ากระชนิดนี้มีความสวยงามและเป็นธรรมชาติ แต่หลายคนก็ต้องการจำกัดออก ซึ่งก็สามารถทำให้จางลงได้ แต่จะไม่สามารถกำจัดออกไปได้อย่างถาวร
กระน้ำตาล สามารถรักษาได้อย่างไร?
การรักษากระน้ำตาล จะไม่สามารถกำจัดออกไปได้อย่างถาวร แต่สามารถทำให้จางลงได้ด้วยการทาครีมบำรุงที่มีส่วนผสมของ whitening หรือทำหัตถการเลเซอร์ในกลุ่ม Q- switched Nd Yag เพื่อทำลายเซลล์เม็ดสีเมลานินส่วนเกิน ซึ่งแพทย์แนะนำให้ทำต่อเนื่องทุก 2 สัปดาห์ เพื่อให้เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน สำหรับการเลเซอร์ด้วย Q- switched Nd Yag เพื่อรักษากระน้ำตาล ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น ไม่รู้สึกเจ็บ จึงสามารถแต่งหน้าและล้างหน้าได้ตามปกติ ที่สำคัญควรทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 50+ ขึ้นไป เพื่อป้องกันไม่ให้แสงแดดมากระตุ้นการเกิดกระน้ำตาล
ลักษณะเด่นของกระเนื้อและกระน้ำตาล แตกต่างกันอย่างไร
กระเนื้อ : จะมีลักษณะเป็นตุ่มแบนหรือติ่งเนื้อนูนออกมา สาเหตุเกิดมาจากการที่ผิวหนังโดนแสงแดดอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนาน
กระน้ำตาล : มีลักษณะเป็นจุดสีน้ำตาลเล็กๆ มักพบบริเวณที่สัมผัสแดดมาก เกิดจากการสัมผัสแสงแดดเป็นเวลานาน หรือสามารถเกิดจากพันธุกรรมได้
วิธีการรักษากระเนื้อและกระน้ำตาล รักษาต่างกันอย่างไร
การรักษากระเนื้อ : จะใช้วิธีการรักษาโดย เครื่องเลเซอร์ชนิด CO2 laser ซึ่งเป็นเครื่องเลเซอร์สำหรับกำจัดกระเนื้อ ไฝ สิวหิน ติ่งเนื้อ หรือขี้แมลงวันโดยเฉพาะ โดยกลไกการทำงาน จะเข้าไปตัดเนื้อเยื่อส่วนเกินออกมาเฉพาะจุด จึงไม่สามารถใช้กำจัดกระสีน้ำตาลได้
การรักษากระน้ำตาล : จะใช้วิธีการรักษาโดยการ เลเซอร์ในกลุ่ม Q- switched Nd Yag เป็นเครื่องเลเซอร์ที่เข้าไปทำลายเม็ดสีเมลานินส่วนเกิน ทำให้ฝ้ากระจางหายไป จึงไม่สามารถใช้กำจัดกระเนื้อ หรือติ่งเนื้อที่นูนออกมาได้
ข้อสรุป
ทั้งกระเนื้อและกระน้ำตาล ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผิวหนัง แต่อาจสร้างปัญหากวนใจและส่งผล กระทบต่อการแต่งหน้า จึงสามารถรักษาได้ด้วยหัตถการเลเซอร์ อย่างไรก็ตาม ควรเข้ารับการรักษาและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังโดยเฉพาะ เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจจะตามมา และสำหรับใครที่กำลังมองหาว่าจะไปทำเลเซอร์หน้าใสที่ไหนดี สามารถปรึกษาเบื้องต้นได้เลยค่ะ