ฉีดแฟตกี่วันเห็นผล ทำอย่างไรให้ เมโสแฟตอยู่ได้นานๆ
ไขมันส่วนเกินบนใบหน้าบางจุดไม่ว่าจะเป็นเหนียงใต้คาง แก้ม ต้นขาหรือต้นแขน ที่ออกกำลังกายเท่าไรก็ไม่สวยได้สัดส่วนสักที เหนื่อยไม่เท่าไร แต่เหนื่อยแล้วไม่ได้ผลอาการท้อก็ตามมา การมีตัวช่วยอย่าง เมโสแฟตสำหรับความสวยเป๊ะของใบหน้า หรือส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่มีไขมันนั้น สามารถปรับให้ได้สัดส่วน ในระยะเวลาที่เราสามารถกำหนดได้ หลังจากนั้นถ้าเรามีเทคนิคหลังจากฉีดเมโสแฟตเพื่อรักษาความสวยให้อยู่กับเราได้นาน ก็จะทำให้ปัญหาความสวยที่เรากังวลหมดไป
เมโสแฟต (Meso Fat) คืออะไร
สำหรับเมโสแฟตนั้นเป็นการฉีดสลายไขมันในบริเวณหรือจุดที่เราต้องการปรับสัดส่วนให้เล็กลง ด้วยการนำไขมันในบริเวณนั้นออก ซึ่งเป็นการหัตการที่แพทย์จะช่วยฉีดเมโสแฟตให้เกิดการกระตุ้นในการทำงานของระบบสลายไขมันของร่างกาย ซึ่งไขมันนั้นจะแตกตัวและสลายออกไปทางระบบขับถ่ายไม่ว่าจะเหงื่อ ปัสสาวะหรืออุจจาระ
การฉีดแฟตนั้นจะทำให้รูปหน้ากระชับได้สัดส่วน โดยไม่ต้องผ่าตัด เห็นผลได้ชัดเจนหลังจากจากฉีดเมโสแฟตแล้ว และถ้ามีการดูแลที่ถูกต้อง รูปหน้าหรือสัดส่วนที่เราต้องการนั้นก็จะอยู่กับเราได้นาน
การฉีดเมโสแฟตนั้นเป็นนวัตกรรมสลายไขมันที่จะประกอบไปด้วยยา 4 ประเภทหลัก ได้แก่
- Mesostabyl มีหน้าที่ในการทำไม่ให้เกิดไขมันคลอเรสตอรอลในบริเวณชั้นเนื้อเยื่อตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- L-carnitine มีส่วนช่วยในการสลายไขมันตามจุดต่าง ๆ ที่เราได้ฉีดแฟตเข้าไปให้เปลี่ยนมาเป็นพลังงาน
- Tyrosine นั้นจะมีส่วนที่จะช่วยเร่งระบบเผาพลาญไขมันในร่างกายให้ทำหน้าที่ได้ดียิ่งขึ้น
- Artichoke extract เป็นส่วนสำคัญในการลดการสร้างกรดไขมัน Artichoke extract จะทำให้เกิดการสลายไขมันเฉพาะจุด
ตัวยาที่ได้พูดถึงนี้จะเป็นส่วนที่ทำให้การฉีดเมโสแฟตแล้ว ยังมีตัวยาที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นสารสกัดจากถั่วเหลือง ไข่แดงหรือวิตามินต่าง ๆ นั้น ซึ่งจะอยู่ในกลุ่มของ Phosphatidylcholine, Deoxycholate, Dexpanthenol, L-carnitine, Amino acid หรือ Minerals เมื่อแพทย์ทำการฉีดสารเหล่านี้เข้าไปในผิวหนัง โดยจะฉีดให้ลึกไปถึงชั้นไขมัน ด้วยตัวยาเป็นสารสกัดจากธรรมชาติ ร่างกายก็จะขับออกมาด้วยระบบขับถ่ายตามปกติได้
ฉีดเมโสแฟตกี่วันเห็นผล ?
เมื่อฉีดเมโสแฟตแล้วผลที่เกิดขึ้นก็คือไขมันในบริเวณที่ถูกกระตุ้นนั้นจะเริ่มสลายตัวประมาณ 20 – 30% ของไขมันตั้งต้น เราจะเริ่มเห็นผลที่ชัดเจนขึ้นหลังจากการฉีดสลายไขมันประมาณ 1 อาทิตย์ ถ้าบริเวณที่ฉีดแฟตนั้นมีการสะสมไขมันเป็นจำนวนมาก อาจจะต้องมาฉีดซ้ำ โดยแพทย์จะแนะนำให้ฉีดห่างกัน 14 วัน
การทำเมโสแฟตนั้น จะได้ผลและอยู่นาน กับผู้ที่มีการควบคุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อลดไขมันควบคู่กันไปด้วย จะทำให้เกิดการสะสมไขมันช้าลง แต่ถ้าหลังฉีดไม่ควบคุมอาหารเลย ไขมันก็จะกลับมาสะสมเร็วขึ้น สัดส่วนก็จะกลับมาบวมเหมือนเดิม
เมโสแฟตฉีดบริเวณไหนได้บ้าง
การฉีดโมเสแฟตนั้น ถือว่าเป็นการสลายไขมันในรูปแบบที่ไม่มีผลกระทบกับร่างกาย จึงสามารถฉีดแฟตเพื่อส่วนลดสัดส่วนในบริเวณต่าง ๆ ของร่างกายได้ทั้งหมด โดยเฉพาะที่นิยมกันมาก ก็คือเหนียงใต้คาง ซึ่งเมโสแฟตนั้น ถือเป็นการลดเฉพาะจุดอย่างเร่งด่วน
ฉีดลดแก้ม สำหรับสาว ๆ บางคนที่มีเนื้อบริเวณแก้มเยอะ อยากจะมีรูปหน้าเรียว เพื่อให้หน้าได้สัดส่วนที่ชัดเจนมากขึ้นการฉีดแฟต จะทำให้เนื้อบริเวณแก้มเล็กลง กรอบหน้าเรียวได้รูป
ฉีดลดเหนียง ปัญหาโลกแตกสำหรับสาว ๆ เป็นล้านคนกับเหนียงใต้คางที่ ลดแทบตายยังไง ก็ไม่หายไปสักที การใช้เมโสแฟตเพื่อสลายไขมันเฉพาะจุดจะทำให้ปัญหานี้จบปิ๊งไปได้
ฉีดสลายไขมันหน้าท้อง อีกหนึ่งจุดที่ลดยากมาก ยิ่งเป็นสาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานกับโต๊ะทั้งวัน การลดไขมันหน้าท้องยิ่งทำให้ยากกันไปใหญ่ การมีตัวช่วยเพื่อฉีดสลายไขมัน ให้หน้าท้องแบนเรียบ แต่งตัวได้มั่นใจมากขึ้น
ฉีดสลายไขมันต้นแขน และต้นขา เป็นส่วนที่ทำให้ผู้หญิงเกิดความไม่มั่นใจในการใส่เสื้อผ้าเป็นอย่างมาก ต้นแขนใหญ่ก็ไม่กล้าใส่เสื้อแขนกุด ขาใหญ่ก็ไม่กล้าใส่กระโปรงสั้น การฉีดสลายไขมันเฉพาะจุดจะทำให้ความมั่นใจในสัดส่วนที่ดูดีขึ้นกลับมา
ผลลัพธ์ของการฉีดเมโสแฟตเห็นผลช้าหรือเร็ว แตกต่างกันอย่างไร
ความแตกต่างกันระหว่างบุคคลที่ได้รับการฉีดแฟตนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณการสะสมไขมันของแต่ละคน ที่เราถือว่าเป็นไขมันตั้งต้นนั้นมีมากน้อยแค่ไหน ถ้ามีปริมาณไขมันสะสมอยู่มาก การลดไขมันหลังจากฉีดเมโสแฟตแล้วจะลดไปประมาณ 20 – 30% ถ้ายังมีไขมันเหลืออยู่เยอะ ก็จำเป็นจะต้องมาฉีดซ้ำ ซึ่งควรจะเว้นไปประมาณ 7 – 10 วัน
นอกจากนั้นผลของการเมโสแฟตยังอยู่กับการดูแลตัวเองหลังฉีด ซึ่งแนะนำให้ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เพื่อไม่ให้ไขมันกลับมาสะสมเร็วเกินไป ถ้ามีการดูแลตัวเองหลังจากการฉีดที่ดีพอแล้ว สัดส่วนที่ได้รับการฉีดเพื่อสลายไขมันนั้นจะอยู่กับเราไปนานถึง 3 เดือน
สำหรับผู้ที่เหมาะกับการฉีดแฟตนั้น จะเป็นสาว ๆ ที่ต้องการเห็นผลชัดเจนภายใน 5 – 7 วัน โดยเฉพาะบริเวณที่ต้องการลดเฉพาะจุดอย่างแก้ม เหนียง คาง ต้นขา ต้นแขน
สำหรับผู้ที่ควรระวังหรือห้ามในการฉีดแฟตนั้น ได้แก่หญิงตั้งครรภ์ห้ามเด็ดขาด ส่วนผู้ที่รับยาเป็นปริมาณมาก อยากยาเบาหวาน ความดัน มะเร็ง ควรจะปรึกษาแพทย์ก่อน รวมถึงกลุ่มที่มีประวัติผิวหนังอักเสบได้ง่าย ก็ควรปรึกษาแพทย์ก่อนจะรับการฉีดเมโสแฟต
หลังฉีดเมโสแฟตทำอย่างไรให้อยู่ได้นาน และเห็นผลเร็ว
สำหรับการดูแลตัวเองหลังจากได้ฉีดเมโสแฟตไปแล้ว ควรรับฟังขั้นตอนการแนะนำจากแพทย์ ซึ่งถ้าเราทำตามอยากถูกต้อง ความสวยจะอยู่กับเราได้นานขึ้น
- อันดับแรกควรควบคุมอาหารให้รับประทานได้อย่างเหมาะสม ลดไขมันด้วยการลดอาหารที่มีไขมันในปริมาณมาก ไม่ว่าจะเป็นของทอด ไขมันจากสัตว์ เนื้อติดมัน ของหวาน โซเดียม ซึ่งล้วนแล้วแต่จะทำให้เกิดการสะสมของไขมันในร่างกายมากและรวดเร็ว แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีประโยชน์มีปริมาณไขมันน้อย ไม่ว่าจะเป็นข้าวกล้อง เนื้อสัตว์ที่แนะนำก็พวกตระกูลปลา อกไก่ ผัก อาหารที่ปรุงน้อยเพื่อลดโซเดียมที่จะเข้าสู่ร่างกาย หรือใครจะดูแลเรื่องระยะเวลาในการรับประทานอาหาร เช่น ไม่รับประทานอาหารหลัง 17.00 น. ก็จะทำให้การเพิ่มไขมันในร่างกายน้อยลง
- การออกกำลังกายก็เป็นอีกสิ่งที่ควรปฏิบัติหลังจากฉีดแฟตแล้ว เรื่องออกกำลังกายแบบคาดิโอเพื่อส่วนสลายไขมันให้มากขึ้น อาจจะจัดเวลาวันละ 30 นาที หรือ ให้รวมกันแล้วได้ออกกำลังกายได้ 150 นาทีต่ออาทิตย์ ก็จะทำให้สัดส่วนที่เราทำการสลายไขมันไปอยู่กับเราได้นานขึ้น
- งดแอลกลอฮอล์รวมถึงการสูบบุหรี่ ซึ่งแอลกลอฮอล์นั้นมีส่วนให้ระบบการเผาพลาญของร่างกายแย่ลง ดังนั้นถ้าเรายังดื่มอยู่ การกลับมาของไขมันจะเร็วขึ้น ร่างกายจะกลับมาบวม ไม่สวยอย่างที่เราต้องการ
- การพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายได้เผาพลาญไขมันระหว่างที่เราหลับ การควบคุมน้ำหนักหรือลดน้ำหนักนั้น การพักผ่อนก็มีส่วนเป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากเมโสแฟตแล้ว ถ้าอยากให้ผลลัพธ์ดี ก็ควรจะจัดสรรเวลาการนอนหลับให้เหมาะสมที่ 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน
- การดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตรเพื่อช่วยกระตุ้นการขับไขมันออกจากร่างกาย หลังจากที่เราฉีดเมโสแฟตเข้าไปแล้ว การกระตุ้นการสลายไขมันออกจากร่างกายด้วยระบบขับถ่ายจะทำงานได้ดียิ่งขึ้น
ฉีดเมโสแฟตแล้วไม่เห็นผลเกิดจากอะไร
สำหรับใครที่ทำเมโสแฟตแล้วไม่เห็นผลที่ต่างจากเดิม ยังมีไขมันเกาะอยู่ในบริเวณที่ฉีด สัดส่วนไม่กระชับ รูปหน้าไม่เรียว แก้วยังป่อง เหนียงยังมี ต้องลองดูจากสาเหตุ ดังนี้
- ปริมาณของไขมันแต่บุคคลที่แตกต่างกัน ด้วยปริมาณไขมันที่สะสมของแต่ละคนที่ไม่เท่ากันทำให้การฉีดแฟตเพื่อเข้าไปกระตุ้นการสลายไขมันนั้น จะได้ผลที่แตกต่าง ใครที่มีไขมันสะสมอยู่มาก การฉีดเพียงครั้งเดียวอาจจะไม่เห็นผลชัดเจน ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่เกี่ยวกับอ้วนหรือผอมด้วย ขึ้นอยู่กับไขมันของแต่ละคนที่มีในร่างกายเป็นหลัก
- ปริมาณการใช้ยาที่อาจจะไม่เหมาะสมกับไขมัน การเลือกใช้ยาสำหรับการฉีดแฟตนั้นก็ส่งผลที่แตกต่างด้วยเช่นกัน ซึ่งแพทย์ที่จะใช้ยาแต่ละประเภทให้เหมาะสมจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาขั้นตอนมาแล้วเป็นอย่างดี ซึ่งการเลือกแพทย์ในการดูแลการทำเมโสแฟต จึงควรเลือกที่เป็นแพทย์เฉพาะทางที่น่าเชื่อถือ
- ความถี่ในการฉีดเมโสแฟตในแต่ละครั้ง ความถี่ของการฉีดเมโสแฟตนั้นก็มีส่วนต่อผลที่เราจะได้รับเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าเรามีไขมันที่สะสมอยู่มาก แล้วมีระยะเวลาในการเว้นฉีดแต่ละครั้งนานเกินไป ก็จะทำให้ปริมาณไขมันในบริเวณที่ฉีดถูกกำจัดออกไปไม่มากพอ ผลลัพธ์ที่เราอยากได้จึงไม่เป็นเป็นตามที่หวัง
โดยจำนวนครั้งและความถี่ในการฉีดแฟตที่จะทำให้เห็นผลได้ชัดเจน ควรจะฉีด 2 – 10 ครั้ง มีระยะห่างแต่ละครั้งอยู่ที่ 7 – 10 วัน หากเราทิ้งระยะและไม่มีความต่อเนื่อง ผลของการสลายไขมันในจุดที่เราต้องการอาจจะไม่เกิดขึ้นหรือเกิดขึ้นน้อย - คุณภาพของตัวยาที่ไม่ได้มาตราฐาน อันนี้ก็เป็นเรื่องที่สำคัญมาก ด้วยตัวยาที่อยู่ในตลาดนั้นมีหลากหลาย ต่างกันตามคุณภาพ ถ้าเราได้รับตัวยาที่คุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่คุ้มเสีย ทำให้ไม่ได้สัดส่วน ความสวยที่ตั้งใจก็ไม่ได้เช่นเดียวกัน
ข้อสรุป
การฉีดแฟตนั้น เป็นกระชับสัดส่วนโดยใช้ระยะเวลาไม่นาน ไม่ต้องผ่าตัด ไม่มีผลกระทบต่อร่างกาย สามารถฉีดสลายไขมันได้เฉพาะจุด สำหรับใครที่อยากเห็นผลเร็ว หรือมีกำหนดการออกงานที่ชัดเจนว่าฉันต้องสวย เช่นงานแต่งงาน งานรับปริญญา การฉีดเมโสแฟตก็เป็นตัวช่วยที่ดี ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้นั้นจะขึ้นอยู่กับปริมาณไขมันของแต่ละคน เราสามารถทำซ้ำในจำนวนความถี่และเว้นระยะห่างตามคำแนะนำของแพทย์ได้ เมื่อได้ผลลัพธ์ที่พอใจแล้ว ยิ่งถ้าเราดูแลตัวเองหลังฉีดได้ดีด้วยการควบคุมอาหาร ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ งดแอลกลอฮอล์ สูบบุหรี่แล้วล่ะก็ ผลลัพธ์ที่ดีก็ยิ่งอยู่กับเราได้นาน เรียกได้ว่าสวยทันใจ ทันเวลาอย่างแน่นอน






