ไฝที่กลายเป็นโรคอื่น

การกำจัดไฝด้วย CO2 ไฝที่ควรเอาออก ไฝที่อาจกลายเป็นโรคอื่น

หลายคนอาจคุ้นชินกับไฝบนผิวหนังจนมองว่าเป็นแค่เอกลักษณ์เล็กๆ ของตัวเอง บางคนถึงขั้นรู้สึกว่ามีแล้วปัง มีแล้วเสริมดวง แต่รู้ไหมว่าไฝบางจุดก็ไม่ได้ดีเสมอไป โดยเฉพาะถ้าเริ่มเปลี่ยนสี โตขึ้น หรือมีรูปร่างแปลกตา นั่นอาจเป็นสัญญาณบางอย่างจากร่างกายที่ไม่ควรมองข้าม

ปัจจุบัน การกำจัดไฝด้วย CO2 Laser เป็นหนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยม เพราะทำได้แม่นยำและใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน แต่ก่อนจะตัดสินใจเลือกการรักษาไฝด้วยเลเซอร์ แนะนำสังเกตดูก่อนว่าไฝแบบไหนควรเอาออก หรืออาจกลายเป็นโรคอื่นได้ในอนาคต สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลย

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับการกำจัดไฝด้วย CO2 ให้มากขึ้น พร้อมแยกแยะว่าไฝมีกี่ประเภท เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจก่อนกำจัดไฝค่ะ


 ไฝคืออะไร?

ไฝ คือจุดเล็กๆ ที่เกิดจากการรวมตัวของเซลล์เม็ดสีใต้ผิวหนัง จะมีหรือไม่มีมาตั้งแต่เกิดก็ได้ หรือบางคนก็เพิ่งมาโผล่ตอนโต ซึ่งมันก็ไม่ได้อันตรายเสมอไป แต่ไฝแต่ละจุดก็มีลักษณะที่แตกต่างกัน บางเม็ดนูน บางเม็ดแบน บางเม็ดมีขน บางเม็ดคล้ายจุดด่างดำ ซึ่งความแตกต่างตรงนี้แหละที่ทำให้เราควรหันมาสังเกตตัวเองมากขึ้น เพราะไฝบางประเภทก็อาจจะส่งสัญญาณบางอย่างเกี่ยวกับสุขภาพผิวของเราโดยไม่รู้ตัว

 ไฝประเภทต่าง ๆ

  • ไฝธรรมดา : ไฝเม็ดเล็กๆ สีเข้มหรืออ่อน มีทั้งแบบนูนและแบน เกิดจากการรวมตัวของเม็ดสีใต้ผิวหนัง มักไม่มีอันตราย
  • ไฝมีขน : ส่วนมากจะมีขนเส้นเดียวใหญ่ๆ โผล่มาเด่นเลย บางคนก็อยากเก็บไว้ บางคนก็อยากมีการกำจัดไฝออก
  • ไฝโตเร็วหรือมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง : อันนี้ต้องระวัง เพราะไฝที่ขยายใหญ่ สีเข้มขึ้น ขอบเบลอ หรือมีรูปร่างผิดแปลกไปจากเดิม อาจไม่ใช่ไฝธรรมดาอีกต่อไป
  • ไฝตั้งแต่เกิด : เป็นไฝที่มาพร้อมเราตั้งแต่วันแรกที่ลืมตาดูโลก อาจดูไม่น่ากังวล แต่บางกรณีก็มีโอกาสกลายเป็นเนื้อร้ายได้ในระยะยาว

สาเหตุของการเกิดไฝ

สาเหตุของการเกิดไฝส่วนใหญ่มาจากเซลล์เม็ดสี (Melanocyte) ที่รวมตัวกันอยู่ใต้ผิวหนัง พอรวมกันเยอะๆ เข้าก็กลายเป็นจุดเล็กๆ อย่างที่เราเห็นกัน แต่สิ่งที่ทำให้ไฝเกิดเร็วหรือช้าก็มีหลายปัจจัย เช่น 

  • พันธุกรรม ถ้าที่บ้านมีใครไฝเยอะ เราก็มีโอกาสจะตามรอยได้ไม่ยาก 
  • แสงแดดก็มีส่วนกระตุ้นให้ไฝบางจุดผุดขึ้นเร็วกว่าเดิม โดยเฉพาะคนที่โดนแดดจัดเป็นประจำ หรือไม่ค่อยทาครีมกันแดด ก็จะมีโอกาสเจอไฝใหม่ๆ มาเยือนได้ง่ายขึ้น
  • ฮอร์โมนก็มีบทบาทเหมือนกัน โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่น วัยเปลี่ยนแปลง หรือแม้แต่ช่วงตั้งครรภ์ ที่ระดับฮอร์โมนในร่างกายแกว่งจนทำให้ไฝเกิดขึ้นได้มากขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว

ไฝสามารถเกิดได้ทั้งจากภายในตัวเราเอง และปัจจัยภายนอกอย่างแสงแดดหรือพฤติกรรมการดูแลผิว ดังนั้น ถ้าใครเริ่มรู้สึกว่าไฝใหม่เริ่มโผล่มาเยอะขึ้น หรือมีอะไรผิดสังเกต ลองสังเกตตัวเองไว้ก่อนก็ไม่เสียหายค่ะ

การตรวจสอบไฝที่ควรเอาออก

ถึงไฝจะเป็นแค่จุดเล็กๆ บนผิว แต่ไฝบางจุดก็อาจเป็นอันตรายมากกว่าที่เราคิด ซึ่งการตรวจสอบไฝบนใบหน้าหรือร่างกายของเราไม่ได้มีไว้แค่สำหรับคนที่คิดจะกำจัดออกเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นเรื่องของสุขภาพผิวที่ทุกคนควรใส่ใจ แม้ว่าเราจะยังไม่ได้คิดจะลบมันออกก็ตาม

การตรวจสอบไฝด้วยตัวเองสามารถเริ่มได้ง่ายๆ แค่ลองสังเกตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เช่น สี ขนาด หรือรูปร่าง ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า เพราะการรู้ก่อน เช็กก่อน อาจช่วยให้เราหลีกเลี่ยงปัญหาใหญ่ได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

 ไฝที่ควรเอาออก

  • ไฝที่โตเร็วผิดปกติ : ถ้าอยู่ดีๆ ไฝที่เคยเป็นจุดเล็กๆ เริ่มขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ให้ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนเลยว่าเป็นไฝที่ผิดปกติ
  • ไฝที่มีสีไม่สม่ำเสมอ : ถ้าไฝเม็ดไหนมีหลายเฉดสีในจุดเดียวกัน เช่น ดำ น้ำตาล เทา หรือสีดูแปลกๆ ไม่เหมือนเดิม อันนี้ไม่ควรมองข้าม
  • ขอบไฝเบลอ ไม่เรียบ : ไฝที่ขอบไม่ชัด ขรุขระ เหมือนขอบละลาย อาจเป็นหนึ่งในสัญญาณที่ควรไปให้คุณหมอตรวจเพื่อพิจารณาการกำจัดไฝออก
  • ไฝที่มีอาการร่วม เช่น คัน แสบ หรือเลือดออก : อาการพวกนี้ไม่ใช่เรื่องปกติของไฝทั่วไป ถ้ามีอาการร่วม ควรรีบปรึกษาแพทย์ด่วน
  • ไฝที่อยู่ในจุดที่มีการเสียดสีบ่อยๆ : เช่น รอยขอบกางเกง เสื้อชั้นใน หรือบริเวณที่โดนแดดประจำ ถ้าไฝในจุดนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลง ควรพิจารณาการกำจัดไฝออกเพื่อลดความเสี่ยงระยะยาว

การกำจัดไฝด้วย CO2

ทุกวันนี้การกำจัดไฝไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเหมือนสมัยก่อนแล้ว เพราะเทคโนโลยีเลเซอร์ โดยเฉพาะ CO2 Laser ได้เข้ามาช่วยให้ขั้นตอนต่างๆ ดูเบา สะดวก และแม่นยำขึ้นเยอะ ใครที่เคยลังเลว่าการรักษาไฝจะเจ็บมั้ย? แผลใหญ่รึเปล่า? ต้องพักฟื้นนานมั้ย? ตอนนี้ตอบได้เลยว่าไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว

การกำจัดไฝด้วย CO2 จะเป็นการยิงพลังงานเข้าไปเฉพาะจุดที่เป็นไฝ เพื่อให้เนื้อไฝถูกทำลายออกแบบแม่นยำ โดยไม่กระทบกับเนื้อเยื่อรอบๆ มากนัก ทำให้แผลเล็ก หายไว ไม่ก่อให้เกิดหลุมสิวหลังการกำจัดไฝ และรอยก็จางลงได้ดีมากเมื่อเทียบกับการตัดแบบเดิม

 ข้อดีของการกำจัดไฝด้วย CO2

  • แม่นยำและจบในจุดเดียว เพราะเลเซอร์ยิงได้แบบเฉพาะจุด เลยแทบไม่ต้องกังวลเรื่องโดนผิวรอบข้าง
  • แผลเล็กและหายไว ถ้าเทียบกับการผ่าตัดหรือจี้ไฟฟ้า CO2 Laser ทำให้แผลดูเรียบร้อยกว่า และมักจะใช้เวลาฟื้นตัวแค่ไม่กี่วัน
  • ลดรอยแผลเป็นได้ ใช้ในการรักษาหลุมสิวได้ ถ้าดูแลหลังทำดีๆ โอกาสที่รอยจะจางจนแทบไม่เห็นมีสูงมาก โดยเฉพาะในคนที่ผิวฟื้นตัวดี
  • ใช้เวลาน้อย บางจุดทำเสร็จภายในไม่กี่นาทีและไม่ต้องนอนพักฟื้น สามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  • ถ้าใครมีไฝหลายจุดและอยากเคลียร์ให้จบก็สามารถทำพร้อมกันได้เลยในครั้งเดียว

 ข้อควรระวัง

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน อย่าเห็นแก่โปรโมชั่นล่อตา เพราะถ้าอุปกรณ์ไม่สะอาดหรือแพทย์ไม่มีประสบการณ์อาจทำให้แผลติดเชื้อหรือเกิดรอยลึกได้
  • ไฝบางจุดอาจต้องตรวจชิ้นเนื้อก่อน โดยเฉพาะถ้าไฝมีลักษณะผิดปกติ เช่น สีเข้มจัด ขอบเบลอ หรือโตเร็ว เพราะอาจเป็นเนื้องอกผิวหนังที่ไม่ควรเลเซอร์ทันที
  • ดูแลแผลหลังการกำจัดไฝให้ดี การล้างแผล ทายา และกันแดดหลังเลเซอร์คือสิ่งที่สำคัญมาก เพราะถ้าไม่ดูแลดีๆ อาจเกิดรอยดำหรือแผลนูนได้
  • ไฝบางประเภทที่ลึกหรือมีรากลึกอาจต้องยิงซ้ำรอบสองเพื่อให้เกลี้ยงจริง
  • การกำจัดไฝด้วย CO2 ไม่เหมาะกับทุกคน ถ้ากำลังตั้งครรภ์หรือมีโรคประจำตัว แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนตัดสินใจทำ

 ไฝที่อาจกลายเป็นโรคอื่น

หลายคนอาจมองว่าไฝก็แค่จุดเล็กๆ บนผิว จะมีหรือไม่มี ก็ไม่ได้กระทบชีวิตประจำวันอะไรมาก แต่ความจริงคือไฝบางจุดก็อาจไม่ธรรมดาอย่างที่คิด เพราะมีบางกรณีที่ไฝไม่ได้เป็นแค่ไฝ แต่อาจกลายร่างเป็นโรคร้ายแรงขึ้นมาได้ ถ้าเราไม่รู้ทันหรือมองข้ามสัญญาณเล็กๆ ที่ร่างกายส่งมา

การรู้เท่าทันและสังเกตความเปลี่ยนแปลงของไฝเป็นสิ่งที่ช่วยให้เราไม่พลาดโอกาสในการป้องกันโรคตั้งแต่ระยะแรกๆ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังซึ่งหลายคนอาจไม่รู้ว่าเริ่มต้นได้จากไฝธรรมดาเม็ดเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมการกำจัดไฝถึงสำคัญ

 โรคที่อาจเกิดจากไฝ

  • มะเร็งผิวหนัง (Melanoma) : ฟังดูไกลตัว แต่จริงๆ แล้วไม่ไกลอย่างที่คิด เพราะมะเร็งชนิดนี้มักเริ่มจากไฝที่เปลี่ยนแปลง เช่น สีเข้มผิดปกติ ขอบเบี้ยว โตเร็ว หรือมีอาการร่วมอย่างคัน แสบ หรือเลือดซึม
  • ไฝชนิดผิดปกติ (Dysplastic Nevus) : เป็นไฝที่ไม่ใช่มะเร็ง แต่ก็ไม่ได้ปลอดภัย 100% เพราะมีแนวโน้มจะพัฒนาไปเป็นมะเร็งได้ในอนาคตถ้าไม่ได้ดูแล
  • เนื้องอกผิวหนังชนิดอื่นๆ : บางครั้งไฝที่ดูแปลกตาอาจไม่ใช่ไฝจริงๆ แต่เป็นเนื้องอกบางชนิดที่แฝงตัวมาในรูปแบบคล้ายไฝ ถ้าไม่ตรวจให้แน่ชัดก็อาจเข้าใจผิดและปล่อยทิ้งไว้นานเกินไปโดยไม่ได้มีการการรักษาไฝอย่างตรงจุด

 ข้อควรระวัง

  • สังเกตความเปลี่ยนแปลงของไฝอยู่เสมอ โดยเฉพาะขนาด สี รูปร่าง และอาการผิดปกติ เช่น คัน แสบ หรือเจ็บ
  • ใช้กฎ ABCDE ในการสแกนไฝด้วยตัวเอง คือ
  • A (Asymmetry) รูปร่างไม่สมมาตร
  • B (Border) ขอบไม่เรียบหรือดูเบลอ
  • C (Color) สีไม่สม่ำเสมอ มีหลายเฉดในเม็ดเดียว
  • D (Diameter) ขนาดใหญ่กว่า 6 มม.
  • E (Evolving) มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิม
  • อย่าตัดสินด้วยตาเปล่าเสมอไป ไฝบางจุดดูเหมือนปกติแต่แอบมีความผิดปกติซ่อนอยู่ ควรให้แพทย์ตรวจหรือใช้กล้องขยายผิว (dermatoscope) เพื่อความชัวร์
  • เลี่ยงการกำจัดไฝโดยไม่วินิจฉัยก่อน โดยเฉพาะไฝที่ดูผิดปกติ เพราะการกำจัดไฝผิดจุดอาจทำให้พลาดโอกาสวินิจฉัยโรคร้ายตั้งแต่ต้นได้

 การเลือกวิธีการกำจัดไฝเลเซอร์ CO2 vs การผ่าตัด

ถ้าใครกำลังคิดจะกำจัดไฝออก ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านความงามหรือเรื่องสุขภาพ อาจจะลังเลระหว่างการรักษาไฝด้วยเลเซอร์และการผ่าตัด ซึ่งจริงๆ แล้วทั้งสองวิธีก็มีข้อดี-ข้อจำกัดที่ต่างกันไป และไม่ได้มีสูตรตายตัวว่าวิธีไหนดีที่สุด เพราะขึ้นอยู่กับลักษณะของไฝและเป้าหมายของแต่ละคนเป็นหลัก

การทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่างCO2 Laser และการผ่าตัดไฝ จะช่วยให้เราเลือกทางที่ใช่ได้ง่ายขึ้น และลดโอกาสเกิดรอยแผลหรือผลข้างเคียงที่ไม่อยากเจอ เรามาดูข้อแตกต่างกันเลย

 เลเซอร์ CO2

ข้อดีของการกำจัดไฝด้วย CO2 Laser

  • เจ็บน้อย แผลเล็ก ด้วยความที่ CO2 Laser เป็นเลเซอร์แบบเฉพาะจุดทำให้แผลที่ได้เล็กมากและฟื้นตัวเร็ว
  • ไม่มีเลือด (หรือมีน้อยมาก) เพราะเลเซอร์ช่วยปิดเส้นเลือดเล็กๆ ไปในตัว เลยแทบไม่ต้องห่วงเรื่องเลือดออก
  • ลดโอกาสเกิดแผลเป็น ถ้าดูแลดี โอกาสที่แผลจะหายเนียนๆ มีสูงมาก
  • ใช้เวลาน้อย ทำเสร็จในไม่กี่นาที ไม่ต้องพักฟื้นนาน สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้เลย
  • เหมาะกับไฝตื้น หรือขนาดเล็ก-กลาง โดยเฉพาะไฝที่ไม่มีความเสี่ยงหรือไม่ได้ลึกถึงชั้นผิวในมาก

ข้อเสียของการกำจัดไฝด้วย CO2 Laser

  • ไม่เหมาะกับไฝลึกหรือไฝที่เสี่ยงเป็นโรค เพราะเลเซอร์ไม่ได้เก็บเนื้อเยื่อให้ไปตรวจวินิจฉัยต่อ
  • ถ้าไฝมีรากลึก อาจต้องยิงมากกว่า 1 ครั้งเพื่อให้เกลี้ยง
  • ถ้าใช้ไม่ถูกวิธีอาจเกิดรอยไหม้หรือแผลนูน โดยเฉพาะถ้าทำโดยคนที่ไม่เชี่ยวชาญหรือดูแลแผลหลังทำไม่ดีพอ

 การผ่าตัด

ข้อดีของการผ่าตัด

  • การกำจัดไฝด้วยการผ่าตัดคือสามารถตัดออกได้ทั้งราก เหมาะกับไฝที่ลึก หรือไฝที่หมอสงสัยว่าอาจเสี่ยงเป็นมะเร็งผิวหนัง
  • สามารถส่งชิ้นเนื้อไปตรวจได้เพื่อดูว่ามีเซลล์ผิดปกติหรือไม่ ปลอดภัยในระยะยาว
  • ไฝบางจุดลบแล้วไม่กลับมาอีกเลย โดยเฉพาะถ้าเป็นการผ่าตัดแบบเก็บรากจริงจัง

ข้อเสียของการผ่าตัด

  • แผลอาจใหญ่กว่าเลเซอร์ โดยเฉพาะถ้าเป็นไฝเม็ดใหญ่หรืออยู่ในจุดที่ต้องเย็บปิด
  • มีโอกาสเกิดแผลเป็นมากกว่า โดยเฉพาะถ้าผิวเป็นคีลอยด์ง่ายหรือดูแลหลังผ่าไม่ดี
  • ต้องใช้เวลาพักแผลมากกว่าเลเซอร์ ต้องมีการล้างแผล-ตัดไหม และงดโดนน้ำในช่วงแรก
  • เจ็บมากกว่าบ้างในบางกรณี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของไฝ

 การรักษาหลุมสิวหลังการกำจัดไฝด้วย CO2 Laser

แม้ว่า CO2 Laser จะขึ้นชื่อเรื่องความแม่นยำและรบกวนผิวน้อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าในบางกรณีอาจเกิดหลุมสิวหลังการกำจัดไฝได้ โดยเฉพาะถ้าไฝมีขนาดลึกหรือดูแลแผลไม่ดีพอในช่วงแรกๆ หลังทำ บางคนทำใจไว้แล้วว่าแค่เอาไฝออกก็พอ แต่พอเห็นหลุมก็เริ่มไม่แฮปปี้เท่าไหร่ ซึ่งจริงๆ แล้วหลุมสิวหลังการกำจัดไฝนั้นแก้ได้ถ้าเริ่มดูแลอย่างถูกวิธีตั้งแต่เนิ่นๆ เรามาดูการดูแลผิวหลังการกำจัดไฝและวิธีการรักษาหลุมสิวกันเลย

 การดูแลผิวหลังการกำจัดไฝ

  • ห้ามแกะ แคะ หรือไปยุ่งกับแผลเด็ดขาด เพราะแผลที่โดนรบกวนระหว่างฟื้นตัวจะมีโอกาสกลายเป็นหลุมหรือแผลเป็นได้สูงมาก
  • ทายาตามแพทย์สั่งสม่ำเสมอ ยาทาฆ่าเชื้อ หรือยาที่ช่วยลดการอักเสบจะช่วยให้แผลปิดไวและเรียบเนียนขึ้น
  • หลีกเลี่ยงแสงแดดตรงๆ เพราะรังสี UV ทำให้แผลดำง่ายขึ้น และชะลอการสร้างผิวใหม่
  • ทาครีมกันแดดทุกวันแม้อยู่ในบ้าน แนะนำให้ใช้สูตร SPF50+ และเน้นสูตรอ่อนโยนสำหรับผิวเป็นแผล
  • ไม่ควรแต่งหน้าทับแผลที่ยังไม่ปิดสนิทเพื่อป้องกันการอุดตันและการติดเชื้อจากเครื่องสำอาง
  • บำรุงผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์หรือเจลว่านหางจระเข้ ช่วยให้ผิวนุ่มและลดการตึงแผล

 วิธีการรักษาหลุมสิว

ถ้ามีหลุมสิวหลังการกำจัดไฝ หลังแผลแห้งและหายสนิทไปแล้ว (ประมาณ 1-2 เดือน) สามารถเริ่มดูแลเพิ่มเติมได้ เช่น

  • ใช้ครีมที่ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เช่น ครีมที่มีวิตามิน A (Retinol), วิตามิน C หรือเปปไทด์
  • ทายาที่มีส่วนผสมของกรดผลไม้ (AHA) หรือ BHA เพื่อผลัดเซลล์ผิวเบาๆ และกระตุ้นการสร้างผิวใหม่
  • การทำทรีตเมนต์ที่คลินิก เช่น Microneedling, Fractional Laser หรือ Skin Booster

การมีหลุมสิวหลังการกำจัดไฝไม่ได้แปลว่าพลาดเสมอไปนะคะ เพราะหลายครั้งหลุมเล็กๆ ก็เป็นเพียงช่วงเปลี่ยนผ่านของผิวที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ ถ้าใส่ใจดูแลอย่างถูกวิธีก็มีโอกาสกลับมาเรียบเนียนได้เหมือนเดิม หรืออาจจะดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ

 ข้อสรุป

การกำจัดไฝไม่ใช่แค่การเอาออกเพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับสุขภาพผิวในระยะยาวด้วย การเข้าใจว่าไฝแบบไหนควรเอาออก รู้วิธีดูแลหลังทำ รวมถึงการเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองอย่างการกำจัดไฝด้วย CO2 หรือการผ่าตัด จะช่วยให้เราไม่เสี่ยงทั้งเรื่องแผลเป็นและโรคร้ายที่อาจซ่อนอยู่ภายใต้จุดเล็กๆ บนผิวเรา เพราะฉะนั้น ถ้าไฝของเรารบกวนใจหรือดูน่าสงสัย ลองให้แพทย์เช็กดูสักนิด อาจเป็นการดูแลตัวเองที่คุ้มค่ากว่าที่คิดก็ได้นะคะ