เซ็บเดิร์มหรือผิวแห้ง? วิธีสังเกตอาการที่หลายคนเข้าใจผิด
เห็นผิวแห้งลอกเป็นขุย อย่าเพิ่งด่วนสรุปว่าเป็นแค่อาการผิวแห้งทั่วไปแล้วก็โบกครีมบำรุงไปเรื่อยๆ เพราะปัญหาที่เราเจออยู่จะไม่ใช่แค่ผิวแห้งธรรมดา แต่คือ “เซ็บเดิร์ม” ซึ่งทำให้หลายคนสับสนว่าตกลงนี่คือปัญหาผิวแบบไหนกันแน่
ก่อนจะรีบหาครีมบำรุงมาประโคมผิว เรามาเริ่มต้นทำความเข้าใจกันก่อนว่าเซ็บเดิร์มคืออะไร และจะแยกออกจากผิวแห้งทั่วไปได้ยังไง เพื่อที่จะดูแลได้ตรงจุดและไม่ต้องทนกับปัญหาผิวที่เกิดขึ้นซ้ำซากอีกต่อไป
ทำความรู้จัก “เซ็บเดิร์ม” (Seborrheic Dermatitis)
เซ็บเดิร์ม เป็นหนึ่งในโรคผิวหนังอักเสบที่ใครๆ ก็มีโอกาสเจอได้ ไม่ว่าจะผู้หญิง ผู้ชาย วัยเรียน วัยทำงาน หรือแม้แต่เด็กเล็กบางคนก็เป็นได้เหมือนกัน เรามาดูกันเลยว่าเซ็บเดิร์มคืออะไร มีอาการแบบไหน และมีปัจจัยกระตุ้นอะไรบ้าง
เซ็บเดิร์มคืออะไร?
เซ็บเดิร์ม (Seborrheic Dermatitis) คือภาวะผิวอักเสบเรื้อรังชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมันเยอะๆ อย่างใบหน้า หนังศีรษะ หรือข้างจมูก มักทำให้เกิดผิวแห้งลอก แดง คัน จนบางครั้งหลายคนสับสนกับผิวแห้งธรรมดาแต่จริงๆ แล้วมันซับซ้อนกว่านั้น
อาการที่พบบ่อย
อาการเด่นๆ ของเซ็บเดิร์มคือผิวลอกแดงคัน เป็นขุย บางครั้งมีความมันร่วมด้วย โดยเฉพาะบนหนังศีรษะ ซึ่งต่างจากรังแคธรรมดาตรงที่มีการอักเสบหรือคันมากกว่า ส่วนบนใบหน้าหรือหลังหูก็อาจเห็นเป็นผื่นแดงๆ ลอกๆ ที่ดูเหมือนแพ้ แต่รักษาเท่าไหร่ก็ไม่หายขาด
ตำแหน่งที่มักเกิด
เซ็บเดิร์มมักจะเกิดขึ้นบริเวณที่มีต่อมไขมัน เช่น
- หนังศีรษะ (เป็นจุดที่หลายคนสับสนระหว่างรังแคและเซ็บเดิร์ม)
- ข้างจมูก
- คิ้วและไรผม
- หลังหู
- หน้าอก
- แผ่นหลัง
ปัจจัยกระตุ้น
ปัจจัยที่ทำให้เซ็บเดิร์มกำเริบส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับความเครียด อากาศเปลี่ยน หรือฮอร์โมน บางคนเจออากาศหนาวทีไรผิวแห้งลอกหนัก บางคนพอเครียดเรื่องงานก็อาการกำเริบ หรือบางคนใช้ชีวิตปกติแต่เพราะพันธุกรรมก็เลี่ยงไม่พ้น

ทำความรู้จัก “ผิวแห้งธรรมดา”
หากรู้สึกคันหรือระคายเคืองที่ผิวหนังก็อย่าเพิ่งตกใจไปค่ะ เพราะนี่อาจจะเป็นแค่อาการผิวแห้งธรรมดาที่เกิดขึ้นได้บ่อยในช่วงที่อากาศเย็นหรือเวลาที่ผิวขาดการบำรุงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผิวแห้งธรรมดาจะมีลักษณะและอาการดังนี้
ผิวแห้งคืออะไร
ผิวแห้งธรรมดา คือสภาวะที่ผิวขาดความชุ่มชื้นและไขมันตามธรรมชาติ ทำให้ผิวสูญเสียเกราะป้องกันบางส่วนไป เลยปรากฏเป็นความรู้สึกตึง ผิวลอก หรือหยาบกร้าน ซึ่งเป็นสัญญาณว่าผิวกำลังต้องการการบำรุงที่ล้ำลึกมากขึ้น
อาการผิวแห้งที่มักเข้าใจผิดว่าเป็นโรคผิวหนัง
บางครั้งผิวแห้งลอกก็อาจทำให้เกิดอาการที่ดูลักษณะใกล้เคียงกับโรคผิวหนัง เช่น
- ลอกเป็นขุยเล็กๆ
- คันเล็กน้อย
- ผิวแดงจากการเกา
ซึ่งหลายคนอาจตกใจคิดว่าเป็นผื่นหรือแพ้อะไรบางอย่าง แต่จริงๆ แล้วแค่ผิวแห้งสะสมจนเกินไปก็ทำให้ดูเหมือนรุนแรงได้ค่ะ
ปัจจัยที่ทำให้ผิวแห้ง
สาเหตุของผิวแห้งมีทั้งจากสิ่งแวดล้อมและพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น
- สบู่หรือคลีนเซอร์ที่ชะล้างน้ำมันธรรมชาติออกมากเกินไป
- อากาศเย็น ลมหนาว หรือแอร์แรงๆ ที่ดึงความชื้นออกจากผิว
- อายุที่มากขึ้น ทำให้ผิวผลิตน้ำมันได้น้อยลง
- พฤติกรรมการดูแลผิว เช่น ล้างหน้าบ่อยเกินไป หรือลืมทาครีมบำรุง
ความแตกต่างระหว่างเซ็บเดิร์มกับผิวแห้ง
หากคุณกำลังสับสนระหว่างเซ็บเดิร์มกับผิวแห้งบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะยังมีอีกหลายคนที่ยังแยกไม่ออกเหมือนกัน ซึ่งเซ็บเดิร์มกับผิวแห้งเป็นอาการที่คล้ายกันมาก แต่ก็ยังมีจุดสังเกตที่แตกต่างอยู่บ้างทั้งลักษณะและอาการ หากเราสังเกตได้ถูกต้องก็จะช่วยให้เลือกวิธีดูแลผิวได้เหมาะสมขึ้นค่ะ
เปรียบเทียบอาการผิวแห้ง กับ เซ็บเดิร์ม
- ผิวแห้งธรรมดา : มักเกิดขึ้นเพราะผิวขาดน้ำและน้ำมัน อาการที่เห็นคือผิวตึง หยาบ ลอกเป็นขุยเล็กน้อย แต่โดยรวมยังดูไม่รุนแรงมากนัก และอาการจะดีขึ้นเมื่อบำรุงผิวอย่างเหมาะสม
- เซ็บเดิร์ม : เป็นโรคผิวหนังอักเสบที่ทำให้เกิดผิวลอกแดงคัน โดยมักเกิดตรงจุดที่มีต่อมไขมันเยอะ เช่น หนังศีรษะ คิ้ว ข้างจมูก หลังหู ลักษณะจะเด่นตรงมีรอยแดง อักเสบ และอาจมีอาการคันร่วมด้วย ต่างจากผิวแห้งธรรมดาที่ไม่มีอาการอักเสบเลย

วิธีสังเกตด้วยตัวเองเบื้องต้น
- ถ้าผิวลอกแต่ไม่แดง ไม่คันมาก นับว่าเป็นผิวแห้งธรรมดา
- ถ้าผิวลอกแดงคัน มีการอักเสบ และมักเกิดซ้ำๆ บริเวณเดิม มีแนวโน้มจะเป็นเซ็บเดิร์ม
- ถ้าอาการเป็นเรื้อรังแม้จะบำรุงแล้วก็ตาม แต่ยังไม่ดีขึ้น ควรสงสัยว่าอาจไม่ใช่แค่ปัญหาผิวแห้ง แนะนำให้พบแพทย์ผิวหนังทันทีค่ะ
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
แม้จะลองสังเกตด้วยตัวเองได้ แต่ถ้าอาการยังคงเกิดขึ้นซ้ำๆ แนะนำว่าควรไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยที่ถูกต้อง ช่วยให้เราไม่ต้องลองผิดลองถูกและลดความเสี่ยงที่อาการจะรุนแรงกว่าเดิม โดยอาการที่ควรพบแพทย์ เช่น
- ผิวลอกแดงคันมากจนรบกวนชีวิตประจำวัน
- ใช้ครีมบำรุงแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือกลับมาเป็นซ้ำบ่อยๆ
- มีผื่นกระจายกว้างหรือเริ่มลามไปหลายตำแหน่งบนร่างกาย
การวินิจฉัยโรคที่ถูกต้อง
หากยังไม่แน่ใจว่าปัญหาผิวที่เจออยู่เข้าข่ายโรคผิวหนังอักเสบไหม การไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์วินิจฉัยจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญมาก ซึ่งการวินิจฉัยโรคที่ถูกต้องสามารถทำได้ดังนี้
การซักประวัติและตรวจร่างกายโดยแพทย์
ขั้นแรก แพทย์จะซักถามประวัติ เช่น อาการเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เป็นๆ หายๆ หรือไม่ เคยใช้ยาหรือครีมอะไรมาแล้วบ้าง รวมถึงปัจจัยที่อาจกระตุ้น เช่น ความเครียดหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จากนั้นจึงตรวจสภาพผิวโดยตรงเพื่อดูความแตกต่างระหว่างผิวแห้งลอกธรรมดากับลักษณะเฉพาะของโรคผิวหนังอักเสบอย่างเซ็บเดิร์ม
การใช้กล้องตรวจผิว (Dermatoscope)
ในบางกรณี แพทย์อาจใช้เครื่องมือเฉพาะที่เรียกว่า Dermatoscope หรือกล้องขยายผิวหนัง ซึ่งช่วยให้เห็นรายละเอียดได้ชัดเจนขึ้น เหมือนการซูมเข้าไปดูปัญหาผิวในมุมที่ตาเปล่ามองไม่เห็น วิธีนี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการแยกโรคได้มาก
การตัดชิ้นเนื้อผิว (กรณีที่ต้องแยกโรคผิวหนังอื่น เช่น สะเก็ดเงิน)
ถ้าอาการรุนแรงกว่านั้น หรือแพทย์สงสัยว่าอาจไม่ใช่แค่เซ็บเดิร์มแต่เป็นโรคอื่นที่ใกล้เคียง เช่น สะเก็ดเงิน (Psoriasis) อาจมีการตัดชิ้นเนื้อผิวขนาดเล็กเพื่อตรวจทางพยาธิวิทยา วิธีนี้ถือว่าเป็นมาตรฐานในการยืนยันการวินิจฉัย ทำให้มั่นใจได้ว่าเราจะได้รับการรักษาที่ตรงจุด
วิธีรักษาเซ็บเดิร์ม
เมื่อรู้แล้วว่าอาการผิวลอกแดงคันที่เจอไม่ใช่แค่ผิวแห้งแต่เป็นเซ็บเดิร์ม ก็ต้องมองหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม เพราะวิธีรักษาเซ็บเดิร์มไม่ได้มีแค่ทางเดียว แต่ต้องใช้ทั้งยา การดูแลผิว และการปรับพฤติกรรมร่วมกัน เพื่อควบคุมอาการไม่ให้กลับมากำเริบซ้ำ
การใช้ยาทา
การรักษาเบื้องต้นที่แพทย์เลือกคือยาทาเฉพาะที่ ซึ่งมีด้วยกัน 3 กลุ่ม คือ
- คอร์ติโคสเตียรอยด์ (Steroid cream) ใช้ลดการอักเสบและอาการแดงคัน
- ยาต้านเชื้อรา (Antifungal cream) ช่วยควบคุมเชื้อราที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดเซ็บเดิร์ม
- ยาลดอักเสบอื่นๆ ที่อ่อนโยนกว่า ใช้ในกรณีที่ต้องรักษาต่อเนื่อง เพื่อเลี่ยงผลข้างเคียงจากสเตียรอยด์
ยารับประทาน (ในกรณีรุนแรง)
ถ้าอาการหนัก เช่น มีการอักเสบหรือใช้ยาทาแล้วเอาไม่อยู่ แพทย์อาจพิจารณายารับประทาน ทั้งกลุ่มยาต้านเชื้อราหรือยาลดอักเสบเพื่อกดอาการให้อยู่หมัด แต่วิธีนี้ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น
การใช้แชมพูยารักษารังแค
สำหรับคนที่เป็นเซ็บเดิร์มบนหนังศีรษะหรือมีอาการร่วมกับรังแคและเซ็บเดิร์ม แนะนำให้ใช้แชมพูรักษาเซ็บเดิร์มเพราะมีส่วนผสมที่ช่วยลดการลอก คัน และควบคุมเชื้อราบนหนังศีรษะ
การปรับพฤติกรรมและลดปัจจัยกระตุ้น
ยากับครีมอาจช่วยบรรเทาได้ แต่การปรับพฤติกรรมควบคู่กันไปก็เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้อาการกลับมา เช่น
- ลดความเครียด เพราะความเครียดเป็นตัวกระตุ้นหลัก
- หลีกเลี่ยงอากาศหนาวจัดหรือแห้งเกินไป
- เลือกผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่อ่อนโยน ไม่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น
- ดูแลสุขภาพโดยรวมทั้งการนอนพักผ่อนและการเลือกรับประทานอาหาร

วิธีดูแลผิวแห้งธรรมดา
ปัญหาผิวแห้งธรรมดาแม้จะไม่รุนแรงเท่าเซ็บเดิร์มแต่ก็สร้างความรำคาญได้ไม่น้อย เพราะทำให้ผิวแห้งตึง แต่งหน้าไม่ติด บางครั้งก็รู้สึกคันยุบยิบโดยเฉพาะเวลาที่เจออากาศหนาว การบำรุงผิวจึงต้องใส่ใจทั้งผลิตภัณฑ์ที่ใช้ รวมถึงการดูแลผิวในชีวิตประจำวันควบคู่ไปด้วยค่ะ
การเลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสม
ตัวช่วยเติมและล็อกความชุ่มชื้นที่ดีที่สุดก็คือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ แนะนำให้เลือกส่วนผสมที่ช่วยกักเก็บน้ำ เช่น ไฮยาลูรอนิกแอซิด กลีเซอรีน เลือกเนื้อครีมหรือบาล์มสำหรับผิวที่แห้งมากๆ ส่วนผิวมันแต่แห้งขาดน้ำอาจเลือกเนื้อเจลที่บางเบาก็ได้ค่ะ ทาเป็นประจำหลังล้างหน้า/อาบน้ำตอนผิวยังชื้นเล็กน้อย จะช่วยซึมและทำงานได้ดีกว่า

การหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผิวแห้ง
ผลิตภัณฑ์ที่ควรหลีกเลี่ยง เช่น
- สบู่หรือคลีนเซอร์ที่มีฟองเยอะและแรงเกินไป เพราะอาจดึงน้ำมันธรรมชาติออก
- ผลิตภัณฑ์ที่มีแอลกอฮอล์เข้มข้นหรือกลิ่นน้ำหอมแรงๆ เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองและยิ่งแห้ง
- การใช้ผลิตภัณฑ์สครับผิวบ่อยเกินความจำเป็น ทำให้เกราะป้องกันผิวบางลง
การดูแลผิวในแต่ละฤดูกาล
สภาพอากาศก็มีผลกับความชุ่มชื้นของผิวโดยตรง ในแต่ละฤดูกาลเราอาจเจอปัญหาผิวที่แตกต่างกันไป ดังนั้นจึงต้องมีการบำรุงที่เหมาะสม เช่น
- หน้าหนาว/อากาศแห้ง : เพิ่มความถี่ในการทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ ใช้ออยล์ทาเสริม และอาจใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในห้อง
- หน้าร้อน/อากาศชื้น : เลือกมอยส์เจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ แต่ยังคงเติมน้ำให้ผิว
- ช่วงอยู่ในห้องแอร์ : พกสเปรย์น้ำแร่หรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบพกพา เติมความชุ่มชื้นระหว่างวัน
การดูแลผิวร่วมกันเมื่อไม่แน่ใจว่าเป็นอะไร
จากลักษณะที่กล่าวไปข้างต้นจะเห็นได้ว่าผิวแห้งธรรมดากับเซ็บเดิร์มมีความคล้ายกันมาก ถึงแม้จะมีจุดต่างที่สังเกตได้ แต่ในระยะแรกเริ่มหลายคนก็อาจจะยังแยกไม่ออก ซึ่งสิ่งที่ทำได้แน่ๆ ก็คือการดูแลผิวด้วยวิธีที่ปลอดภัย ใช้ได้ทั้งกับผิวแห้งธรรมดาและผู้ที่มีแนวโน้มเป็นเซ็บเดิร์ม
วิธีเลือกสกินแคร์ที่ปลอดภัยสำหรับทั้งผิวแห้งและเซ็บเดิร์ม
เลือกใช้สกินแคร์ที่อ่อนโยนและปลอดภัยที่สุดเป็นหลัก เช่น
- คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยน (Sulfate-free) ที่ไม่ทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้นเกินไป
- มอยส์เจอร์ไรเซอร์ที่เน้นเติมน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้น มีส่วนผสมอย่างไฮยาลูรอนิกแอซิด เซราไมด์ หรือกลีเซอรีน
- หลีกเลี่ยงสกินแคร์ที่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม หรือสารกระตุ้น เพราะอาจทำให้ผิวอักเสบหนักขึ้น
อาหารและโภชนาการที่ช่วยลดการอักเสบ
อาหารที่เรารับประทานเข้าไปก็มีส่วนเหมือนกัน เพราะการกินที่สมดุลไม่เพียงแค่ช่วยลดการอักเสบ แต่ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกันและฟื้นฟูผิวจากข้างในด้วย
- อาหารที่ควรเพิ่ม : ปลาแซลมอน ปลาทะเล ถั่วต่าง ๆ ผักผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
- อาหารที่ควรเลี่ยง : ของมัน ของทอด น้ำตาลสูง หรืออาหารแปรรูปที่อาจกระตุ้นการอักเสบของร่างกาย
การเสริมเกราะป้องกันผิว (Skin Barrier)
ไม่ว่าคุณจะสงสัยว่าเซ็บเดิร์มคืออะไรหรือคิดว่าแค่ผิวแห้ง สิ่งที่เหมือนกันคือผิวต้องการเกราะป้องกันที่แข็งแรง เพราะฉะนั้นเติมความชุ่มชื้นให้เพียงพอ เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวสูญเสียน้ำ รวมถึงการใช้ครีมที่มีเซราไมด์ (Ceramide) เพื่อช่วยซ่อมแซม Skin Barrier และที่สำคัญ อย่าลืมป้องกันผิวจากแสงแดดด้วยครีมกันแดดสูตรอ่อนโยนด้วย เมื่อ Skin Barrier แข็งแรงขึ้น ผิวก็จะรับมือกับทั้งความแห้งและการอักเสบได้ดีกว่าค่ะ
คำถามที่พบบ่อย
เซ็บเดิร์มกับผิวแห้งต่างกันยังไงให้ดูง่ายที่สุด?
ผิวแห้งธรรมดา ลอก ตึง แต่บำรุงแล้วดีขึ้น ส่วนเซ็บเดิร์มจะมีลักษณะผิวลอกแดงคัน เป็นๆ หายๆ แม้จะบำรุงก็ยังสามารถกลับมาเป็นได้อีก
ใช้มอยส์เจอร์ไรเซอร์รักษาเซ็บเดิร์มแทนยาได้หรือไม่?
มอยส์เจอร์ไรเซอร์ช่วยบรรเทาได้ แต่ไม่สามารถแทนยาได้ เพราะเซ็บเดิร์มเกี่ยวข้องกับการอักเสบและเชื้อราที่ต้องใช้ยารักษาร่วมด้วย
เซ็บเดิร์มจะหายขาดได้ไหม?
โดยทั่วไปเซ็บเดิร์มไม่หายขาด แต่สามารถควบคุมอาการให้อยู่ในระดับที่ใช้ชีวิตได้ปกติ ด้วยการรักษาและการดูแลผิวที่ถูกต้อง
ทำไมผิวลอกแดงใช้ครีมแล้วไม่ดีขึ้น?
อาจเป็นเพราะไม่ใช่แค่ผิวแห้ง แต่เป็นโรคผิวหนังอักเสบอย่างเซ็บเดิร์ม ซึ่งต้องใช้วิธีรักษาเฉพาะ ไม่ใช่แค่บำรุงทั่วไป
เซ็บเดิร์มเป็นโรคติดต่อหรือไม่?
ไม่ต้องกังวลเลยค่ะเซ็บเดิร์มไม่ใช่โรคติดต่อ แต่อาจเกิดซ้ำได้บ่อยหากเจอปัจจัยกระตุ้น
ข้อสรุป
สุดท้ายนี้เราก็ได้ไขข้อสงสัยกันไปแล้วว่าเซ็บเดิร์มคืออะไร ต่างจากผิวแห้งธรรมดาอย่างไร การเข้าใจกับปัญหาผิวแต่ละแบบตั้งแต่แรกสำคัญมากเพราะจะช่วยให้เลือกการรักษาและการดูแลที่เหมาะสม ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกไปเรื่อยๆ
ผิวของเราไม่ว่าจะเจอเซ็บเดิร์มหรือแค่ผิวแห้งธรรมดา ก็ยังมีทางดูแลให้กลับมาแข็งแรงได้เสมอ แค่เริ่มจากความเข้าใจที่ถูกต้องและให้ความสำคัญกับการเลือกวิธีที่ใช่สำหรับตัวเองค่ะ