botox

Botox 10 ผลข้างเคียงที่ต้องบอกต่อ ข้อควรรู้ก่อนฉีด

การฉีดโบท็อกซ์ เป็นอีกหนึ่งหัตถการการยกกระชับและดูแลผิวที่ครองใจสาวๆมานักต่อนัก แน่นอนว่าหลายๆท่านพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประวัติการรักษา และต้องการรักษาครั้งแรก ควรศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับการฉีด Botox และผลข้างเคียงที่จะได้รับเสียก่อน เพื่อเตรียมตัวในการดูแลตนเอง และในบทความนี้เราจะมาอธิบายข้อมูลของ Botox และผลข้างเคียงที่อาจจะได้รับให้ทุกท่านได้มาศึกษาและทำความเข้าใจก่อนรักษากันค่ะ

 โบท็อกซ์ (Botox) คืออะไร

หลายๆคนคงจะคุ้นเคยและรู้จักกับสิ่งนี้ นั่นคือ โบท็อกซ์ (Botox) นั่นเอง ซึ่งทุกคนคงเข้าใจในความหมายเดียวกันว่าการฉีดโบท็อกซ์นั้นจะช่วยในเรื่องของการ ลดริ้วรอย บนใบหน้าและช่วยในเรื่องอื่นๆ แต่อาจจะยังไม่เข้าใจความหมายของมันจริงๆ ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า โบท็อกซ์ คือ สารที่สกัดจากแบคทีเรียสายพันธุ์เฉพาะ (Clostridium botulinum) ซึ่งตัวสารนั้นจะอยู่ในรูปของโปรตีนที่มีคุณสมบัติพิเศษ คือ สามารถจับกับปลายเส้นประสาทที่มาควบคุมกล้ามเนื้อ แล้วไปยับยั้งการกระตุ้นกล้ามเนื้อที่เลี้ยงโดยเส้นประสาทบริเวณนั้น ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับ Botox หดตัวไม่ได้และอยู่ในสภาพคลายตัวในที่สุด จึงเป็นอีกหนึ่งหัตถการการดูแลผิวหน้าให้ชะลอวัยนั่นเอง

โบท็อกซ์ (Botox) ช่วยรักษาเรื่องอะไร

โบท็อกซ์ (Botox) สามารถช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่างๆ ได้หลายบริเวณ ได้แก่

  • โบท็อกซ์กราม ทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น เหมาะกับผู้ที่มีปัญหากล้ามเนื้อกรามใหญ่ แต่ไม่เหมาะกับคนที่มีแก้มตอบและใบหน้าหย่อนคล้อยเยอะ
  • โบท็อกซ์ลิฟกรอบหน้า ช่วยให้ผิวบริเวณกรอบหน้ายกกระชับ แนวกระดูกกรามคมชัด ใบหน้าได้รูป เหมาะกับคนไข้ที่ไม่ได้มีปัญหาความหย่อนคล้อยเยอะ
  • โบท็อกซ์รักแร้ ช่วยลดการทำงานของต่อมเหงื่อ ทำให้เหงื่อออกลดลง โดยเฉพาะบริเวณรักแร้เมื่อเหงื่ออกลดลง กลิ่นตัวก็จะลดลงไปด้วย
  • โบท็อกซ์ปีกจมูก ช่วยจมูกที่บานจากปีกจมูกกว้างดูแคบลง รูจมูกเล็กลง
  • โบท็อกซ์ริ้วรอย ช่วยลดริ้วรอยย่นขณะแสดงสีหน้าบริเวณหน้าผาก หว่างคิ้ว หางตาตก รอยย่นจมูก ทำให้ผิวหน้ากระชับ ลดรอยตีนกา หน้าแลดูอ่อนเยาว์ขึ้น  
  • โบท็อกซ์ลดน่อง ช่วยให้กล้ามเนื้อน่องเรียวเล็กลง 
  • โบท็อกซ์รักษาไมเกรน ยับยั้งไม่ให้กล้ามเนื้อหดตัวได้ชั่วคราว ทำให้คนไข้กลุ่มนี้มีอาการปวดไมเกรนลดลงและไม่รุนแรงเหมือนเดิม
  • โบท็อกซ์รักษา Office syndrome ทำให้กล้ามเนื้อหลังไม่หดเกร็ง คลายกล้ามเนื้อลง ผลพลอยได้ในบางคนจะทำให้ปีกที่หลังดูเล็กลง 

การโบท็อกซ์ (Botox) เป็นอันตรายหรือไม่

การฉีด โบท็อกซ์ (Botox) นั้นไม่เป็นอันตราย เพราะเป็นสารที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากองค์การอาหารและยา และมีการใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลกเป็นเวลาหลายสิบปี จึงสามารถมั่นใจได้ในเรื่องของความปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายต่อคนไข้ 

แต่ในปัจจุบันมีโบท็อกซ์ปลอม กระจายอยู่มากมาย เพราะอาจทำให้ดื้อโบท็อกซ์และเกิดอันตรายได้จากการฉีดผิดตำแหน่งไปโดนกล้ามเนื้ออื่นที่ไม่ต้องการเนื่องจากผู้ฉีดไม่ทราบถึงสรีระและกายวิภาคของกล้ามเนื้อบนใบหน้าดีพอ อาการที่เกิดขึ้นได้จากการฉีดผิดตำแหน่งได้แก่ หางตาตก ยิ้มเบี้ยว เป็นต้น

10 ผลข้างเคียงที่ควรรู้ก่อนฉีดโบท็อกซ์ (Botox) 

ถึงแม้การฉีด โบท็อกซ์ (Botox) นั้นจะมีข้อดีมากมายและเป็นที่นิยมอย่างมาก แต่ก็อาจจะมีผลข้างเคียงกับคนไข้บางราย ซึ่งนั้นก็รวมถึงการเลือกคลินิกที่ไม่ได้คุณภาพ โบท็อกซ์ปลอม รวมไปถึงการเลือกฉีดกับหมอกระเป๋าด้วย ซึ่ง 10 ผลข้างเคียงที่ควรรู้ก่อนการฉีดโบท็อกซ์ ได้แก่

  • หน้าแข็งไร้อารมณ์

การฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดปัญหาใบหน้าแข็ง บังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้ ทำให้หน้าตาดูทื่อคล้ายกับหุ่นยนต์ นับเป็นผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยในคลินิกที่คุณหมอไม่เชี่ยวชาญ หรืออยากขายจำนวนยูนิตเยอะๆ 

  • หน้าผากตกและตึง

หากได้รับโบท็อกซ์ในปริมาณมากเกินในบริเวณหน้าผาก อาจทำให้รู้สึกตึงและหนัก หน้าผากจะดูตกลง ส่งผลต่อการยักคิ้ว และอาจทำให้ดวงตาตกลง ดูเป็นคนง่วงตลอดเวลา

  • หน้าดูตื่นเต้น หางคิ้วกระดก

หากฉีดโบท็อกซ์แล้วดูแลไม่เหมาะสมอาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคิ้วยกตัวขึ้น ทำให้คิ้วกระดก ทำให้หน้าตาเหมือนคนที่กำลังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งยังอาจทำให้เกิดรอยย่นขึ้นที่ด้านข้างของคิ้วเพิ่มขึ้นอีกด้วย

  • หนังตาตก

ผลข้างเคียงโบท็อกซ์ จากความไม่ชำนาญของแพทย์  ฉีดผิดจุดทำให้กล้ามเนื้อที่หยุดทำงานไปเกิดเป็นอัมพาต อาจทำให้หนังตาของคุณตกลง หางตาตก อ่อนแรง และอาจร้ายแรงถึงขั้นลืมตาได้ไม่เท่ากัน มีสายตาพร่ามัว 

  • มีรอยเขียว ช้ำ หน้าชา

หน้าชาไร้ความรู้สึกและผิวช้ำเป็นจ้ำมีโอกาสเกิดขึ้นได้ตามปกติปกติ เพราะโบท็อกซ์ เป็นการใช้เข็มฉีดลงไปในผิว จะช้ำมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความชำนาญและการระมัดระวังของแพทย์

  • มีอาการแขนขาอ่อนแรง มองเห็นภาพไม่ชัด

อาการสามารถเกิดได้แม้กับบริเวณที่ไม่ได้อยู่ใกล้เคียงกับจุดที่ฉีดโบท็อกซ์เข้าไป เช่น ฉีดที่หน้าแต่เกิดอาการอ่อนแรงที่แขน-ขา มองเห็นภาพซ้อนหรือมองไม่ชัด เสียงหาย หายใจลำบาก หายใจถี่ ความสามารถในการอั้นปัสสาวะลดลง เป็นต้น ถือว่าข้อนี้ร้ายแรงเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นการ ฉีดโบท็อกซ์ ทุกครั้ง ต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

  • ใบหน้าบางส่วนเป็นอัมพาต

กลไกการทำงานของ โบท็อกซ์ คือเข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดลงไป กล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการนั้นจึงเป็นอัมพาตชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ริ้วรอยจึงไม่เกิดเพิ่มและเล็กลง แต่ฤทธิ์ของสารที่ฉีดเข้าไปอาจกระจายออกไปกว้างกว่าที่ต้องการ หากแพทย์ไม่เชี่ยวชาญหรือไปเผลอฉีดกับหมอกระเป๋า ทำให้กล้ามเนื้อบริเวณข้างเคียงก็ชา ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ตามไปด้วย ใบหน้าจึงเป็นอัมพาตไปบางส่วน 

  • มีอาการปากเบี้ยว พูดไม่ชัด

หากฉีดโบท็อกซ์ลดกรามในตำแหน่งที่ผิดหรือไม่เหมาะสม มีผลทำให้กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ดึงมุมปากขณะยิ้มได้รับการกดจากตัวยา ผลคือมุมปากสองข้าง ยกไม่เท่ากัน ปากเบี้ยวเวลายิ้ม แนะนำให้ฉีดกับแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และใช้เทคนิคที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงการฉีดโบท็อกซ์ให้น้อยลงจะดีกว่า

  • มีอาการปวดศีรษะ อาเจียน เวียนศีรษะ

ผลข้างเคียงอื่น ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการฉีดโบท็อกซ์ เช่น มีความรู้สึกเจ็บที่ใบหน้า ปวดศีรษะ ผิวเห่อแดง มีอาการวิงเวียนศีรษะ อาเจียน เป็นต้น ควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ และเลือกคลินิกที่มีการดูแลหลังทำ เพื่อความสบายใจ และความปลอดภัย

  • การฉีดโบท็อกซ์ไม่ผ่านการรับรองจาก อย.

ผลข้างเคียงโบท็อกซ์ อาจจะเกิดน้อย เกิดมาก หรือไม่เกิดเลย สรุปง่ายก็คือขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์ และตัวยาโบท็อกซ์ที่ฉีด ที่ต้องเป็นของแท้และฉีดในปริมาณที่เหมาะสม

เตรียมตัวอย่างไรก่อน-หลังไปฉีดโบท็อกซ์ (Botox)

ก่อนฉีด 

  • เลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน และแพทย์ที่มีความชำนาญ
  • ตรวจสอบ โบท็อกซ์ (Botox) ก่อนฉีดทุกครั้งเพื่อให้มั่นใจได้ว่าฉีดของแท้ได้มาตรฐาน อย. โดยตรวจสอบตัวกล่องยาและขวดยาต้องมีข้อมูลที่ตรงกัน หรือบางแบรนด์จะมี QR code ให้สแกนเพื่อเช็กข้อมูลผลิตภัณฑ์
  • งดดื่มแอลกอฮอล์ ก่อนฉีดเป็นเวลา 24 ชั่วโมง
  • ในรายที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือดควรปรึกษาแพทย์ก่อน
  • งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลได้ยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา สารสกัดจากโสม ใบแปะก๊วย
  • หากมีโรคประจำตัวควรแจ้งให้แพทย์ทราบ

หลังฉีด

  • อย่านวด กด หรือสัมผัสบริเวณที่รักษา 
  • อย่านอนราบหรือก้มหน้าเป็นเวลา 4 ชั่วโมง
  • งดการอยู่ในที่ร้อน เป็นเวลา 4 ชั่วโมง
  • รอยนูนจากการฉีดจะหายไปเองภายในเวลา 2-3 ชั่วโมง
  • งดเว้นการออกกำลังกายอย่างหนัก หรือการเล่นโยคะเป็นเวลา 4 ชั่วโมง หลังการรักษา
  • งดการทายาหรือเครื่องสำอางที่ก่อให้เกิดการระคายเคืองเช่น กรดวิตามินเอ AHA วิตามินซีเป็นเวลา 24 ชั่วโมง หลังการรักษา
  • พยายามขยับกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีด 1-2 ชั่วโมง เพื่อให้ยากระจายตัวเข้ากล้ามเนื้อได้มากขึ้น
  • สามารถใช้น้ำแข็งประคบในกรณีที่มีอาการบวมแดงหรือช้ำได้
  • สามารถใช้เครื่องสำอางได้หลังการรักษาด้วยความนุ่มนวล หลีกเลี่ยงการกดถู
  • ผู้ป่วยจะเริ่มเห็นผลการรักษาใน 2-7 วัน และเห็นผลการรักษาสูงสุดใน 2 สัปดาห์

เมื่อเกิดผลข้างเคียงควรทำอย่างไร

ผลข้างเคียงจากการฉีด โบท็อกซ์ (Botox) ส่วนมากที่เกิดขึ้นมักเป็นแบบเฉพาะที่ เช่น หางตาตก  หน้าไม่สมมาตร หรือจุดเลือดออกในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเกิดได้แม้ในผู้เชี่ยวชาญ แต่ผลจากการฉีด โบทูลินั่มท็อกซิน นั้นจะค่อยๆ หมดไปเองภายในเวลาเป็นหลักเดือน ดังนั้นผู้รับการรักษาอาจรอให้ผลของ โบทูลินั่ม ท็อกซิน หมดไปเองก็ได้ ส่วนในกรณีที่เกิดหนังตาตกนั้น ผู้รับการรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเพื่อแก้ไขเป็นกรณีไป 

วิธีการเลือกโบท็อกซ์ (Botox) ที่ปลอดภัย

การเลือกฉีดโบท็อกซ์ (Botox) ที่ปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการฉีดโบท็อกซ์ต้องใช้ความระมัดระวังและความเชี่ยวชาญเพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ นี่คือบางปัจจัยที่ควรพิจารณาเพื่อเลือกฉีดโบท็อกซ์ที่ปลอดภัย:

  1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อกซ์ ควรศึกษาและเข้าใจข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อกซ์ รวมถึงวิธีการทำงาน ผลลัพธ์ที่คาดหวัง รายละเอียดเกี่ยวกับผลข้างเคียงและความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
  1. เลือกคลินิกที่เปิดอย่างถูกต้อง ควรเลือกสถานพยาบาลหรือคลินิกที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองเป็นที่ปลอดภัย มีบุคลากรทางการแพทย์ที่มีความรู้ความชำนาญในการทำการฉีดโบท็อกซ์
  1. ตรวจสอบข้อมูลของแพทย์ ควรตรวจสอบความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ของแพทย์ที่จะทำการฉีดโบท็อกซ์ สามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้จากเว็บไซต์ของสถานพยาบาล หรือสอบถามเพื่อนรู้จักที่ได้รับการรักษาจากแพทย์เกี่ยวกับประสบการณ์ของพวกเขา
  1. การตรวจสอบยาแท้ สำหรับโบท็อกซ์แท้ สามารถตรวจสอบความถูกต้องของยาได้โดยการตรวจสอบเลข Lot. ที่กล่องและขวดว่าตรงกันหรือไม่ อีกทั้งสามารถตรวจสอบได้โดยการตรวจดูผลึกยาที่อยู่ที่ก้นขวด โดยจะไม่มีน้ำเกลือในขวด และสามารถโทรหาบริษัทนำเข้าเพื่อตรวจสอบเลข Lot. ของยาได้

วิธีสังเกตโบท็อกซ์ (Botox) ของแท้สังเกตอย่างไร

 วิธีดู โบท็อกซ์ (Botox) แท้ง่าย ๆ สามารถตรวจสอบด้วยตัวเองได้ ดังนี้

  • โบท็อกซ์แท้ต้องมีฝาพลาสติกใสปิดทับอยู่ด้านบน
  • มีตัวหนังสือภาษาไทยแสดงเลขที่ อย. มีวันผลิตและวันหมดอายุที่กล่องกับขวดตรงกัน
  • มีข้อมูลระบุว่านำเข้าโดยบริษัทใด
  • Botox ของแท้จะมีจุดสแกน QR code ที่ข้างกล่อง สามารถสแกนเพื่อเช็คได้ด้วยตนเอง หากเป็นของแท้จะมีข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ขึ้นมาให้อย่างครบถ้วน 

อันตรายจากโบท็อกซ์ (Botox) ปลอม

อันตรายที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่จะเกิดจากการเลือกฉีดโบท็อกซ์ปลอม เพราะเห็นว่ามีราคาถูก ไม่ได้คำนึงถึงอันตรายจากโบท็อกปลอม ฉีดกับหมอกระเป๋า คลินิกเถื่อน ที่นอกจากหมอจะไม่รู้เทคนิคการฉีดโบท็อกซ์ ที่ถูกต้องแล้ว คุณภาพและการเก็บรักษาตัวยาโบท็อกซ์ก็ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้คุณภาพของโบท็อกซ์เสื่อม ฉีดแล้วไม่เห็นผล หรือฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายได้ ดังนี้

  • ฉีดโบท็อกแล้วไม่ได้ผล หมดฤทธิ์ไว
  • ตัวยากระจายโดนกล้ามเนื้อมัดอื่น ทำให้หางตาตก ปากเบี้ยว
  • เสี่ยงต่อการแพ้
  • ได้ผลดีในครั้งแรกๆ แต่ครั้งต่อไปไม่ได้ผล
  • ต้องฉีดโบท็อกซ์บ่อยขึ้น เสี่ยงต่อการดื้อโบท็อกซ์

 ข้อสรุป

โบท็อกซ์ (Botox) อีกหนึ่งหัตถการการดูแลผิวที่ครองใจสาวๆมานานหลายปี เป็นอีกหนึ่งการยกกระชับผิวหน้าที่เห็นผลผล ทั้งลดริ้วรอย ลดรอยตีนกา ผิวหน้าดูอ่อนเยาว์ ซึ่งบริเวณที่นิยมฉีดมากที่สุดคือ หว่างคิ้ว หน้าผาก โหนกแก้ม การฉีดโบท็อกซ์นั้นมีผลข้างเคียงหลายอย่าง แต่ไม่เป็นอันตรายอย่างแน่นอนถ้าหากเลือกคลินิก แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และยี่ห้อของโบท็อกซ์ให้ดี เพราะอาจก่อให้เกิดอันตรายร้ายแรงได้ แต่อย่างไรก็ตาม การฉีดโบท็อกซ์ในปัจจุบันนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมมากอยู่ทั้งหนุ่มสาวต่างก็ให้ความสำคัญกับผิวหน้า หากคุณสนใจสามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อเช็คสภาพผิวเข้ารับการรักษาได้ค่ะ