กำจัดขนรักแร้ด้วยDiodeLaser

กำจัดขนรักแร้ เพิ่มความมั่นใจ ไม่ต้องโกนอีกต่อไป

ขนรักแร้ ตัวการสำคัญที่ทำให้ความมั่นใจของสาวๆ ลดลงไป นอกจากจะทำให้ไม่กล้าใส่เสื้อผ้าสวยๆ แล้ว ยังส่งผลให้มีกลิ่นอับ กลิ่นไม่พึงประสงค์หรือกลิ่นตัวแรงได้ถ้าหากเราไม่สามารถทำความสะอาดได้อย่างเพียงพอ แต่จะให้กำจัดขนด้วยวิธีการโกนหรือถอน ก็จะยิ่งทำให้เกิดขนคุดและรักแร้ดำได้อีกด้วย แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหากเรารู้วิธีการกำจัดขนรักแร้ได้อย่างถูกวิธี ซึ่งเราก็ได้แนะนำวิธีการกำจัดขนรักแร้มาให้ในบทความนี้แล้ว แต่ก่อนอื่นเราไปดูกันก่อนเลยว่าสาเหตุที่ทำให้ขนของเรานั้นดกดำ เกิดมาจากอะไร จะได้รักษาได้อย่างถูกวิธีกันค่ะ


 สาเหตุที่ทำให้มีขนขึ้นเยอะ

  ฮอร์โมน

การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดขนต่างๆ ขึ้นบนร่างกายได้ เช่น การมีฮอร์โมนเพศชายหรือฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกายมากเกินไป ทำให้ขนดก หรือมีเสียงที่ทุ้มมากเกินปกติ โดยช่วงที่ฮอร์โมนเปลี่ยนมักจะพบได้ในสตรีวัยทอง หรือผู้ที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับฮอร์โมน เป็นต้นค่ะ

 พันธุกรรม

การที่เรามีขนที่ดกมาตั้งแต่เด็ก สามารถเกิดได้จากสาเหตุหลักคือพันธุกรรมนั่นเองค่ะ หากพ่อแม่หรือคนในครอบครัว มีลักษณะเส้นขนที่ดกดำ หรือหนามากกว่าปกติ ก็จะส่งผลให้ลูกหลานมีเส้นขนในลักษณะเหล่านี้ได้เช่นเดียวกันค่ะ

 เชื้อชาติ

บางคนอาจได้เชื้อสายมาจากเชื้อชาติต่างๆ ซึ่งเป็นเชื้อชาติที่มีเส้นขนดกมากกว่าทางเอเชีย เช่น ฝั่งอเมริกาหรือยุโรป เป็นต้น

 ยาบางชนิด

ตัวยาบางชนิด บางกลุ่ม ก็มีส่วนที่ทำให้เข้าไปกระตุ้นระดับฮอร์โมนหรือเซลล์ในร่างกายทำให้เกิดปัญหาขนดกได้ ไม่ว่าจะเป็น  ยากลุ่ม Danazol,Anabolic steroid, Corticosteroid หรือแม้แต่ยาคุมกำเนิดก็ได้เช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น ก่อนรับประทานยาเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้งค่ะ

Aya Clinic มีวิธีการรักษากำจัดขนหลายแบบ ทั้งกำจัดหนวดเครา ขนรักแร้ ขนหน้า ขนขา รวมถึงการทำบิกินี่ เรียกได้ว่ากำจัดได้ทุกส่วนของร่างกาย ใครมีขนขึ้นบริเวณไหน สามารถแวะเข้ามาปรึกษาได้เลยนะคะ


 ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการกำจัดขน

  การกำจัดขนแบบชั่วคราว

  • การถอน

การถอน เป็นวิธีการกำจัดขนรักแร้ที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ด้วยการใช้แหนบดึงขนรักแร้ หรือขนต่างๆออกมาทีละเส้น ซึ่งเป็นการดึงขนออกมาจากรากขนแบบชั่วคราว ทำให้ขนสามารถกลับมาเกิดใหม่ได้เหมือนเดิม การกำจัดขนด้วยวิธีการถอนจะรู้สึกเจ็บน้อย แต่เนื่องจากการดึงออกจากผิวหนังทำให้ผิวบริเวณนั้นมีอาการบวมแดง ทำให้เกิดการอักเสบ ระคายเคือง หรืออาจจะเกิดแผลได้ด้วยเช่นกัน แต่ก็เป็นวิธีที่คนนิยมทำกันมาก แต่หมอขอแนะนำว่าไม่ควรทำบ่อยเพราะอาจจะทำให้ผิวบริเวณนั้นถูกทำลายได้ค่ะ

  • การโกน

การโกน เป็นวิธีการโกนขนที่ง่ายและสะดวกมาก อีกทั้งยังใช้เวลารวดเร็วกว่าการถอน ด้วยการใช้มีดโกนหรือเครื่องโกนแบบไฟฟ้ากำจัดขนลงไปตามแนวขน ไม่รู้สึกเจ็บ แต่เป็นการกำจัดขนรักแร้แบบชั่วคราวทำให้ขนสามารถกลับขึ้นมาได้อีกและรวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ส่วนที่เกิดใหม่ยังมีลักษณะที่แข็งและหนามากขึ้นกว่าเดิม ทำให้เกิดโอกาสที่จะเป็นขนคุดได้ค่ะ และที่สำคัญหากโกนแบบไม่ระวัง ก็อาจจะทำให้เกิดบาดแผลจากใบมีดได้ ทำให้ผิวระคายเคืองได้ง่าย และรูขุมขนยังอักเสบได้อีกด้วยค่ะ

  • ครีมกำจัดเส้นขน

ใช้ครีมกำจัดเส้นขน เป็นการนำครีมที่ใช้สำหรับกำจัดขนโดยเฉพาะปาดไว้บนบริเวณที่ต้องการกำจัดขนรักแร้ และทิ้งไว้สักพัก จากนั้นจึงค่อยๆเช็ดออก จะทำให้เส้นขนหลุดออกมาอย่างหมดจด หลังการใช้ครีมจะสังเกตได้เลยว่าผิวเรียบเนียนและสว่างขึ้นเล็กน้อย ไม่รู้สึกเจ็บ แต่การกำจัดขนด้วยวิธีนี้จะไม่สามารถกำจัดขนไปถึงรากขนใต้ชั้นผิว ทำให้ขนสามารถเกิดขึ้นใหม่ได้เรื่อยๆและรวดเร็ว แต่วิธีนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายเนื่องจากตัวครีมมีการนำสารเคมีต่างๆ เข้ามาใช้ในการกำจัดขน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนังได้ค่ะ

  • การใช้ยา

การใช้ยากำจัดขนรักแร้ มีหลักการเดียวกันกับการใช้ครีมกำจัดขน ก็อาจจะมีส่วนผสมของตัวยาบางประการที่มีประสิทธิภาพมากกว่า แต่ก็จะทำให้ขนเกิดขึ้นมาใหม่ได้อีกเช่นกันค่ะ การกำจัดขนด้วยวิธีนี้จะต้องปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนใช้เพราะอาจจะมีตัวยาบางชนิด ที่ไม่เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายได้ค่ะ

  • การใช้ขี้ผึ้ง

การใช้ขี้ผึ้ง เป็นการนำขี้ผึ้งมาใช้ในขั้นตอนการแว็กซ์ขน โดยนำขี้ผึ้งทาลงบนผิวแล้วแว็กซ์ออก ซึ่งเป็นวิธีดั้งเดิมและใช้กันมานานมากๆ ค่ะ แต่วิธีนี้ จุทำให้ผิวระคายเคืองและถูกทำลายได้ง่าย ปัจจุบันจึงได้รับความนิยมน้อยลง

  การกำจัดขนแบบถาวร

  • การทำเลเซอร์ 

การทำเลเซอร์กำจัดขนเป็นวิธีการกำจัดขนแบบถาวร ที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ค่ะ เนื่องจากเป็นวิธีที่กำจัดขนรักแร้ได้อย่างหมดจด ขนเกิดใหม่ช้าลง มีเส้นอ่อนลง และสุดท้ายก็กำจัดได้อย่างถาวรในที่สุดค่ะ โดยการกำจัดขนด้วยการทำเลเซอร์รักแร้นั้นมีให้เลือกหลายแบบ เช่น Yag laser หรือ Diode laser ซึ่งก็จะมีความยาวคลื่นแสงเลเซอร์ในระดับที่แตกต่างกันออกไป แสงเลเซอร์จะเข้าไปกำจัดขนถึงรากขนใต้ชั้นผิว ใช้เวลาในการทำไม่นาน หากทำต่อเนื่องก็จะสามารถกำจัดขนได้อย่างถาวรอีกด้วยค่ะ


คุณไนท์ : กำลังเจอกับปัญหาของขนรักแร้ที่ขึ้นมากเกินไป และมีเหงื่อ มีเรื่องของกลิ่นตัวเพิ่มเข้ามาอีก แบบนี้เรียกว่าทำให้หมดความมั่นใจกันเลยค่ะ จะออกไปข้างนอก หรือไปทำงานก็ไม่ค่อยมั่นใจเลย

“สวัสดีค่ะ ไนท์นะคะ เดิมทีแล้วไนท์เป็นคนที่มีขนรักแร้ที่ค่อนข้างเยอะมากกว่าปกติ เรียกได้ว่าเยอะกว่าผู้หญิงทั่วไปเลยค่ะ ซึ่งคิดว่าตัวไหนเองน่าจะมีฮอร์โมนของผู้ชายมากกว่า เพราะนอกจากที่ขนจะเยอะมากกว่าปกติแล้ว ยังมีกลิ่นตัวแรง และเหงื่อออกเยอะมาก โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อนจัด ทำให้ไนท์ หมดความมั่นใจและไม่กล้าอยู่ใกล้ใครเลยค่ะ อยากจะใส่เสื้อผ้าสวยๆก็ไม่ได้ใส่สักที อีกทั้งยังทำงานที่จะต้องพบปะผู้อื่นอยู่ตลอดค่ะ จึงส่งผลในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก จนไนท์ได้มาปรึกษาคุณหมอเรื่องการรักษาของไนท์ คุณหมอจึงแนะนำว่าให้ไนท์รักษาด้วยการใช้เลเซอร์กำจัดขน และฉีดโบท็อกเพื่อเป็นการลดต่อมเหงื่อช่วยให้กลิ่นเหงื่อ กลิ่นกายลดลง และยังเหงื่อได้อีกด้วย ซึ่งคุณหมอบอกเป็นการรักษาร่วมกัน เพื่อให้ผลการรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้นค่ะ”

 หลักการการกำจัดขนที่แพทย์ประเมิน

  วิเคราะห์จากสีของเส้นขน สีอ่อน หรือ สีเข้ม

  • เส้นขนสีเข้ม : ในการรักษาช่วงแรกจะใช้เครื่องเลเซอร์ที่มีพลังงานคลื่นความยาว 1064 นาโนเมตรพลังงานจะลงไปทำลายเม็ดสีใต้ชั้นผิวหนัง แล้วค่อยๆเปลื่อนเป็นพลังงานความร้อนไปที่รากขน เป็นการใช้คลื่นเลเซอร์ที่สามารถผ่านเม็ดสีของขนที่เป็นสีเข้มไปยังรากขน เพื่อไปทำลายขน
  • เส้นขนสีอ่อน : หลังจากทำการรักษาในช่วงแรกไปแล้ว สีของเส้นขนจะอ่อนลงก็จะใช้วิธีการรักษาแบบ 2 วิธีโดยจะเพิ่มพลังงานเครื่องเลเซอร์ที่ใช้กำจัดขนให้มีพลังงานสูงขึ้นและสามารถไปกำจัดขนสีอ่อนได้ ในการใช้เลเซอร์จะทำการรักษาประมาน 10 ครั้งขึ้นไป รากขนจะค่อยๆอ่อนแอและถูกทำลายไป

  วิเคราะห์จากความหนาของเส้นขน

  • เส้นขนที่มีความแข็งและหนาจะพาพลังงานความร้อนจากเลเซอร์ไปถึงรากขึ้นได้ดี แต่สิ่งที่สำคัญการรักษาด้วยเลเซอร์จะไม่ทำลายผิวด้านบน ไม่ทำให้ผิวไหม้ หรือเบิร์นด้วยการตั้งค่าพลังงานให้ยาวขึ้นโดยใช้เครื่อง Diode Laser ปล่อยความร้อนลงไปสู่รากขนเป็นการกำจัดขนแบบถาวร นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมมีช่วยเพื่มความขาวกระจ่างใสให้กับรักแร้อีกด้วยค่ะ

หลังจากการรักษามาประมาณสองสัปดาห์ ผลการรักษาที่ได้ คือเรื่องของกลิ่นเหงื่อที่หายไป และเหงื่อลดลง เหมือนเราได้การใช้ชีวิตใหม่เลยค่ะ ในส่วนของขนเราต้องทำหลายๆครั้ง และขนจะค่อยๆบางลง จนแถบไม่มีเลยจะมีเพียงขนเส้นอ่อนๆเท่านั้น ก่อนมาทำการรักษาทั้งมีการถอน การโกนจนรักแร้ดำ จนตอนนี้ไม่ต้องถอน หรือโกนอีกแล้ว แถมรักแร้ยังเนียนขึ้นอีกด้วย เพราะการทำเลเซอร์กำจัดขนยังช่วยให้รักแร้ของเราขาว และลดตุ่มรักไก่ด้วยค่ะ ทำให้ไนท์ใช้ชีวิตได้ง่ายมากขึ้นค่ะ


 ข้อควรปฎิบัติหลังการรักษา

  • งดการโกน ถอน หรือกำจัดขนด้วยวิธีอื่นหลังจากการรักษาในกรณีที่มีขนขึ้นมาใหม่ประมาณ 1 สัปดาห์
  • สามารถอาบน้ำ โดยน้ำได้ตามปกติ แต่งดการอาบน้ำอุ่นหรือสครับผิวบริเวณที่กำจัดขนเพื่อป้องกันการระคายเคืองและอาจจะทำให้ผิวแห้งและแสบได้
  • หากมีอาการบวมแดง สามารถประคบเย็นบริเวณที่ทำเลเซอร์ได้ แต่อาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตรายค่ะ
  • ทาครีมบำรุงที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นตามที่แพทย์แนะนำ เพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองได้ค่ะ
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวขาดน้ำ
  • เข้ารับบริการเลเซอร์รักแร้ Diode Laser อย่างสม่ำเสมอตามที่แพทย์แนะนำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพค่ะ

 ข้อสรุป

การกำจัดขนสามารถกำจัดได้หลายวิธี แต่ถ้าหากพูดถึงวิธีที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากที่สุด หมอแนะนำว่าควรทำการการเลเซอร์รักแร้ค่ะ เพราะเป็นวิธีการกำจัดขนรักแร้ด้วยการใช้พลังงานเลเซอร์ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกำจัดขนได้ถึงรากถึงโคน ลดการเกิดขนที่ขึ้นมาใหม่ สามารถกำจัดขนได้อย่างถาวร มีผิวที่เรียบเนียน ไม่เสี่ยงต่อการเกิดขนคุด และที่สำคัญยังเจ็บน้อยอีกด้วย หากใครที่มีปัญหาขนรักแร้ดกดำ มีกลิ่นตัวแรง หมอขอแนะนำการเลเซอร์รักแร้ด้วย Diode Laser อย่างน้อย 5-8 ครั้ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามคาดและสามารถกำจัดขนได้อย่างถาวรค่ะ


กำจัดติ่งเนื้อที่คอ

กำจัดติ่งเนื้อที่คอ ไม่ต้องทนกับความรำคาญ ด้วยการรักษาด้วย CO2 Laser

สวัสดีค่ะ วันนี้หมอมีเคสตัวอย่างสำหรับคนที่มีปัญหา ติ่งเนื้อที่คอ ที่เห็นได้อย่างชัดเจน จนทำให้รู้สึกไม่มั่นใจ เพราะการมี  ติ่งเนื้อ บริเวณลำคอเป็นบริเวณที่เห็นได้ชัด สำหรับคนที่รู้สึกว่ามันคือจุดด้อย หรือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับคุณ ดังนั้นสำหรับคนที่กำลังเจอกับปัญหาในเรื่องนี้อยู่ วันนี้หมออยากให้ทุกคนได้เข้ามาอ่านบทความนี้กันก่อน เพราะหมอมีเคสตัวอย่างที่ได้มาทำการรักษากับหมอที่อยากจะมาเล่าให้ฟัง เรื่องของ ปัญหาติ่งเนื้อ มีวิธีรักษาให้หายไป สำหรับคนที่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้สามารถสบายใจได้แล้ว โดยในเคสคนไข้ที่หมอจะมาเล่าให้ทุกคนในวันนี้ ต้องเกริ่นก่อนว่าเขาก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ให้ความสำคัญในเรื่องของผิว และความสวยมาก ดังนั้นการที่มีติ่งเนื้อที่บริเวณลำคอเกิดขึ้นแบบนี้ มันก็เป็นเรื่องใหญ่มากสำหรับคนไข้ ก่อนหน้านี้มีคนทักเกี่ยวกับติ่งเนื้อที่ลำคอมากมาย จนเธอรู้สึกว่าติ่งเนื้อตรงนี้อยากจะกำจัดมันออกไป 

คนไข้ได้เข้ามาปรึกษาเรื่องของการ  กำจัดติ่งเนื้อ ว่ามี วิธีกำจัดติ่งเนื้อ นี้ไหม ซึ่งการรักษานั้นมีแน่นอน สำหรับวิธีกำจัดติ่งเนื้อตรงนี้ จะกำจัดโดยการใช้เครื่องเลเซอร์ที่เรียกว่า CO2 Laser เอาไว้ใช้สำหรับการ  เลเซอร์ติ่งเนื้อ ตามบริเวณต่างๆ สำหรับใครที่อยากรู้ว่าการจำกัดติ่งเนื้อทำได้อย่างไรนั้น ทุกคนก็สามารถเข้ามารับฟังการรีวิวจากเคสตัวอย่างของหมอกันได้เลย 


ติ่งเนื้อเกิดจากอะไร  

ติ่งเนื้อ

มาทำความรู้จักเรื่องของ ติ่งเนื้อ กันว่าคืออะไร และ ติ่งเนื้อที่คอ เกิดมาจากอะไร ติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นตามบริเวณต่างๆ ไม่ใช่ก้อนเนื้อที่เป็นอันตราย สำหรับคนที่อยู่ๆก็มีติ่งเนื้อเล็กๆเกิดขึ้น อาจจะทำให้เกิดความตกใจบ้างก็ไม่แปลกเมื่อเรามีอายุที่เพิ่มขึ้น แต่อยากให้สบายว่ามันไม่ใช่ก้อนเนื้ออันตรายอย่างแน่นอน สำหรับลักษณะของติ่งเนื้อนี้ก็อย่างที่คนไข้คนนี้เป็นเลย

มีลักษณะเป็นก้อนเนื้อขนาดเล็กที่นู้นขึ้นมา สีก็จะเป็นสีเดียวกับสีผิวของคนไข้ ขนาดจะมีความแตกต่างกันออกไป สามารถพบได้บริเวณลำคอ ตามผิวหนังทั่วร่างกาย ไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ มักพบได้ในกลุ่มที่มีอายุ 30-50 ปี และอาจพบได้ในกลุ่มคนที่มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน หรือมีประวัติครอบครัวที่มีติ่งเนื้อมาก่อน

ติ่งเนื้อที่คอโดยทั่วไปแล้วไม่มีความอันตราย ไม่จำเป็นต้องทำการรักษา ไม่สร้างปัญหาใดๆให้กับร่างกาย แต่อย่างไรก็ตามหากคนไข้มีความไม่สบายใจ เมื่อมีการสัมผัสหรือมีการเสียดสีกับเสื้อผ้า ก็สามารถกำจัด ติ่งเนื้อ ออกได้เพื่อเพิ่มความมั่นใจลดความกังวล แต่การกำจัดนั้นควรได้รับการปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเพื่อหาทางในการรักษาที่ปลอดภัย

และสำหรับ ติ่งเนื้อที่คอ เกิดได้อย่างไรมีสาเหตุอะไรบ้าง

1.อายุที่เพิ่มขึ้น : อายุก็มีผลต่อการผลิตอีลาสตินที่ช่วยให้ผิวหนังยืดหยุ่นได้น้อยลง ซึ่งก็เป็นอีกปัจจัยที่ก่อให้เกิดติ่งเนื้อที่คอได้เช่นกัน

2.ประวัติติ่งเนื้อที่เกิดในครอบครัว : ครอบครัวที่มีประวัติเป็นติ่งเนื้อมีโอกาสเกิดติ่งเนื้อที่คอได้มากกว่าคนทั่วไป เนื่องจากติ่งเนื้อมีผลทางพันธุกรรมที่สามารถส่งต่อได้

3.โรคอ้วน และโรคเบาหวาน : เป็นปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการเกิดติ่งเนื้อที่คอ เนื่องจากพื้นที่บริเวณคอมีการทับกันของผิวหนังมักเป็นที่พบของติ่งเนื้อ

4.การตั้งครรภ์ : ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนในร่างกายในช่วงตั้งครรภ์สามารถทำให้เกิดการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อ

5.ปัจจัยภายนอก : การเสียดสีผิวหนังโดยตรงหรือผ่านการสวมเสื้อผ้าสามารถสร้างแรงกดทับบริเวณคอสามารถเกิดติ่งเนื้อได้เช่นกัน


ลักษณะของก้อนติ่งเนื้อที่คอ และตามร่างกายอันตรายไหม  

ติ่งเนื้อ

สำหรับคนไข้หลายคนไข้ที่มีความสงสัยกันว่าแล้วติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นมีอันตรายไหม สามารถเปลี่ยนติ่งเนื้อเป็นเนื้อร้ายได้ไหม หมอจะขออธิบายว่า ติ่งเนื้อ ที่เกิดขึ้นในลักษณะที่เล่าไปก่อนหน้านี้ไม่มีอันตรายใดๆต่อร่างกายและไม่ส่งผลต่อสุขภาพใดๆ  และในส่วนตรงนี้หมอจะขออธิบายถึงลักษณะติ่งเนื้อที่เป็นลักษณะปกติไม่มีอันตราย และจะแบ่งลักษณะของติ่งเนื้อที่ควรระวังเพื่อให้คนไข้ได้สังเกตุตัวเองกันก่อน 

ลักษณะอาการของติ่งเนื้อที่คอที่ไม่อันตราย

ติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นบริเวณผิวหนัง มีลักษณะเป็นก้อนนิ่มขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกันยื่นออกมาบนผิวหนัง เมื่อระยะเวลาผ่านไปจะค่อยๆกลายเป็นสีเดียวกับผิวหนังโดยไม่มีอาการเจ็บปวดใดๆ สำหรับติ่งเนื้อไม่มีอันตรายและไม่มีแนวโน้มที่เปลี่ยนกลายเป็นเนื้อมะเร็งได้ แต่ถ้าหากคนไข้สังเกตุว่าติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นมีขนาดใหญ่และมีลักษณะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเป็นติ่งเนื้อที่ปกติ หรือเกิดจากเนื้องอกที่มีความเสี่ยง 

สำหรับติ่งเนื้อที่มักพบได้บ่อยในวัยผู้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 30-50 ปีขึ้นไปและมักเกิดในบริเวณลำคอ และไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่ถ้าหากคนไข้มีความกังวลไม่มั่นใจ หากต้องการที่กำจัด ติ่งเนื้อ สามารถเข้ามาปรึกษาหมอที่คลินิกได้เลยนะคะ

ลักษณะอาการของติ่งเนื้อที่อันตราย

  1. ขนาดของติ่งเนื้อที่โตขึ้นอย่างรวดเร็ว : ติ่งเนื้อที่มีลักษณะโตขึ้นอย่างรวดเร็ว และผิดปกติมีขนาดเกิน 5 มม.เป็นสิ่งที่ควรระวัง และต้องรีบทำการตรวจเพื่อหาสาเหตุ
  2. จำนวนของติ่งเนื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว : การที่ติ่งเนื้อมีลักษณะที่เพิ่มขึ้น จนสังเกตุได้ชัด เป็นสัญญาณอันตราย
  3. ความแข็งแรงของติ่งเนื้อ : ติ่งเนื้อปกติจะมีลักษณะนิ่ม แต่หากมีลักษณะแข็งนูนควรตรวจหาสาเหตุให้แน่ชัด
  4. สีของติ่งเนื้อที่มีการเปลี่ยนแปลง : ถ้าลักษณะสีของติ่งเนื้อมีสีที่เปลี่ยนไปจากสีผิว เช่น มีสีดำ สีเหลืองซีด เป็นลักษณะบ่งชี้ควรตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม
  5. มีเลือดไหลที่ติ่งเนื้อ หรือมีแผลสด : ถ้าหากติ่งเนื้อมีเลือดไหลตลอด มีแผลที่เกิดขึ้น ควรรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุเพิ่มเติม

มาถึงตรงนี้หมอคิดว่าคนไข้หลายคนที่อ่านบทความมาถึงตรงนี้น่าจะคลายกังวลหรือข้อสงสัยกันได้แล้วว่าลักษณะของติ่งเนื้อที่เกิดขึ้นนั้นไม่มีอันตราย และไม่ส่งผลต่อสุขภาพของเรา หากว่าใครที่มีติ่งเนื้อตามลักษณะที่หมอบอก สิ่งที่ควรทำก็คือ อยากให้เข้ามาปรึกษา เพื่อวินิจฉัยและหาวิธีรักษา แต่หมอยืนยันว่าไม่อันตราย และยังสามารถกำจัดให้ออกไปได้ ด้วยเครื่อง CO2 Laser นวัตกรรมใหม่ล่าสุดนั้นของทางทีมแพทย์เสริมความงามของเรานั้นเอง

อย่างคนไข้เคสตัวอย่างนี้ของหมอคนก็รักษาด้วยเครื่อง CO2 Laser เหมือนกัน อย่างที่หมอเคยบอกไปว่าคนไข้คนนี้มีปัญหาเกี่ยวกับติ่งเนื้อ ซึ่งติ่งเนื้อของคนไข้จะเกิดขึ้นในบริเวณลำคอ ลักษณะของติ่งเนื้อก็จะเป็นลักษณะปกติก็คือ เป็นก้อนเล็กๆไม่มีการขยาย หรือโตขึ้นเป็นก้อนใหญ่ ดังนั้นสามารถจำกัดโดยใช้เครื่อง เลเซอร์ติ่งเนื้อ ได้ 


ติ่งเนื้อเกิดขึ้นได้อย่างไร  

ติ่งเนื้อ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นบริเวณที่ลำคอก็สามารถเกิดขึ้นได้ อย่างที่หมอเคยได้บอกไปยังไม่ค้นพบสาเหตุที่ชัดเจน มีเพียงแค่การสันนิษฐานเท่านั้น แต่ถ้าถามหมอว่ามีปัจจัยใดบ้างที่ทำให้เกิด ติ่งเนื้อที่คอ หรือตามบริเวณต่างๆ ตรงนี้มีแน่นอน เช่น การมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น, การเป็นโรคเบาหวาน หรือแม้แต่การมีไขมันในเลือดที่สูงเกินไป นอกจากปัจจัยเหล่านี้แล้ว ก็ยังจะมีปัจจัยอื่นๆอีกเช่นกัน เดี๋ยวเรามาดูกันเลยดีกว่ามันจะมีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้เกิดติ่งเนื้อ เพื่อที่เราจะได้ กำจัดติ่งเนื้อ ได้อย่างถูกวิธีนั้นเอง

  • พันธุกรรม ปัจจัยตรงนี้ก็มีส่วนทำให้เกิดติ่งเนื้อ ซึ่งเราควรดูว่าในครอบครัวของเรา ใครที่มีติ่งเนื้อบ้าง
  • การตั้งครรภ์ ปัจจัยตรงนี้ก็มีส่วนที่ทำให้เกิดติ่งเนื้อ เนื่องจากการตั้งครรภ์มีผลต่อฮอร์โมน รวมไปถึงน้ำตัวที่เพิ่มขึ้น
  • การมีภาวะโรคอ้วน อย่างที่บอกว่าการมีน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ก็จะทำให้เกิดติ่งเนื้อ ยิ่งคนที่อยู่ในสภาวะโรคอ้วน จะทำให้เกิดติ่งเนื้อในจำนวนมาก 

วิธีการรักษาติ่งเนื้อทางการแพทย์

เมื่อรู้ถึงปัจจัยที่ทำให้เกิด ติ่งเนื้อที่คอ หรือ  ติ่งเนื้อ ที่เกิดตามบริเวณต่างๆแล้ว สำหรับคนไข้ที่เข้ามารักษากับหมอ หมอก็จะมีหลากหลายวิธีในการรักษา ในแต่ละวิธีการรักษา ก็จะดูตามอาการ ดูตามขนาดของติ่งเนื้อที่มันเกิดขึ้น ใครที่รู้สึกกลัว หมออยากจะบอกว่าการรักษาของหมอคนไข้สบายใจได้เลย ทุกขั้นตอนการรักษาของหมอปลอดภัยที่สุด มาดู วิธีกำจัดติ่งเนื้อ ของหมอกันดีกว่าว่าจะมีวิธีอะไรกันบ้าง 

การผ่าตัดติ่งเนื้อ 

สำหรับวิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ใช้ในกรณีที่ติ่งเนื้อมีขนาดที่ใหญ่มาก

การกำจัดด้วยความเย็น 

สำหรับวิธีนี้ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถกำจัดติ่งเนื้อได้เหมือนกัน จะเป็นการสอดอุปกรณ์สำหรับการรักษา วิธีนี้จะช่วยลดการเจ็บปวด 

การใช้เลเซอร์ CO2

 สำหรับวิธีนี้ก็จะเป็นอีกวิธีที่สามารถจำกัดติ่งเนื้อได้เหมือนกัน การใช้เครื่อง CO2 Laser ถือว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดเลยก็ว่าได้ ปลอดภัยแถมไม่รู้สึกเจ็บ 

CO2 Laser

ในการรักษาของหมอนั้นจะมีหลากหลายวิธี สำหรับคนไข้ของหมอคนนี้ เขารักษาโดยการใช้เครื่อง CO2 Laser ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ เป็นเครื่อง  เลเซอร์ติ่งเนื้อ ที่ไม่อันตรายและไม่รู้สึกเจ็บด้วยเวลาจี้ ก่อนการเริ่มทำหมอจะทายาชาในบริเวณที่จะทำก่อน และมีการฉีดยาชาเพิ่ม ในรูปแรกที่ทุกคนเห็นก็จะเป็นขั้นตอนเริ่มจี้ติ่งเนื้อที่บริเวณลำคอ ขั้นตอนนี้คนไข้บอกหมอว่าไม่รู้สึกเจ็บเลยเพราะหมอมือเบามาก

กำจัดติ่งเนื้อ

หลังการรักษา

รูปภาพต่อไปก็คือ หลังจากที่  กำจัดติ่งเนื้อ ออกไปหมดแล้ว ทุกคนก็จะเห็นว่ามันเป็นจุดแดงๆ ตรงนี้ทุกคนไม่ต้องตกใจนะ มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะมีรอยแดงบ้าง ในวันแรกที่รักษารอยแดงจะเห็นชัดมาก แต่สิ่งที่หมออยากจะให้ระวังเป็นพิเศษก็คือ ในวันแรกที่ทำห้ามโดนน้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมง อีกเรื่องก็คือ อยากให้ทายาตามเวลาที่หมอบอก เพื่อที่แผลจะได้ตกสะเก็ดได้ไวขึ้น

กำจัดติ่งเนื้อ

ผลการรักษา 3 วัน

ในรูปที่3 หลังจากที่ผ่านไปได้ 3 วัน ก็ยังเห็นว่ามีรอยแดงอยู่ ตรงนี้ให้พยายามทายาตามที่หมอแนะนำ หลังจากผ่านไป 7 วัน รอยแดงก็จะค่อยๆลดลง จนมาในรูปสุดท้าย ผ่านไป 10 วัน รอยแดงไม่มีแล้ว รอแค่ให้แผลมันตกสะเก็ดเท่านั้น แล้วหลังจากนั้นมันก็จะค่อยๆดีขึ้น ตอนนี้คนไข้เคสนี้ ไม่มีติ่งเนื้อที่ลำคออีกแล้ว หมดปัญหากวนจิตใจในเรื่อง ปัญหาติ่งเนื้อ แล้วตอนนี้ สำหรับใครที่มีปัญหาในรูปแบบเดียวกัน สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้เลย หรือใครที่กำลังกังวลใจไม่มั่นใจเข้ามาปรึกษาก่อนได้เลย

ผลการรักษา 7 วัน

หลังจากแผลแห้ง และเริ่มตกสะเก็ดในรูปคนไข้อัพเดทแผลใน 7 วันจากที่เห็นแผลตกสะเก็ด เริ่มน้อยลง หมอแนะนำให้คนไข้ยังทายาอยู่ให้สม่ำเสมอ

ผลการรักษา 10 วัน

แผลคนไข้ตกสะเก็ดใกล้หมดแล้วเป็นแผลที่คนไข้อัพเดทในช่วง 10 วันแผลเริ่มแห้ง และหายดีไม่มีติ่งเนื้อกวนใจอีกแล้ว


กำจัดติ่งเนื้อด้วย CO2 Laser มีความปลอดภัยหรือไม่  

กำจัดติ่งเนื้อ

หลายคนถามมากันเยอะมาก  วิธีกำจัดติ่งเนื้อ ด้วยเครื่อง  CO2 Laser ปลอดภัยไหม การรักษา ติ่งเนื้อที่คอ หรือตามบริเวณใดก็ตาม การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นการรักษาที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว อีกอย่างคนไข้หลายคนที่เข้ามา เลเซอร์ติ่งเนื้อ กับหมอคนไข้หลายคนชอบมาก เพราะในการทำไม่เจ็บ ไม่ต้องพักฟื้น ไม่มีเลือดออกหลังทำอาจ มีให้เห็นแค่รอยแดงเท่านั้น ตามรูปที่หมอให้ดูเลยจากเคสคนไข้ของหมอเอง อีกทั้งไม่ก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังด้วย ดังนั้นใครที่มี ปัญหาติ่งเนื้อ เข้ามารักษากับหมอด้วยเครื่องนี้ จี้ออกให้หมด ไม่มีหลงเหลือให้รบกวนใจแน่นอน 


ข้อปฎิบัติตัวเองหลังทำ CO2 Laser  

เรื่องนี้หมออยากให้ทุกคนใส่ใจกันสักนิด โดยเฉพาะคนที่พึ่งจะผ่านการรักษา ติ่งเนื้อที่คอ มาเพราะมันสำคัญมาก มันคือข้อปฏิบัติหลังจากที่ทำการ  เลเซอร์ติ่งเนื้อ ด้วยเครื่อง CO2 Laser หมอเองก็ได้แนะนำข้อที่ควรปฏิบัติตรงนี้ให้กับคนไข้ทุกคน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาหลังจากทำ สำหรับสิ่งที่ควรปฏิบัตินั้นก็คือ ห้ามโดนน้ำเป็นเวลา 24 ชั่วโมง พูดง่ายๆก็คือ ในวันนั้นห้ามอาบน้ำเด็ดขาด ไม่ควรให้แผลโดนน้ำ เพราะอาจจะเกิดการอักเสบและการติดเชื้อได้ และทายาตามที่หมอได้แนะนำ 


หลังจากกำจัดติ่งเนื้อไปแล้วจะกลับมาเป็นอีกหรือไม่  

ตรงนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งคำถามที่หลายคนอยากรู้ สำหรับ ติ่งเนื้อ ที่ถูกกำจัดออกไปแล้ว หมอยืนยันให้ทุกคนได้สบายใจตรงนี้เลย ในบริเวณที่เรา กำจัดติ่งเนื้อ ออกไปมันจะไม่กลับขึ้นมาอีกแล้ว แต่ในกรณีที่ติ่งเนื้อจะไปเกิดขึ้นในบริเวณอื่นๆ กรณีแบบนี้อาจเกิดขึ้นได้ แต่หมอไม่อยากให้ทุกคนเป็นกังวล ในเมื่อเรามีวิธีการรักษา หากมันเกิดขึ้นอีก สิ่งที่เราจะต้องทำนั้นก็คือ กลับมารักษาใหม่เท่านั้นเอง  


ข้อสรุป  

สำหรับคนที่มี ปัญหาติ่งเนื้อ ตามบริเวณที่เห็นได้ชัดอย่าง ติ่งเนื้อที่คอ ถ้าหากรู้สึกว่ามันกวนใจ หรือทำให้สูญเสียความมั่นใจไป หมออยากจะให้ทุกคนได้เข้ามาดูเคสของหมอเป็นตัวอย่าง  วิธีกำจัดติ่งเนื้อ นั้นมีหลากหลายวิธี อยากให้ลองเปิดใจเข้ามาปรึกษาหมอดูก่อน เล่าถึงปัญหาที่พบเจอ หลังจากนั้นก็มาตรวจดูว่าจะรักษาด้วยวิธีใด เรื่องวิธีการรักษาหมอไม่อยากให้ทุกคนเป็นกังวลในเรื่องนี้ การรักษาของหมอปลอดภัยทุกวิธี โดยเฉพาะการรักษาด้วยการ เลเซอร์ติ่งเนื้อ กับเครื่อง CO2 Laser บอกได้เลยว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด ไม่รู้สึกเจ็บและไม่มีเลือดออกเลย อยากให้ทุกคนที่มีปัญหาได้ทำการรักษา หมอสามารถกำจัด ติ่งเนื้อ ให้หมดไปได้จริงๆ  สุดท้ายนี้หมอก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามารับอ่านเคสคนไข้ตัวอย่างของหมอในวันนี้ หมอก็หวังว่าทุกคนจะได้รับความรู้กลับไปมากมาย


ปากกาลดน้ำหนัก

ปากกาลดน้ำหนักตัวช่วยเปลี่ยนหุ่นพัง เป็นหุ่นปัง

หวังว่าทุกคนที่กำลังมองหาวิธีการ ควบคุมน้ำหนัก หรือ ควบคุมอาหาร อยู่ในตอนนี้ ทุกคนก็น่าจะเคยได้ยินวิธีนี้กันมาบ้างแล้วนั้นก็คือ วิธีการ ลดน้ำหนัก ด้วย ปากกาลดน้ำหนัก ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมใหม่ ถ้าถามว่าปลอดภัยหรือไม่ วันนี้หมอมีรีวิวจากคนไข้ที่ชื่อว่าจ๋อมแจ๋ม เธอมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องน้ำหนักตัวของเธอ หรือถ้าจะให้พูดง่ายๆก็คือ เธอมีน้ำหนักตัวที่เยอะมากนั้นเอง ตอนที่เธอเข้ามาหาหมอครั้งแรก เธอได้บอกกับหมอว่าเธอนั้นเป็นคนที่ชอบรับประทานของหวาน อีกทั้งยังเป็นคนที่รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา เมื่อเธอรู้สึกหิวเมื่อไหร่ เธอก็จะเริ่มมองหาของกินที่สามารถนำมารับประทานได้ในทันที โดยไม่คำนึงถึงสรรพคุณ หรือว่าโทษใดๆทั้งนั้น พฤติกรรมเหล่านี้มันส่งผลกระทบต่อเธอ ทำให้ในตอนนี้เธอน้ำหนักตัวที่เยอะมาก นอกจากนี้เธอก็ยังบอกกับหมออีกว่าเธอเครียด เพราะไม่ว่าจะไปที่ไหนก็มีแต่คนมอง มีแต่คนทักว่าเธออ้วนขึ้น จนเธอนั้นไม่มีความมั่นใจอีกแล้ว หมอก็ได้สอบถามคนไข้ก่อนที่จะมาเจอวิธีการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ เคยได้ลองวิธีอื่นๆมาบ้างแล้วหรือยัง เช่น ออกกำลังกาย,  กินน้อยลง, ปรับพฤติกรรมการทานหรือวิธีอื่นๆที่จะช่วยให้น้ำหนักตัวที่เกินลดลงมาบ้าง เธอก็ได้ตอบกลับมาว่าเธอได้ลองมาหมดแล้ว แต่มันก็ไม่เคยประสบผลสำเร็จเลย เธอบอกว่าเธอเคยลองรับประทานยาลดน้ำหนักของยี่ห้อหนึ่ง เมื่อเธอทานไปแล้วมันช่วยให้น้ำหนักตัวของเธอลดลงจริง แต่ผลข้างเคียงของยาตัวนั้นมันทำให้เธอปวดหัว อีกทั้งยังรู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วมากอีกด้วย สำหรับผู้หญิงแล้วเรื่องหน้าตาและรูปร่างถือว่าสำคัญมาก ดังนั้นหมอก็เลยมีความตั้งใจว่าอยากจะทำให้คนไข้ท่านนี้ กลับมามี รูปร่างสมส่วน เหมือนเดิม ดังนั้นท่านใดที่กำลังสงสัยว่าวิธีการลดน้ำหนักด้วยปากกาลดน้ำหนักคืออะไร มันสามารถช่วยให้คนที่มี น้ำหนักเกิน ได้จริงหรือ หมอจะอธิบายในหัหัวข้อถัดไป


ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร

สำหรับคนที่ถามว่าวิธีการลดน้ำหนักตัวด้วย ปากกาลดน้ำหนัก คืออะไร หมอเข้าใจหากว่าคุณจะสงสัย เพราะน้อยคนมากที่จะรู้จักวิธีนี้กัน เหตุผลที่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่รู้จัก ไม่ใช่เพราะว่าวิธีนี้อันตราย แต่เป็นเพราะว่ามันมีค่าใช้จ่ายที่จะต้องแรกกับผลลัพธ์ที่คุณต้องการ อย่างที่ทุกคนรู้การที่จะ ลดน้ำหนัก มันไม่ได้มีแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น แต่มันก็ยังมีอีกหลากหลายวิธี เช่น การ ออกกำลังกาย, การ  ควบคุมอาหาร หรือวิธีการต่างๆที่ไม่ต้องเสียเงิน แถมยังปลอดภัยอีกต่างหาก แต่ก็อย่าลืมคำนึงถึงสิ่งนี้ด้วยว่าคุณทำได้หรือไม่ คุณมีวินัยเพียงพอหรือไม่ เพราะถ้าหากว่าคุณไม่มีวินัยในตัวเอง วิธีที่กล่าวมาทั้งหมดก็ไม่ช่วยให้คุณมี รูปร่างสมส่วน ได้ สำหรับคนที่ไม่มีวินัยในตัวเอง หรือไม่มีเวลามากพอในการออกกำลังกาย ควบคุมอาหารเหมือนกับคนไข้ของหมอ แต่อยาก ควบคุมน้ำหนัก เพราะอยากจะมีรูปร่างที่ดี หมอจึงอยากจะแนะนำวิธีการลดน้ำหนักด้วยปากกาลดน้ำหนัก สำหรับคนที่ยังสงสัยอยู่ว่าวิธีการลดน้ำหนักด้วยปากกาคืออะไร การลดน้ำหนักด้วยปากกาก็คือ การฉีดตัวยาที่มีชื่อว่าลิรากูลไทด์เข้าสู่ร่างกายนั้นเอง ถ้าถามว่าตัวยาตัวนี้ส่งผลอันตรายต่อผู้ได้รับหรือไม่ หมอบอกตรงนี้เลยว่าไม่อันตรายเลยสักนิดเดียว กลับกันตัวยาลิรากูลไทด์ช่วยให้คนไข้รู้สึกอยากอาหารน้อยลง หรือ กินน้อยลง นั้นเอง วิธีนี้จะเห็นผลได้ที่ดีที่ ถ้าหากว่าคนไข้ออกกำลังกายพร้อมกับรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ 

กลไกการออกฤทธิ์ของปากกาลดน้ำหนัก

ตัวยาลิรากูลไทด์ที่เป็นสารเปปไทด์ ฤทธิ์ที่ออกจะเหมือนกับกลูคากอนตัวยาชนิดที่1 ดังนั้นตัวยาตัวนี้จะเข้าไปช่วยลดน้ำตาลในเลือด อีกทั้งยังช่วยลดในเรื่องของการบีบตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้คนไข้ที่ได้รับตัวยาตัวนี้เข้าไป เมื่อรับประทานอาหารมื้อใดก็ตาม ก็จะรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น หรือถ้าจะให้พูดกันง่ายๆก็คือ ไม่รู้สึกอยากจะกินจุกจิกนั้นเอง ส่วนคนที่กลัวว่าตัวเองจะรู้สึกวูบ หรือมีอาการเวียนหัว หมอขอบอกเลยว่าตัวยาลิรากูลไทด์ไม่ทำให้ทุกคนมีอาการแบบนั้นอย่างแน่นอน เนื่องจากตัวยาจะเข้าไปกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมา ช่วยปรับสมดุลน้ำตาลในกระแสเลือด ไม่ทำให้น้ำตาลตกจนรู้สึกวิงเวียนศีรษะ   


ปากกาลดน้ำหนัก เหมาะกับใครบ้าง

ในเมื่อมันคือ  ปากกาลดน้ำหนัก ดังนั้นผู้ที่เหมาะจะใช้มากที่สุดก็คือ ผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของการมี น้ำหนักเกิน จนอยากจะมี รูปร่างสมส่วน ดูอย่างเช่นคุณจ๋อมแจ๋ม เธอเป็นผู้หญิงที่น้ำหนักตัวที่เยอะมาก อีกทั้งส่งผลให้เธอขาดความมั่นใจในตัวเองไป จนเได้มาพบกับการลดน้ำหนักด้วยปากาลดน้ำหนัก อีกหนึ่งนวัตกรรมของวงการเสริมความงาม ถ้าถามว่าวิธีการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ปลอดภัยหรือไม่ หมอขอยืนยันตรงนี้ได้เลยว่าปลอดภัย100% เมื่อรู้แบบนี้แล้ว ไม่ว่าใครก็ตามที่มีปัญหาแบบเดียวกันกับคุณจ๋อมแจ๋มคนไข้ของหมอเอง ก็สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้เลย หรือคนที่กำลังตกอยู่ในสภาวะโรคอ้วน, มีน้ำหนักตัวที่เกินกว่ามาตรฐาน, คนที่ต้องการจะ ควบคุมอาหาร หรือปริมาณในการรับประทานอาหารในแต่ละวัน, คนที่ต้องการจะ ควบคุมน้ำหนัก และอยากได้ตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพ หรือคนที่  ออกกำลังกาย ก็แล้ว แต่น้ำหนักตัวยังไม่ลดลงเลย สำหรับคนที่มีปัญหาเหล่านี้ สามารถเข้ามาปรึกษาหมอได้เลย


ผู้ที่ห้ามใช้ปากกาลดน้ำหนัก  

หลายคนที่เข้ามาอ่านก็ได้ทราบกลไกในการออกฤทธิ์ของ ปากกาลดน้ำหนัก กันไปแล้ว ซึ่งก็เป็นนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์กับผู้ที่มีปัญหาในเรื่องของการ ควบคุมน้ำหนัก อย่างแท้จริง แต่ถึงอย่างนั้นหมอต้องบอกกับทุกคนก่อนเลยว่า มันก็จะมีกลุ่มคนบางประเภทที่ไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ได้ คนกลุ่มนั้นก็คือ คนที่รับประทานอาหารน้อยอยู่แล้ว เนื่องจากตัวยาลิรากูลไทด์มีฤทธิ์ช่วยในเรื่องของการ ควบคุมอาหาร ทำให้ผู้ที่ฉีดเข้าไป กินน้อยลง เพราะฉะนั้นตัวยาตัวนี้ไม่เหมาะกับผู้ที่รับประทานอาหาร หรือของจุกจิกได้น้อยอยู่แล้ว ต่อไปนอกจากคนกลุ่มนี้แล้ว ก็ยังจะมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่เหมาะกับวิธีการ ลดน้ำหนัก ด้วยวิธีนี้เช่นกันนั้นก็คือ ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร คนกลุ่มนี้ไม่สมควรลดน้ำหนักด้วยวิธีการนี้เป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวาน ไม่แนะนำให้ลดน้ำหนักด้วยการใช้ปากกาลดน้ำหนัก หลายคนถามหมอว่าทำไมผู้ป่วยที่มีโรคเบาหวานถึงไม่สามารถลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ได้ คำตอบของหมอก็คือ คนที่เป็นโรคเบาหวานเขาจะมียาที่ช่วยลดน้ำตาลในเลือดโดยเฉพาะอยู่แล้ว ยาตัวนั้นมีชื่อว่า Semaglutide หรือ เซมากลูไทด์ เป็นยารักษาโรคเบาหวาน


การใช้ปากกาลดน้ำหนักจะทำให้โยโย่ไหม 

การใช้ ปากกาลดน้ำหนัก จะทำให้มีอาการโยโย่หรือไม่ คำถามนี้หมอพบเจอบ่อยมาก ขนาดคนไข้ของหมอเองคุณจ๋อมแจ๋ม ช่วงแรกๆคุณจ๋อมแจ๋มเขาก็มีความกังวลในเรื่องนี้เหมือนกัน เนื่องจากเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีมา ก่อนหน้านี้คุณจ๋อมแจ๋มคนไข้ของหมอเองเล่าว่า เคยได้ลองทานยาลดน้ำหนักยี่ห้อหนึ่งลดดี แต่พอหยุดทาน น้ำหนักเกิน มากกว่าเดิมอีก กินเยอะกว่าเดิมด้วย ดังนั้นหมอก็เลยไม่แปลกใจที่จะมีหลายคนที่จะสงสัยและเป็นกังวลในเรื่องของอาการโยโย่ ดังนั้นเพื่อให้ทุกคนได้สบายใจ การ ลดน้ำหนัก ด้วยปากกาลดน้ำหนัก เป็นเรื่องดีที่วิธีนี้ไม่ทำให้เกิดอาการโยโย่หลังจากที่หยุดใช้ไปแล้ว เรื่องนี้หมอกล้าการันตีเลย เพราะตอนนี้คนไข้ของหมอคุณจ๋อมแจ๋มได้หยุดใช้ไปแล้ว ปัจจุบันนี้เธอก็ยังมีหุ่นที่สวยเหมือนเดิม ทุกคนอยากทราบไหมว่าทำไมคุณจ๋อมแจ๋มถึงยังมีหุ่นที่สวยและไม่กลับไปอ้วนอีกแล้ว ก็เพราะว่าคุณจ๋อมแจ๋มได้ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ หลังจากคุณจ๋อมแจ๋มได้ใช้ปากกาลดน้ำหนักไปแล้ว ทางหมอก็ได้แนะนำคุณจ๋อมแจ๋มเพิ่มไปอีกว่าให้ลองหาวิตามินที่ช่วยเร่งเผาผลาญมาทานดู ควบคู่ไปกับการ ออกกำลังกาย ด้วยจะดีมาก เพราะมันจะทำให้เห็นผลลัพธ์ได้รวดเร็วทันใจ โดยที่สุขภาพของคุณจ๋อมแจ๋มก็ยังสุขภาพดีเหมือนเดิม หลังจากที่คุณจ๋อมแจ๋มใช้ปากกาลดน้ำหนักควบคู่ไปกับการแนะนำของหมอ คุณจ๋อมแจ๋มน้ำหนักลงไปมากถึง 20 กิโลเลยทีเดียว สำหรับคนที่เข้ามาเคสตัวอย่างของหมอ ถ้าหากว่าสนใจอยากจะลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ ควรเข้ามาปรึกษาหมอก่อนจะดีกว่า คนไข้ไม่สามารถทำเองได้ที่บ้าน ทุกขั้นตอนควรอยู่ในการดูแลของหมอจะปลอดภัยที่สุด


 ผลข้างเคียงของปากกาลดน้ำหนัก ที่อาจเกิดขึ้นได้  

การใช้ ปากกาลดน้ำหนัก ช่วย ควบคุมน้ำหนัก ได้จริง ช่วย ควบคุมอาหาร ได้จริง อีกทั้งยังทำให้คนที่น้ำหนักเยอะ น้ำหนักเกิน กลับมา  รูปร่างสมส่วน รูปร่างที่ดี แต่ถ้าถามว่าผลข้างเคียงจากการใช้ยามีหรือไม่ หมออยากจะบอกกับทุกคนว่าอย่าพึ่งตกใจไปก่อน ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นจากการใช้ปากกาลดน้ำหนักไม่ได้ร้ายแรง ขอเพียงแค่คุณไม่ใช่คนที่ถูกห้ามไม่ให้ใช้ปากกาลดน้ำหนัก คุณก็จะไม่เป็นอันตรายใดๆอย่างแน่นอน เพียงแต่อาจจะรู้สึกถึงการบีบตัวของกระเพาะอาหารบ้างเล็กน้อย ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อยากจะอ้วกบางเป็นบ้างครั้งบางคร่าว อีกหนึ่งอาการนั้นก็คือ อาการท้องผูกนั้นเอง อย่างที่บอกว่า กินน้อยลง ทำให้ลำไส้ทำงานช้าลงไปบ้างเล็กน้อย แต่มันมีวิธีแก้ก็คือ การรับประทานวิตามิน หรือผักผลไม้ที่มีกากใยเยอะๆ ตรงนี้จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องของอาการท้องผูกได้ดีเลย หลายๆคนที่เป็นกังวลหมออยากจะบอกว่าไม่มีเรื่องใดให้ต้องกังวล ถ้ามารักษากับหมอโดยตรง หมอจะดูแลเป็นอย่างดีเลยทีเดีย


 วิธีการใช้งานของปากกาลดน้ำหนัก   

สำหรับคนที่เข้ามาปรึกษาหมอเป็นที่เรียบร้อย วิธีการใช้ ปากกาลดน้ำหนัก ไม่ได้มีขั้นตอนการใช้ที่ยุ่งยาก ในครั้งแรกอาจจะให้หมอเป็นผู้ฉีดให้ก่อน หลังจากนั้นถ้าคนไข้อยากจะนำไปฉีดเองที่บ้านก็สามารถทำได้ แต่อย่าลืมอ่านคำแนะนำก่อนใช้ หรือถ้าจะให้ดีซื้อปากกาลดน้ำหนักจากหมอโดยตรงดีกว่า หลังจากที่อ่านรายละเอียดเรียบร้อยแล้ว วิธีการฉีดก็คือ ควรฉีดก่อนอาหารกลางวัน ในส่วนของบริเวณที่ฉีดได้ก็จะมีต้นขา, หน้าท้อง และที่ไหล่ ข้อห้ามที่ไม่ควรทำเด็ดขาดเลยก็คือ ห้ามใช้บ่อยจนเกินไป หมอแนะนำให้ฉีดได้เท่าไหร่ ควรยึดคำที่หมอบอกเป็นหลัก ข้อห้ามอีกเรื่องก็คือ ห้ามใช้ปากกาลดน้ำหนักร่วมกับผู้อื่นเด็ดขาด อีกหนึ่งคำแนะนำควร ออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ควบคู่ไปด้วย จะทำให้รูปร่างดี สุขภาพดีมากยิ่งขึ้น  


ข้อสรุป   

จากภาพทุกคนที่เข้ามาอ่านก็คงจะเห็นแล้วว่า ปากกาลดน้ำหนัก ช่วย  ลดน้ำหนัก ได้จริง แถมยังเป็นวิธีที่ไม่อันตรายอีกด้วย การลดน้ำหนักด้วยปากกาลดน้ำหนัก ไม่ใช่ว่าจะเห็นผลได้ผ่านใน 3 วัน 7 วัน กว่าที่มันจะเห็นผลก็ใช้เวลาเป็นเดือนๆเช่นเดียวกัน เพียงแต่มันดีกว่าการที่ทุกคนจะต้องไปซื้อยาลดน้ำหนักมากิน โดยที่ไม่แน่ใจว่าเมื่อหยุดกินมันจะมีอาการโยโย่หรือไม่ แต่การลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ของหมอ ทางหมอขอยืนยันเอาไว้ตรงนี้เลยว่าไม่มีอาการโยโย่อย่างแน่นอน นอกจากนี้การลดน้ำหนักด้วยปากกาลดน้ำหนัก ไม่ได้มีข้อดีเพียงแค่ทำให้คุณกลับมา รูปร่างสมส่วน เท่านั้น แต่ยังจะช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้การกินของทุกคนได้อีกด้วย ดูอย่างคนไข้ของหมอเป็นตัวอย่างคุณจ๋อมแจ๋ม ตอนนี้เธอสามารถ ควบคุมอาหาร และ ควบคุมน้ำหนัก ได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ตอนนี้คุณจ๋อมแจ๋มไม่เพียงแต่รูปร่างดีเท่านั้น สุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตใจของเธอก็ดีมากอีกด้วย ด้วยเหตุนี้การที่หมอได้ออกมารีวิวเคสของคุณจ๋อมแจ๋มในวันนี้ ก็เพราะหมอรู้ดีว่ายังมีอีกหลายคนที่มีปัญหาแบบเดียวกับคุณจ๋อมแจ๋ม หมออยากให้ทุกคนเปิดใจ กล้าที่จะบอกเล่าถึงปัญหาของคุณ เมื่อหมอทราบแล้วหมอจะรักษาให้อย่างดีที่สุด อย่าลืมว่าการลดน้ำหนักที่ดีและไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ต้องปากกาลดน้ำหนักเท่านั้น ตอบโจทย์ทุกคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างและ น้ำหนักเกิน กว่ามาตรฐาน  


รักษารอยแผลเป็นด้วย เลเซอร์ลดรอย

รักษารอยแผลเป็น เพิ่มความมั่นใจให้ผิว รอยแผลเป็นแบบไหนก็เรียบเนียน

เชื่อว่าหนุ่มๆ สาวๆ หลายคน คงอยากมีผิวที่เนียนใสไร้รอยแผลเป็นกันใช่มั้ยคะ แต่ในความเป็นจริงแล้ว การที่จะมีผิวที่สมบูรณ์แบบไร้ที่ติเลยนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากค่ะ เพราะผิวของเราอาจเกิดรอยแผลเป็นได้จากหลายสาเหตุ เช่น สิวอักเสบ แผลจากการบาดเจ็บ หรือแม้กระทั่งการแพ้สารเคมีต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้น รอยแผลเป็นเหล่านี้ก็อาจจะฝังลึกจนรักษาได้ยาก ทำให้เรามีผิวที่ไม่เรียบเนียน ส่งผลต่อความมั่นใจของเราเป็นอย่างมาก เนื่องจากแผลเป็นบางชนิดเมื่อเป็นแล้วร่างกายจะไม่สามารถรักษาให้หายเองได้ ยังคงทิ้งร่องรอยต่างๆ เอาไว้ซึ่งเป็นปัญหาที่หนักใจของใครหลายๆ คน ดังนั้น ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักกับรอยแผลเป็นแต่ละประเภทว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง รวมไปถึงแชร์วิธีการรักษา รอยแผลเป็นแต่ละประเภทให้ค่อยๆ จางลง จะมีวิธีไหนบ้าง ไปชมกันได้เลย

รักษาแผลเป็น โดยแพทย์เฉพาะทางที่ เอยาคลินิก ทำให้มั่นใจกับผู้ที่เข้ามาทำการรักษามั่นใจได้ว่า การรักษาแผลเป็น รอยจางลง ผิวเรียบเนียนขึ้น

แผลเป็นไม่ว่าจะเกิดขึ้นบริเวณไหนก็ไม่มีใครอยากเป็น ยิ่งถ้ามีรอยแผลเป็นในบริเวณที่สามารถเห็นได้ชัด เช่น บริเวณ แขน ขา ใบหน้า ก็รู้สึกไม่โอเคเลยใช่ไหมค่ะ จริงๆแล้วแผลเป็นเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น รอยสิว จากอุบัติเหตุ จากแผลที่เกิดจากไฟไหม้ หรือแม้แต่การทำศัลยกรรม และสาเหตุอื่นๆอีกมากมาย เมื่อแผลเริ่มแห้งและดีขึ้นก็จะทิ้งรอยเอาไว้ทำให้ผิวหนังบริเวณที่เกิดรอยแผลมีการเปลี่ยนแปลงไป อาจจะมีรอยนูนบนผิว ขนาดเล็กขนาดใหญ่ตามรอยแผล รอยที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดปกติของเนื้อเยื้อในระหว่างที่ทำการซ่อมแซมตัวเองจนเกิดเป็นแผลเป็นในที่สุด

รอยแผลเป็นมีชนิดใดบ้าง  

 รอยแผลเป็นปกติ

รอยแผลเป็นแบบปกติ สามารถเกิดได้จากสาเหตุที่ไม่รุนแรงนัก เช่น รอยจากการเกา หกล้ม เกิดอุบัติเหตุ หรือรอยดำที่ลงเหลือจากการเกิดสิว โดยรอยแผลเป็นเหล่านี้สามารถจางหายไปได้เองในสภาพแวดล้อมที่ปกติ โดยจะเปลี่ยนจากสีที่เข้มมาก และค่อยๆ จางลงเป็นสีอ่อน สุดท้ายก็จะหายไปได้เองค่ะ

 รอยแผลเป็นแบบคีลอยด์

รอยแผลเป็นแบบคีลอยด์ เป็นรอยแผลเป็นที่นูนขึ้นมาจากผิวหนังโดยรอบและมีขนาดใหญ่กว่ารอยแผลเดิม มักมีสีแดงหรือสีม่วงเข้ม และอาจมีอาการคันหรือเจ็บได้ค่ะ รอยแผลเป็นชนิดนี้มักเกิดจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากเกินไปในบริเวณที่เกิดแผลหรือเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม 

 รอยแผลเป็นแบบนูนโต

รอยแผลเป็นแบบนูนโต เป็นรอยแผลเป็นที่นูนขึ้นมาจากผิวหนังโดยรอบ โดยมีสาเหตุมาจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนมากเกินไปเช่นเดียวกับแผลคีลอยด์เลยค่ะ แต่จะแตกต่างกันตรงที่รอยแผลเป็นแบบนูนโตมีคอลลาเจนน้อยกว่า โดยทั่วไปแล้วก็จะมีลักษณะแผลที่คล้ายกันอีกทั้งยังสามารถคันและเจ็บปวดได้เช่นกัน แต่ว่ารอยแผลเป็นแบบนูนโตจะคันเฉพาะจุดที่เป็นแผล แต่รอยแผลเป็นแบบคีลอยด์จะคันและเจ็บเป็นวงกว้างนั่นเองค่ะ

 รอยแผลเป็นแบบหลุม

รอยแผลเป็นแบบหลุม เป็นรอยแผลเป็นที่บุ๋มลงไปจากผิวหนังโดยรอบ รอยแผลเป็นชนิดนี้มักเกิดจากการที่ร่างกายสร้างคอลลาเจนน้อยเกินไปในบริเวณที่เกิดแผล ซึ่งตรงกันข้ามกับรอยแผลเป็นแบบนูนโตและแบบคีลอยด์เลยค่ะ นอกจากนี้ยังอาจเกิดขึ้นได้หลังจากเป็นสิว ทำให้ผิวบริเวณนั้นสูญเสียเนื้อเยื่อพยุงและยุบตัวลงไปจนสามารถสังเกตเห็นได้ชัดค่ะ

 รอยแผลเป็นแบบหดรั้ง

รอยแผลเป็นแบบหดรั้ง เป็นรอยแผลเป็นที่เกิดจากรอยแผลเป็นแบบนูนโตที่อยู่บนข้อต่อ เช่น บริเวณข้อศอกหรือหัวเข่า จึงทำให้รอยแผลเป็นชนิดนี้มีโอกาสที่จะเกิดขึ้นได้สูง เนื่องจากการเคลื่อนที่ไม่ได้ของข้อต่อระหว่างการสมานแผล ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากกว่าปกติ และสามารถขยับร่างกายได้น้อยลง

คุณโอม- เป็นคนไข้ที่มีรอยแผลเป็นปกติบริเวณแขน และข้อมือ ที่เห็นได้ชัดเจน ซึ่งเกิดจากอุบัติเหตุซึ่งหลังจากที่รักษาแผลจนแห้ง และอาการของแผลดีขึ้น ทำให้เกิดรอยแผลตามมา ซึ่งทำให้คุณโอมไม่มั่นใจเพราะรอยแผลที่เกิดขึ้นอยู่ในจุดที่สามารถมองเห็นได้ จึงได้เริ่มหาข้อมูลการรักษารอยแผลเป็น เพื่อคืนความมั่นใจให้กับตัวเอง

สวัสดีครับ ผมชื่อโอมนะครับ และนี่เป็นประสบการณ์ในการรักษาแผลเป็นครั้งแรกของผมเอง ต้องบอกก่อนเลยว่าผมไม่เคยคิดที่จะรักษาแผลต่างๆ ด้วยการเลเซอร์เลยสักนิด เพราะคิดว่าแค่ทายาก็อาจจะหายไปได้เอง แต่เมื่อหลายเดือนก่อนผมได้เกิดประสบอุบัติเหตุตอนที่เดินทางไปทำงาน คือมีป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ล้มและกำลังจะทับมาที่ตัวผม ผมเลยเอาแขนมาบังตัวเองเอาไว้ จึงทำให้เกิดบาดแผลนี้ขึ้นบริเวณข้อมือ ในช่วงแรกผมก็รอจนแผลแห้งตกสะเก็ดไปเอง และใช้ยาทารอยแผลเป็นร่วมด้วย แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปเกือบ 1 เดือน รอยแผลก็ไม่มีทีท่าว่าจะหายไปได้เลย ทำให้ผมต้องศึกษาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตในการรักษาเรื่องรอยแผลเป็นและเจอคำแนะนำว่าหากรักษาด้วยการเลเซอร์ รอยแผลเป็นเป็นวิธีการรักษาที่เห็นผลมากที่สุด เนื่องจากข้อมือเป็นบริเวณที่สามารถเห็นแผลเป็นได้ชัดมาก จึงทำให้ผมขาดความมั่นใจ จึงได้ติดต่อไปทาง “เอยาคลินิก” ซึ่งเป็นคลินิกที่รักษาเกี่ยวกับรอยแผลเป็นต่างๆ ทำให้ผมตัดสินใจรักษาด้วยการ เลเซอร์ รอยแผลเป็น โดยทันที ด้วยความที่เป็นคลินิที่ มีมาตรฐาน มีรีวิวเพียบ และที่สำคัญคุณหมอเป็นผู้ทำการรักษาเองทุกขั้นตอน ซึ่งคุณหมอก็แนะนำว่ารอยแผลเป็นของผมนั้นต้องทำการรักษาหลายครั้งมาก รอยแผลจะจางลงและดีขึ้น ซึ่งผมก็ได้ทำการเลซอร์ไปทั้งหมด 7-8 ครั้ง ต้องบอกเลยว่าผลลัพธ์ที่ได้นั้นเกินคาดมากๆ เลยทีเดียว รอยแผลเป็นที่เคยกวนใจตอนนี้ก็หายหมดแล้ว ทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นด้วยครับ ประทับใจการรักษาและการบริการที่เอยาคลินิกมากๆ 

วิธีการรักษารอยแผลเป็น 

วิธีการรักษาของ เอยาคลินิก ที่ทำการรักษาให้กับ คุณโอม คุณหมอใช้วิธีการรักษาด้วยการใช้ Q-switch Laser การใช้เลเซอร์ในการรักษานี้จะเป็นการกระตุ้นการสร้างผิวใหม่ เรียกได้ว่าเป็นการรักษาที่ดีสำหรับการรักษาเรื่องของรอยแผลเป็น และรอยต่างๆโดยเลเซอร์ชนิดนี้นะคะ เป็นคลื่นพลังงานความร้อนเพื่อทำลายเม็ดสีให้แตกตัว และไม่ทำอันตรายต่อผิวหนัง 

ซึ่ง Q-Switch Laser มีคลื่นพลังงานชนิดความยาวคลื่น 532 / 1064 ซึ่งความแตกต่างของพลังงานคือ

Q-switch ชนิดความยาวคลื่น 532

Q-switch ชนิดความยาวคลื่น 532 นาโนเมตร เป็นนวัตกรรมการเลเซอร์ที่ช่วยทำลายเม็ดสีในชั้นผิวหนังที่อยู่ชั้นตื้น เหมาะกับการเลเซอร์รอยต่างๆ ที่ยังไม่ฝังลึกมากนัก เช่น รอยฝ้า รอยดำ รอยแดง ปานแดง กระแดง เป็นต้น

Q-switch ชนิดความยาวคลื่น 1064

Q-switch ชนิดความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร  เป็นนวัตกรรมการเลเซอร์ที่มีส่วนช่วยในการรักษารอยต่างๆ บนผิวหนังที่ฝังลึก มีสีเข้มชัดและจางลงได้ยาก เช่น รอยแผลเป็น หรือรอยสัก เป็นต้น โดย Q-switch ชนิดนี้จะมีความยาวคลื่นค่อนข้างสูงมาก ทำให้รอยต่างๆ ในระดับชั้นผิวหนังลึกดูจางลงอย่างเห็นได้ชัด หากคนไข้ต้องการรักษารอยแผลเป็น หมอแนะนำความยาวคลื่น 1,064 นาโนเมตร จะได้ประสิทธิภาพมากที่สุดค่ะ

 ข้อสรุป  

โดยทั่วไปแล้วคนไข้จะสามารถสังเกตได้เลยว่า ไม่ว่าจะเป็นแผลที่เกิดจากการเกา เกิดจากสิว หรือเกิดจากอุบัติเหตุ มักจะทิ้งรอยดำเอาไว้ โดยบางรอยก็สามารถหายไปได้เอง เนื่องมาจากการที่ร่างกายเกิดการรักษาตัวเองนั่นเองค่ะ แต่รอยแผลเป็นที่เกิดจากอุบัติเหตุเป็นรอยแผลลึก หมอแนะนำว่าหากหายจากการอักเสบแล้วควรรีบเข้ามาปรึกษาแพทย์โดยทันที หากปล่อยทิ้งไว้นานๆ รอยแผลนั้นก็จะฝังลึกและลุกลามจนเป็นรอยแผลใหญ่ได้ค่ะ ยิ่งทำการรักษาได้เร็วจะเห็นผลได้ดียิ่งขึ้น เพราะการรักษารอยแผลเป็นต้องใช้เวลาในการรักษาอย่างน้อย 2 เดือนขึ้นไปเลยทีเดียว ขึ้นอยู่กับลักษณะแผลและความรุนแรงของการเกิดแผลค่ะ

ถึงแม้ว่าหลังจากการรักษาแล้ว ผิวของคนไข้อาจจะไม่ได้กลับมาเนียนใสเท่าเดิม 100% แต่ก็จะทำให้แผลเป็นจางลงอย่างเห็นได้ชัดและใช้เวลาในการรักษารวดเร็วและมีประสิทธิภาพกว่าการทายาแน่นอนค่ะ ที่สำคัญ จะต้องเลือกรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเท่านั้น เพื่อลดผลข้างเคียงจากการรักษาได้ค่ะ

ร้อยไหม เก็บแก้มห้อย

ร้อยไหมหน้าเรียว เก็บแก้มห้อย ใบหน้าหย่อนคล้อย

สาวๆหลายคนที่เริ่มมีอายุ หมอเชื่อว่าจะต้องพบเจอกับปัญหาเหล่านี้อย่างแน่นอนนั้นก็คือ แก้มห้อย หน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก หรือว่าหน้าเริ่มเป็นรูปตัว U ปัญหาตรงนี้ เป็นปัญหาที่ทุกคนจะต้องเจอไม่เพียงแต่ผู้หญิงเท่านั้น ผู้ชายก็ด้วยเหมือนกัน มันเป็นธรรมดาที่เมื่อเราอายุมากขึ้นคอลลาเจนที่อยู่ตามชั้นผิวหนังก็จะลดน้อยลงตามกาลเวลา ซึ่งวิธีการแก้ไขตรงนี้ทางแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก็ได้มีการคิดค้นออกมาหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นวิธีการผ่าตัดยกกระชับใบหน้า การศัลยกรรม หรือการรับประทานอาหารเสริมประเภทคอลลาเจนต่างๆ ที่มีขายให้เห็นทั่วไป แต่ทุกคนที่มีปัญหาในเรื่องของใบหน้าที่มันไม่เรียวเหมือนเมื่อก่อน ถ้าหากว่าคุณอยากให้ใบหน้าของคุณกลับมา หน้าเรียว ไม่หย่อนคล้อย หรือว่ามีร่องลึกตามบริเวณต่างๆบนใบหน้า หมอมีวิธีที่ดีกว่านั้น เป็นวิธีง่ายๆ ที่ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายไม่เยอะ วิธีที่หมอว่านั้นก็คือ ร้อยไหม วิธีนี้เป็นวิธีที่จะช่วย ปรับรูปหน้า ได้ที่ดีที่สุด ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ใช้เวลาในการพักฟื้นไม่นาน สำหรับใครที่สนใจหมอมีเคสตัวอย่างมาให้ดูด้วย 

สวัสดีค่ะ จากรูปที่ทุกคนเห็นก็จะเป็นคนไข้ของหมอเอง เคยช่วยรักษาให้ค่ะ สำหรับสาวๆท่านใดที่มีปัญหาเหมือนกับคนไข้ของหมอคนนี้ คุณสามารถเข้ามาอ่านที่หมอกำลังจะเล่าต่อไปนี้ได้เลย หมอให้ทุกคนได้เห็นว่ามันสามารถแก้ไขได้ การ ร้อยไหมหน้าเรียว สามารถทำให้รูปหน้ากลับมาสวยเหมือนเดิมได้ เดี๋ยวเรามาดูปัญหาของเคสคนไข้ตัวอย่างของหมอกันดีกว่า มาดูกันว่าบนใบหน้าของเขามีปัญหาอะไรที่จะต้องแก้ไขบ้าง จากรูปทุกคนเห็นไหมค่ะว่าคนไข้ของหมอคนนี้ เข้ามีปัญหาเกี่ยวกับใบหน้าของเขาเยอะเลย หมอจึงเริ่มวิเคราะห์ปัญหาออกมาได้ดังนี้  

  1. โครงหน้าเริ่มมีการเปลี่ยนไป เริ่มเป็นรูปตัวยูมากขึ้น ซึ่งมันจะทำให้มองไม่เห็นลำคอ
  2. ร่องแก้มลึกมาก แก้มย้อย เห็นร่องใต้ตาอย่างชัดเจน 
  3. แก้มส่วนล่างหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น ทำให้ผิวโหนกแก้มห้อย 
  4. ร่องแก้มลึกบริเวณกลีบจมูกและมุมปาก 
  5. เกิดร่องน้ำหมากบริเวณมุมปากยาวไปจนถึงคาง 
  6. เห็นเหนียงชัดเจนขึ้น หรือมีเหนียงสองชั้น 

ทั้ง 6 ปัญหาตรงนี้ ทุกคนเชื่อไหมค่ะว่าหมอสามารถแก้ไขได้ ด้วยวิธีการร้อยไหมของหมอเอง ซึ่งมันไม่ได้เจ็บ หรือว่าน่ากลัวอย่างที่หลายคนแอบกังวล สำหรับคนที่สนใจเดี๋ยวหมอจะมาเล่าให้ฟังว่าจะต้องมีการ เตรียมตัว และการดูแลอย่างไร แต่ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับวิธีการร้อยไหมของเรากันก่อนดีกว่า 

ปัญหาแก้มห้อย

ร้อยไหม คืออะไร

สำหรับคนที่ไม่เคย ร้อยไหม มาก่อน การศึกษาก่อนตัดสินใจทำเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ไม่ว่าใครที่เข้ามาปรึกษากับหมอ หมอก็จะอธิบายให้ทุกครั้งว่าการร้อยไหมก็คือ การใช้ไหมละลายร้อยเข้าไปบริเวณใต้ผิวหนัง หมอจะบอกกับคนไข้ที่มาปรึกษาเสมอว่าการร้อยไหมไม่ได้เป็นวิธีที่อันตราย เส้นไหมที่จะใช้จะมีเงี่ยงที่เล็กมากๆอยู่ ซึ่งเงี่ยงเล็กๆตรงนี้มันจะช่วยยกผิวหน้าขึ้น ทำให้ หน้าเรียว มากกว่าเดิม ไม่เหมือนกับตอนแรกที่เข้ามาปรึกษา หน้าหย่อนคล้อย ไม่สวยงาม นอกจากนี้การร้อยไหมสามารถที่จะเข้าไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้อีกด้วย ต่อมาเราก็จะมาดูกันว่าไหมที่นำมาใช้มีทั้งหมดกี่ประเภท แต่ในเคสคนไข้ตัวอย่างที่หมอเคยรักษามา คนไข้คนนี้หมอใช้ไหม 8D ให้เขา สำหรับชื่อของมันก็คือ ไหมเงี่ยง ลักษณะเด่นของไหมชนิดนี้อยู่ที่เข็มจะลักษณะเป็นเข็มปลายทู่ คุณสมบัติของมันก็คือ ไม่ตัดกับเส้นเลือด และไม่เกิดอาการบวมช้ำหลังจากที่ทำ หมอแนะนำแต่สิ่งดีๆให้กับคนไข้เสมอ


ไหมมีกี่ประเภท 

ที่บอกเอาไว้ในหัวข้อที่แล้วว่าจะมาบอกประเภทของไหมว่ามีกี่ประเภท เดี๋ยวหมอจะมาบอกในหัวข้อนี้ ไหมจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ ไหมละลายกับไหมที่ไม่ละลาย ซึ่งไหมทั้งสองประเภทนี้จะมีข้อแตกต่างกันอยู่ ข้อแตกต่างของไหมละลายคือ สามารถสลายได้เองตามธรรมชาติ ซึ่งจะเป็นไหมที่ได้รับความนิยมเพราะว่ามันปลอดภัย และไม่มีสารตกค้างใดๆ สำหรับไหมที่ไม่ละลายข้อแตกต่างคือ เคยเป็นที่ได้รับควานิยม แต่ตอนนี้ไม่แล้ว เนื่องจากไม่สามารถผ่านเครื่อง CT Scan หรือ MRI ได้ อีกทั้งไม่สามารถทนความร้อนได้ด้วย ไหมชนิดนี้จึงไม่เป็นที่นิยมอีกแล้ว ต่อไปหมอก็จะอธิบายถึงลักษณะของเส้นไหมที่ไม่ได้รับความนิยมแล้ว มาดูกันว่ามีเส้นไหมลักษณะใดบ้าง เพื่อที่คนที่กำลังอยากจะ ร้อยไหม จะได้มีความรู้ตรงนี้เอาไว้

ไหมชนิดที่ไม่ละลาย 

ปัจจุบันไม่ได้รับการนิยม และไม่สามารถนำมา ร้อยไหมหน้าเรียว ได้ 

  • ไหมพลาสติกประเภท พอลิโพรไพลีน (Polypropylene) ไหมชนิดนี้ไม่เหมาะที่จะนำมาร้อยไหมบนใบหน้าอีกแล้ว เพราะมันมีไว้สำหรับเย็บแผล ถ้าหากว่านำมาใช้อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น เกิดการอักเสบ เกิดการขาดของไหม ทำให้ หน้าหย่อนคล้อย เหมือนเดิม
  • ไหมทองคำ เป็นไหมที่ใช้ทองคำบริสุทธิ์มาเป็นส่วนประกอบ ปัจจุบันไม่ได้รับความนิยมแล้ว เนื่องจากไม่ทนต่อความร้อน และที่สำคัญอาจจะทำให้หน้าผิดรูปได้ 

ไหมชนิดที่ละลาย 

ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะช่วยทำให้ หน้าเรียว สามารถ ปรับรูปหน้า ได้จริง และไม่อันตราย 

  • ไหมเรียบ (Mono threads) เป็นไหมที่ไม่มีเงี่ยง คุณสมบัติจะช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้ดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว 
  • ไหมเกลียว (Screw threads) เป็นไหมชนิดเดียวกับไหมเรียบ แต่ลักษณะไม่เหมือนกัน ไหมแบบเกลียวจะช่วยในเรื่องของการเพิ่มวอลลุ่มของผิว ช่วยให้ผิวดูอิ่มฟูมากขึ้น 
  • ไหมเงี่ยง (Barbed threads หรือ Cog threads) เป็นไหมที่จะเห็นผลได้ดีถ้ายกกระชับผิวหน้า ช่วยลดปัญหาร่องแก้ม เงี่ยงไหมจะช่วยล็อกผิวได้ดีกว่า

ร้อยไหมช่วยเรื่องอะไรบ้าง

การ ร้อยไหม สามารถแก้ปัญหาได้หลายอย่างเลย สำหรับคนที่มีปัญหาบนใบหน้าไม่ว่าจะเป็น แก้มห้อย หน้าหย่อนคล้อย มีร่องแก้มลึก ใบหน้าไม่สวยดูไม่เป็นธรรมชาติเหมือนเมื่อก่อน การร้อยไหมจะช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ สำหรับคนที่อยากจะกลับมา หน้าเรียว ไม่มีเหนียงอีกครั้ง หมอสามารถ ปรับรูปหน้า ให้กลับมากระชับ ไร้ริ้วรอยเหมือนเดิมได้ ดูจากคนไข้ของหมอคนนี้ได้เลย จะเห็นได้ว่ามีปัญหาเยอะมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะร่องแก้มลึกบริเวณมุมปากและจมูก หรือใบหน้าเริ่มมีการเปลี่ยนรูป ตรงนี้หลังจากที่เข้ามาปรึกษากับหมอ หมอเองก็ได้ให้คำปรึกษาและบอกเขาไปว่าปัญหาเหล่านี้ การร้อยไหมจะช่วยแก้ปัญหาได้ทั้งหมด หมอได้อธิบายขั้นตอนการรักษาอย่างละเอียด จนตอนนี้หมอกล้าพูดได้เลยว่าสำหรับคนไข้ในเคสนี้ หมอสามารถแก้ไขปัญหาให้เขาได้ครบหมดทุกจุดจริงๆ ตอนนี้ใบหน้าของเขามีการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้อย่างชัดเจน ในวันแรกที่เข้ามาปรึกษาจนถึงปัจจุบันนี้ บอกเลยว่าแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด


ร้อยไหมเหมาะกับใคร

ถ้าถามว่าการ ร้อยไหม เหมาะกับคนกลุ่มใดมากที่สุด จากที่หมอเคยให้คำปรึกษาและรักษามาทั้งหมด ก็จะเป็นกลุ่มคนที่มีปัญหาในเรื่องของใบหน้าที่ไม่กระชับเหมือนเมื่อก่อน เริ่มมีอาการ หน้าหย่อนคล้อย หน้าย่น หน้าไม่กระชับ ทำให้ดูแก่เกินอายุไปมาก คนไข้กลุ่มนี้หมอจะพบบ่อยเลยในอายุ 30 ปีขึ้นไป ก็จะเริ่มทยอยเข้ามาปรึกษาหมอเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ดูอย่างคนไข้ในเคสนี้ ภาพก่อนที่จะร้อยไหมคือ ตอนแรกที่เข้ามาปรึกษาหมอ ซึ่งหมอก็ได้บอกว่าปัญหาที่ทำให้ใบหน้ามีความหย่อนคล้อย ไม่กระชับแบบนี้ เกิดจากการที่อายุเพิ่มมากขึ้น ระบบคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังมีการเสื่อมสภาพ ทำให้หน้าไม่เรียวและกระชับเหมือนเมื่อก่อน สามารถแก้ไขได้โดยการ ร้อยไหมหน้าเรียว ซึ่งมันจะช่วยทำให้ หน้าเรียว กระชับเหมือนเมื่อก่อน จริงไม่จริงก็ดูได้จากภาพที่สองได้เลย ภาพหลังจากที่ร้อยแล้วจะเห็นว่าแตกต่างกันเลย

ร้อยไหมเหมาะกับใคร

ข้อดี และ ข้อเสียของการร้อยไหม

ข้อดีของการ ร้อยไหม หมอคิดว่าคนส่วนใหญ่รู้กันอยู่แล้ว แต่หมอก็อยากจะย้ำอีกครั้ง เพื่อที่จะให้ทุกคนที่สนใจและมีปัญหาได้เห็นว่าการ ร้อยไหมหน้าเรียว สามารถช่วยแก้ปัญหาได้จริงๆ ซึ่งข้อดีมีดังนี้ 

  • คนไข้ที่ทำการร้อยไหมเสร็จแล้ว คุณสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ไม่เหมือนกับการผ่าตัดยกกระชับผิวหน้า 
  • หลังจากที่ร้อยไหมไปแล้ว ตัวไหมจะอยู่ได้นานถึง 1-3 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลของแต่ละคน
  • การร้อยไหมเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหา หน้าหย่อนคล้อย หรือ ปรับรูปหน้า แบบไม่ต้องผ่าตัด 
  • การร้อยไหมสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆได้ เช่น การทำ HIFU BOTOX FILLER MESOFAT ซึ่งขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ในแต่ละเคสที่แตกต่างกันออกไป 

ทั้งหมดที่ทุกคนเห็นนี้ก็คือ ข้อดีของการร้อยไหม แต่มีคนไข้บางคนของหมอถามว่าแล้วการร้อยไหมมันมีข้อเสียไหม หมอก็ต้องตอบตามความเป็นจริงว่ามี 

ข้อเสียจากการร้อยไหมมีอะไรบ้างเดี๋ยวเรามาดูไปพร้อมๆกัน ข้อเสียของการร้อยไหมมีดังนี้ 

  • คนไข้ที่มีผิวหน้าที่หย่อนคล้อยมากจนเกินไป ไม่สามารถร้อยไหมได้ 
  • คนไข้ที่ต้องการยกกระชับผิวหน้า ต้องเข้าใจในข้อนี้ว่าผิวหน้าที่ยกกระชับขึ้นมา จะได้เพียงไม่กี่มิลลิเมตรเท่านั้น 
  • หลังจากที่ร้อยไหมจะไม่สามารถทำเลเซอร์ได้ประมาณ 1 อาทิตย์ 

สำหรับข้อเสียตรงนี้ หมอคิดว่าคนไข้ทุกคนสามารถยอมรับมันได้ ยกเว้นในข้อแรกที่อาจจะต้องหาวิธีอื่นๆในความคิดของหมอ 


การเตรียมตัวก่อนร้อยไหมมีอะไรบ้าง

สำหรับคนที่ต้องการจะ ร้อยไหม การเตรียมตัวก่อนทำเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะไม่ใช่ว่าคนที่มีปัญหาในเรื่องของใบ หน้าหย่อนคล้อย จะแก้ได้ทุกคน เพราะมันยังมีปัจจัยอื่นๆที่จะตรวจสอบ หรือว่าเช็คก่อนเสมอ สำหรับคนที่มีโรคประจำตัว จะต้องเข้ามาปรึกษาหมอก่อนที่จะทำการร้อยไหม เหตุผลก็เพราะว่าหมอจะได้วางแผนในการรักษาได้ถูกต้อง คนไข้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวาน, โรคหัวใจ, โรคภูมิแพ้ตัวเอง และโรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคเหล่านี้จะต้องผ่านการให้คำปรึกษาของหมอก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันและลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น  สำหรับการเตรียมตัวก่อน ร้อยไหมหน้าเรียว ยกกระชับในส่วนที่ไม่เกี่ยวกับโรค การเตรียมตัวตรงนี้คือ ทุกคนสามารถเตรียมตัวได้ด้วยตัวเองได้เลย สิ่งที่คนไข้ทุกคนจะต้อง เตรียมตัวมีดังนี้ 

  • งดการรับประทานอาหารเสริม 3-7 วัน ก่อนวันที่จะร้อยไหม 
  • จะต้องไม่มีประวัติการแพ้ยาชา 
  • จะต้องสระผมให้สะอาดก่อนที่จะมาร้อยไหม 
  • งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ 1 วัน 
  • หากมีนัดกับหมอทันตแพทย์ที่เกี่ยวกับฟัน ควรทำฟันมาก่อนที่จะร้อยไหม 
  • หากว่ามีปัญหาในเรื่องของผิวหนังบนใบหน้า เช่น เป็นสิวอักเสบ, ผิวหนังอักเสบ ควรรักษาให้หายดีก่อน

ทั้งหมดนี้ ก็จะเป็นสิ่งที่คนไข้ทุกคนที่ต้องการจะร้อยไหมจะต้องเตรียมตัวมาให้ดี เพราะตรงนี้มันจะมีผลกับขั้นตอนการร้อยไหมหมดเลย สำหรับใครที่ไม่เตรียมตัวมาให้ดี หมอจะไม่อนุญาตให้ร้อยไหมโดยเด็ดขาด เพื่อความปลอดภัยของคนไข้เอง ดังนั้นปฏิบัติตามกันด้วยนะ 


ขั้นตอนในการร้อยไหม

ในการ ร้อยไหม จะมีขั้นตอนในการร้อยที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่ต้องการจะรอยว่าอยู่ในตำแหน่งใด แต่สำหรับคนที่อยากจะเห็นขั้นตอนในการร้อยไหมเป็นอย่างไร หมอก็สามารถนำขั้นตอนในการร้อยไหมขั้นพื้นฐานมาแสดงให้ทุกคนได้เห็นได้ ซึ่งขั้นตอนในการร้อยจะมีขั้นตอนต่อไปนี้ 

  1. สำหรับคนไข้ที่พร้อมสำหรับการร้อยไหม เพื่อ ปรับรูปหน้า ใหม่ให้กระชับมากกว่าเดิม หมอจะให้นอนราบไปกับเตียง หลังจากนั้นก็จะทำการชัดด้วยแอลกอฮอล์ เพื่อทำความสะอาด 
  2. หลังจากนั้นก็จะฉีดยาชา เพื่อลดอาการเจ็บปวดระหว่างที่กำลังร้อยไหม 
  3. เมื่อยาชาเริ่มออกฤทธิ์ หมอก็จะเริ่มสอดไหมเพื่อทำการร้อยในทันที 
  4. หลังจากที่หมอสอดไหมเข้าไปแล้ว คนไข้จะเริ่มรู้สึกว่า หน้าหย่อนคล้อย จะเริ่มยกกระชับขึ้น แก้มย้อย ก็เริ่มกลับมาตึงขึ้นอีกครั้ง 
  5. ถ้าหากรู้สึกว่าหมอเริ่มเอาเข็มออก แสดงว่าการร้อยไหมได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว 

สำหรับขั้นตอนในการร้อยไหมขั้นพื้นฐานก็จะมี 5 ขั้นตอนตามนี้เลย ทุกคนมั่นใจได้เลยในทุกขั้นตอนการทำ หมอจะพยายามให้เกิดความผิดพลาดที่น้อยที่สุด คนไข้ของหมอทุกเคสไม่มีใครมีปัญหาเลย ทุกคนบอกว่าหมอมือเบา หลังจากนี้ก็จะเป็นการดูแลหลังจากที่ร้อยไหมไปแล้ว การดูแลจะเป็นแบบไหนนั้นเดี๋ยวเรามาดูกันในหัวข้อต่อไปได้เลย 

รีวิวการร้อยไหม ฉบับวีดีโอ คลิกเลย https://www.youtube.com/watch?v=lCz_gV4-il8


การดูแลตัวเองหลังการร้อยไหม

สำหรับการดูแลหลังจากที่ผ่านการ ร้อยไหม มาแล้ว ถ้าหากว่าอยากให้ผลลัพธ์คงอยู่ได้นาน การดูแลเป็นเรื่องที่จำเป็น และควรที่จะต้องใส่ใจให้มากที่สุด ดูอย่างคนไข้ของหมอคนนี้ จากวันแรกที่ได้เข้ามาปรึกษาหมอเกี่ยวกับปัญหาต่างๆบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็น หน้าหย่อนคล้อย แก้มย้อย ร่องแก้ม และมุมปากลึกจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ก็ยังมีปัญหาอื่นๆอีกมากมาย หลังจากที่ร้อยไหมผ่านไปได้ 3 อาทิตย์ จากรูปที่เห็นคือผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจากการดูแลหลังจากร้อยไหม ทุกคนเห็นไหมว่าผลลัพธ์มันออกมาดีขนาดไหนสำหรับใครที่ไปร้อยไหมมา ถ้าอยากให้ผลลัพธ์ออกมาดีและสวยแบบนี้ ให้เอาคำแนะนำของหมอไปใช้ได้เลย 

  • หลังทำ 3 ชม. สามารถโดนน้ำได้ไม่เกิน 15 นาที 
  • หลังจากที่ยาชาหมดฤทธิ์ จะเริ่มมีอาการบวม สามารถประคบเย็นได้ 
  • อาการบวมจะหายไปในระยะเวลา 14 วัน 
  • ไม่ควรรับประทานอาหารจำพวกหมักดอง, ของดิบ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • หลังจากที่ทำ 3 วัน อาการจะเริ่มดีขึ้น แต่ถ้าหากว่าไม่ดีขึ้นให้มาปรึกษาหมอได้เลย 
  • ไม่ควรอ้าปากกว้างบ่อยเกินไป หรือแปรงฟันแรงๆ 

บุคคลที่ไม่ควรร้อยไหม

ในกรณีที่คนไข้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับ หน้าหย่อนคล้อย ต้องการที่จะ ปรับรูปหน้า ใหม่ให้มันกระชับขึ้น การ ร้อยไหมหน้าเรียว ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีการรักษาที่ช่วยได้ แต่ไม่ใช่กับคนไข้ที่มีลักษณะอาการเหล่านี้ 

  • คนไข้ที่มีสภาวะปิวหนังอักเสบจากการร้อยไหม 
  • คนไข้ที่มีแระวัติแพ้ส่วนประกอบต่างๆของเส้นไหม 
  • คนไข้ที่มีประวัติการแพ้ยาชา 
  • คนไข้ที่มีโรคแระจำตัวต่างๆ ที่หมอวินิจฉัยแล้วว่าไม่สามารถร้อยไหมได้ 

บุคคลเหล่าคือ ถ้าหากว่าหมอวินิจฉัยแล้วว่าไม่ได้ หมอก็จะไม่ทำการร้อยไหมให้ แต่ในบางกรณีเท่านั้น แต่น้อยมาก 


คำถามที่พบบ่อย

การร้อยไหมอยู่ได้นานแค่ไหน

หลังจากที่ ร้อยไหม เสร็จแล้ว ผลลัพธ์จากการรักษาตรงนี้ จะอยู่ได้นานถึง 2-3 ปี แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลของคนไข้ด้วยเหมือนกัน เช่น ดื่มเหล้า หรือสูบบุหรี่ทุกวัน อันนี้ไหมอยู่ได้ไม่ถึงปีแน่นอน

การร้อยไหมอันตรายหรือไม่

ตรงนี้หมอเองก็ได้บอกไปตั้งแต่ต้นแล้วว่าการร้อยไหมคือ วิธีที่จะช่วยทำให้หน้ากลับมาเรียว กลับมากระชับขึ้นอีกครั้ง เป็นวิธีที่ไม่อันตราย เพราะไหมที่ใช้เป็นไหมที่สามารถย่อยสลายไปตามธรรมชาติได้ ดังนั้นวางใจได้ไม่มีสารตกค้างอย่างแน่นอน


รีวิวหลังร้อยไหม

หลังร้อยไหม 3 สัปดาห์

ข้อสรุป

การ ร้อยไหม เป็นอีกหนึ่งการรักษาที่ดีที่จะช่วยลดปัญหา หน้าหย่อนคล้อย ร่องแก้มลึก แก้มย้อย หรือปัญหาต่างๆบนใบหน้า ที่ทำให้คุณใช้ชีวิตประจำวันของคุณยากขึ้น สำหรับคนที่มีปัญหาในเรื่องนี้ หมออยากให้คุณรู้เอาไว้ว่าคุณไม่ใช่คนแรก เพราะทางหมอเองก็เคยได้ให้คำปรึกษาและรักษาคนไข้ที่มีปัญหาแบบนี้มาแล้วมากมาย ตัวอย่างเช่นคนไข้ที่หมอเล่าให้ฟังในตอนแรก เคสนี้เป็นเคสที่หมอภูมิใจมาก เพราะเขาเป็นคนที่มีปัญหาเยอะมากกว่าคนไข้ทุกคนที่หมอเคยรักษามา ปัญหาหลักๆ ที่เห็นได้ชัดจากเคสคนไข้คนนี้คือ ร่องแก้มลึกบริเวณกลีบจมูกและมุมปาก, แก้มดูหย่อนคล้อย, ใบหน้าเริ่มมีการเปลี่ยนรูป ทำให้เวลามองแล้วเหมือนไม่มีคอ, มีร่องน้ำหมากบริเวณมุมปาก จากปัญหาทั้งหมดนี้ หมอสามารถแก้ไขและรักษาให้เขาได้ด้วยวิธีการ ร้อยไหมหน้าเรียว ต้องยอมรับว่าการยกกระชับใบหน้าด้วยการร้อยไหมเป็นวิธีการรักษาที่ดีจริงๆ ไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด สามารถกลับมาพักฟื้นและใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ ทุกคนเชื่อไหมว่าหลังจากที่ผ่านไป 3 อาทิตย์ คนไข้ที่เข้ามาร้อยไหมกับหมอตอนนี้ใบหน้าเข้ารูปคงที่เรียบร้อยแล้ว สามารถดูได้จากภาพได้เลย เห็นไหมว่าการร้อยไหมไม่ได้อันตรายเลย สำหรับคนที่ไม่เคยร้อยไหมไม่ต้องกลัว หมอจะให้คำแนะนำและความรู้ในทุกเรื่องตั้งแต่ขั้นตอนการร้อยไหมไปจนถึงการดูแลเลย ทุกคนที่สนใจสามารถวางใจได้100% 

เพิ่มเพื่อนไลน์

กำจัดไฝ ขี้แมลงวัน ต่อมไขมัน ด้วย CO2 Laser

รีวิว CO2 Laser รักษาต่อมไขมัน กำจัดไฝ กระเนื้อ เผยผิวกลับมาเนียนใส

สวัสดีค่ะ วันนี้หมอก็จะมารีวิวการรักษา ต่อมไขมันใต้ตา สำหรับคนที่มี ไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ติ่งเนื้อ เป็นต้น ปัจจุบันนี้หมอพบว่ามีคนที่อยากจะ จี้ไฝ และ จำกัดขี้แมลงวัน เกิดขึ้นมากมาย มีหลายคนที่เดินเข้ามาหาหมอและปรึกษาหมอเกี่ยวกับเรื่องนี้เยอะมาก ซึ่งส่วนตัวหมอเองหมอเข้าใจว่าทำไมคนไข้ทุกคนถึงได้อยากจะกำจัดพวกสิ่งเหล่านี้ออกไป สำหรับคนที่รักสวยรักงามไม่ว่าจะผู้หญิง หรือผู้ชายก็ตาม การมีไฝ การมีขี้แมลงวัน หรือพวกกระเนื้อต่างๆบริเวณใบหน้า หรือตามร่างกายก็อาจจะทำให้รู้สึกไม่ดี รู้สึกไม่สบายตา คนไข้หลายคนเข้ามาถามหมอว่ามีวิธีจำกัดสิ่งเหล่านี้ออกไปได้หรือไม่ หมอก็ตอบคนไข้ไปว่ามี ซึ่งวิธีการรักษานั้นก็คือ การเลเซอร์ หรือเรียกกันในอีกชื่อหนึ่งว่า CO2 Laser เป็นเทคโนโลยีที่จะช่วยกำจัดพวกไฝ และขี้แมลงวันที่ทันสมัยที่สุด ถ้าพูดถึงเรื่องความปลอดภัย หมอคิดว่าการกำจัดสิ่งเหล่านี้ ด้วยวิธีที่หมอแนะนำไปปลอดภัยกว่าการที่คนไข้ยอมเสียเงินเพียงไม่กี่บาท ไปซื้อพวกครีม กำจัดไฝ หรือขี้แมลงวันตามท้องตลาดเสียอีก สำหรับเหตุผลที่หมอไม่แนะนำก็เพราะว่า เราไม่รู้ว่าครีมตัวนั้นปลอดภัยจริงหรือไม่ ต่อให้ไฝหลุดจริงก็อาจจะเกิดอาการข้างเคียงตามมาเช่น เกิดหลุมแผลลึก การเกิดอักเสบ หรือเกิดการติดเชื้อ เป็นต้น ดังนั้นการรักษาด้วย CO2 Laser จึงเป็นวิธีที่ดีที่สุด ซึ่งเดี๋ยวหมอจะมารีวิวให้ดูเองว่ามันดีจริงรึเปล่า 

CO2 Laserใช้รักษาอะไรได้บ้าง

ทำความรู้จักต่อมไขมัน ขี้แมลงวัน กระเนื้อ เกิดขึ้นได้อย่างไร

สำหรับหัวข้อตรงนี้ หมอก็อยากจะพาคนไข้ของหมอทุกคนให้เข้ามาทำความรู้จักกับต่อมไขมัน หรือว่าพวก ไฝ ขี้แมลงวัน หรือแม้แต่พวก กระเนื้อ หมออยากให้ทุกคนได้รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้สามารถเกิดได้กับทุกคนไม่ว่าจะผู้หญิง หรือผู้ชาย เกิดขึ้นได้จากพันธุกรรม บางคนมีมาตั้งแต่กำเนิด หรือบางคนพึ่งมาเกิดเอาตอนหลัง ถ้าถามว่าอันตรายไหม ส่วนใหญ่แล้วไม่อันตราย แต่อาจจะทำให้รู้สึกไม่สบายใจบางเล็กน้อย หรือคนไข้บางคนก็มีแต่มันอยู่ในร่มผ้าก็เลยไม่รู้สึกว่ามันจะมีผลต่อการใช้ชีวิตของในบางคน แต่สำหรับคนที่มีสิ่งเหล่านี้ตามบริเวณใบหน้า หรือตามลำคอที่อาจจะมองเห็นได้ชัด หมอนึกภาพออกเลยว่าทุกคนที่เป็นจะรู้สึกอย่างไร เพราะแบบนี้หมอถึงได้แนะนำวิธีการรักษาที่ดีที่สุด ปลอดภัยทุกคนสามารถ จำกัดขี้แมลงวัน หรือ จี้ไฝ โดยที่ไม่ต้องผ่าตัดเลยด้วยซ้ำ แต่ก่อนที่เราจะไปถึงตรงนั้น หมออยากให้ทุกคนได้เข้ามารู้จักกับสิ่งกวนใจพวกนี้ให้ดีเสียก่อน 

ไฝ (Mole)

ไฝคือ เซลล์เมลาโนไซต์ที่อยู่ตามบริเวณผิวหนังชั้นกำพร้า มักจะเกิดกับคนที่มีผิวขาวมากกว่าคนผิวคล้ำ ไฝเกิดขึ้นได้แต่กำเนิด

ขี้แมลงวัน (Fleck)

ขี้แมลงวันก็จะเหมือนกับไฝคือ เกิดจากเซลล์เมลาโนไซต์อยู่ตามบริเวณผิวหนังชั้นกำพร้าเหมือนกัน มีตั้งแต่สีน้ำตาลและสีดำเข้ม ขี้แมลงวันสามารถเกิดขึ้นเองได้ในภายหลัง จะมีขนาดเล็กเรียบไปกับผิวหนัง 

กระเนื้อ (Seborrheic Keratosis)

กระเนื้อ จะเป็นโรคผิวหนังชนิดหนึ่ง เกิดขึ้นได้จากการโดนรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดดเป็นเวลานาน เกิดขึ้นได้เอง มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ชอบทำกิจกรรมกลางแจ้ง ผู้สูงอายุ ไม่เป็นอันตราย 

ต่อมไขมัน

ต่อมไขมันคือ ต่อมรูปกระเปาะเล็กๆที่อยู่ในชั้นผิวหนังแท้ มักจะเกิดขึ้นบริเวณหนังศรีษะ บนใบหน้า และรอบๆรูเปิดต่างๆ เช่น จมูก ปาก บริเวณใกล้ๆดวงตา เป็นต้น 


การรักษาต่อมไขมัน กระเนื้อ ขี้แมลงวัน ที่เอยาคลินิก

ไม่ว่าใครก็ตามที่มีปัญหาเกี่ยวกับไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ หรือ ติ่งเนื้อ ถ้าหากว่าอยากจะ จี้ไฝ ทุกคนที่มีปัญหาสามารถที่จะเข้ามารักษากับหมอได้เลย ซึ่งหมอเปิดรับคนไข้ทุกคน อย่างที่หมอเคยได้บอกไปตั้งแต่ตอนแรกว่ามีคนไข้หลายคนมากๆที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าถามว่าเคยมีคนไข้เข้ามาให้หมอ กำจัดไฝ หรือ กำจัดขี้แมลงวัน ออกให้หรือไม่ หมอตอบได้เลยว่ามี ซึ่งในเคสนี้ที่หมอเคยได้รักษามา เขาเป็นผู้หญิงที่มีทั้งไฝ และติ่งเนื้อขึ้นตามบริเวณใบหน้าและลำตัว ที่ค่อนข้างเยอะ เขาเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีหน้าตาที่สวย แต่เป็นเพราะไฝและติ่งเนื้อทำให้บดบังความสวยตรงนี้ไป คนไข้เล่าให้หมอฟังว่าเขาอยากจะกำจัดไฝ และติ่งเนื้อตรงนี้ออกไปให้หมด เพราะเขารู้สึกไม่มั่นใจเลยเวลาที่จะต้องออกไปทำงาน หรือเวลาที่ส่องกระจก พอได้ยินแบบนั้น ทุกคนเชื่อไหมว่าจากที่หมออยากจะรักษาเขาอยู่แล้ว และหมอก็ได้ให้คำแนะนำกับเกี่ยวกับการรักษากับทางคลินิกไปหลายเรื่องมากๆ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการรักษา รวมไปถึงเน้นย้ำในเรื่องของความปลอดภัยอย่างชัดเจน ตอนนี้คนไข้ในเคสที่หมอเคยดูแลอยู่นี้ เขาก็ไม่มีไฝ หรือติ่งเนื้อหลงเหลือให้เห็นอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้จากที่เขาเคยเป็นผู้หญิงที่ไม่มีความมั่นใจเลย มาในตอนนี้เธอกลายมาเป็นผู้หญิงที่สวยและมีความมั่นใจล้นเหลือ หมอบอกแล้วว่าการรักษาของทางคลินิกช่วยได้ เพราะฉะนั้นเดี๋ยวเราจะมาทำความรู้จักกับเครื่อง CO2 Laser ที่เอาไว้กำจัดติ่งเนื้อ กระเนื้อ ไฝ และขี้แมลงวันโดยเฉพาะ

CO2 Laserจี้ขี้แมลงวัน

ทำความรู้จักเครื่อง CO2 Laser

สำหรับคนที่อยากจะ จี้ไฝ ออกจริงๆ สามารถทำได้ด้วยการเลเซอร์ หรือเครื่อง CO2 Laser เป็นเครื่อง กำจัดไฝ ขี้แมลงวัน หรือพวก กระเนื้อ ได้เป็นอย่างดี การรักษาในปัจจุบันนี้ต้องยอมรับว่าเทคโนโลยีเริ่มที่จะทันสมัยมากขึ้น ตอบโจทย์สำหรับคนไข้ที่ต้องการที่จะเข้ารับการรักษาในทันที นอกจากเครื่องมือที่ทันสมัยมากขึ้นแล้ว ในวงการแพทย์ก็มีทีมแพทย์ที่มีความรู้ในด้านนี้จริงๆเพิ่มมากขึ้น ทำให้คนไข้ที่เข้ามารักษารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะ อย่างที่หมอได้บอกไปว่าสำหรับคนไข้ที่ต้องการจะกำจัดสิ่งเหล่านี้ออกไป การเลเซอร์คือ ขั้นตอนในการกำจัดที่ปลอดภัยที่สุด แถมยังมาพร้อมกับความสะดวกสบายและขั้นตอนการรักษาที่รวดเร็ว

สำหรับคุณสมบัติ หรือการทำงานของเครื่องเลเซอร์คือ จะใช้แสงเลเซอร์ชนิดคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีความยาวคลื่น 10,600 นาโนเมตรในการยิง คุณสมบัติของเลเซอร์ชนิดนี้คือ จะมีความละเอียดและความแม่นยำสูงมาก สามารถเลือกตำแหน่งที่ต้องการจะยิงเลเซอร์ได้เลย ตัวอย่างเช่น อยากจะ รักษากระ ทุกรอยก็ทำได้ จากจะ กำจัดขี้แมลงวัน ก็ทำได้เช่นกัน ถ้าถามว่าเจ็บไหมระหว่างที่ยิงเลเซอร์ หมอบอกได้เลยว่าไม่เจ็บ สิ่งที่จะเกิดขึ้นมีเพียงแค่สะเก็ดแผลบนผิวเท่านั้น อีกหนึ่งคำถามการยิงเลเซอร์ก่อให้เกิดอันตรายอย่างเช่น การเกิดโรคมะเร็งหรือไม่ หมอตอบได้เลยว่าไม่ทำให้เกิดมะเร็ง100% ถ้าหากว่าอยู่ในภายใต้การดูแลของทีมแพทย์ผิวหนังที่มีความเชี่ยวชาญน้อยมากที่จะเกิดอันตราย หรือผลข้างเคียง หลังจากที่เข้ารับการรักษาเสร็จสิ้นกระบวนการแล้ว คนไข้สามารถกลับบ้านได้ทันที โดยที่หมอจะให้คำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลเบื้องต้นให้เรียบร้อย คนไข้สามารถทำงานได้ตามปกติ เห็นไหมว่านวัตกรรมการรักษาสมัยนี้มันดี และก็ตอบโจทย์มากจริงๆ สำหรับใครที่สนใจก็สามารถเข้ามาปรึกษากับหมอได้ตลอด ทางคลินิกพร้อมที่จะรักษาให้อย่างสุดความสามารถ 

CO2 Laser

ขั้นตอนการรักษาเลเซอร์ CO2 

สำหรับหัวข้อตรงนี้ หมอก็จะเล่าถึงขั้นตอนการ รักษากระ หรือการ จี้ไฝ ออกด้วยเครื่องเลเซอร์ของเรา หมออยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านได้เห็นถึงกระบวนในการรักษา สำหรับคนที่ไม่เคย กำจัดขี้แมลงวัน ด้วยเครื่อง CO2 Laser เดี๋ยวหมอจะเล่าให้ฟังว่ามันปลอดภัยและดีมากแค่ไหน คนไข้ที่เคยมารักษากับหมอหลายคน ชอบกังวัลไปก่อนว่าเมื่อเข้ามา กำจัดไฝ หรือจี้พวก กระเนื้อ ออกไป จะมีรอยแผลเป็น หรือเป็นหลุมแผล หมอยืนยันได้เลยตรงนี้ การรักษาด้วยเทคโนโลยีอย่างเครื่อง CO2 Laser จะไม่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น หรือว่าหลุมแผลอย่างแน่นอน เพราะตัวเครื่องได้รับการรองรับแล้วว่าปลอดภัย แถมยังมีประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด เพราะฉะนั้นสำหรับใครที่สนใจสามารถเข้ามาดูขั้นตอนในการรักษาด้วยเครื่อง CO2 Laser กับหมอได้เลย เดี๋ยวหมอจะอธิบายในแบบที่ทุกคนสามารถเห็นออกมาเป็นภาพๆได้เลย สำหรับคนที่ต้องการจะมากำจัดไฝ หรือ ขี้แมลงวัน ก่อนที่จะมาทำหมอมีคำแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยงการออกแดดย่างน้อย 2 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำ เพื่อป้องกันการเกิดรอยดำหลังทำ หรือลดโอกาสที่จะเกิดอาการระคายเคือง นอกจากนี้งดแต่งหน้าด้วยจะดีมาก สำหรับขั้นตอนรักษามีดังนี้

  • ก่อนที่จะทำการเลเซอร์ หมอจะให้ทำความสะอาดก่อนทุกครั้ง หลังจากนั้นหมอก็จะทำการทายาชาตรงบริเวณที่ต้องการจะจี้ หรือลบรอยออก ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที เพื่อรอให้ยาชาออกฤทธิ์ สำหรับคนไข้ของหมอทุกคนที่มาทำ หมอถามว่าเจ็บไหม คนไข้หลายคนบอกว่าไม่เจ็บเลย 
  • หลังจากที่ยาชาเริ่มออกฤทธิ์แล้ว ทางหมอก็จะเริ่มทำการเลเซอร์ หมอจะทำการปิดตาคนไข้เอาไว้ เพื่อป้องกันแสงเลเซอร์ หลังจากนั้นหมอก็จะเริ่มทำการรักษาทันที ในขณะที่ทำจะไม่มีอาการใดๆ ระยะเวลาในการทำคือ ไฝ 1 เม็ด จะใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาที เท่านั้น 

สำหรับคนไข้ที่มีไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ติ่งเนื้อ พวกนี้ไม่เยอะ ก็จะใช้เวลาในการกำจัดไม่นาน สามารถกลับไปดูแลตัวเองต่อที่บ้านได้ทันที รอยจะหายกลับมาเป็นปกติภายใน 7-10 วัน 


ข้อปฎิบัติตัวหลังการทำเลเซอร์

ในส่วนของการกลับมาดูแลด้วยตัวเองต่อที่บ้าน หลังจากที่ทำการรักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว การดูแลผิวหน้าที่ดีหลังจากทำการเลเซอร์ลบรอยที่ไม่ต้องการ เช่น ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ติ่งเนื้อ ในการดูแลผิวหน้าตรงนี้ เพื่อให้ผิวหน้ากลับมาเรียบเนียนเหมือนเดิม หมอมีคำแนะนำในการดูแลให้ 5 ข้อ เดี๋ยวเรามาดูกันเลยว่าใน 5 ข้อนี้จะมีอะไรบ้าง 

  1. หลังจากที่ทำการรักษาเสร็จเรียบร้อย ในวันแรกจะมีพวกรอยแดงจางๆ หรือมีสะเก็ดเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น หมอจะให้ยาทาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ พร้อมกับพลาสเตอร์เพื่อป้องกันไม่ให้แผลโดนน้ำ 
  2. เลี่ยงการโดนน้ำ 24 ชั่วโมง และหมั่นทาขี้ผึ้งอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่สะเก็ดแผลจะได้หลุดออก จะเห็นเป็นรอยไม่กี่วันเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะหายเป็นปกติ 
  3. หลังจากที่ผ่านไป 1 วัน คนไข้สามารถแกะพลาสเตอร์ออกและถูกน้ำได้แล้ว ในการดูแลรักษาแผลทางหมอจะให้ยา พร้อมกับอุปกรณ์ทำแผลเรียบร้อย ในช่วงที่เริ่มมีรอยตกสะเก็ดห้ามคนไข้แกะออกเด็ดขาด ปล่อยให้มันหลุดเองตามธรรมชาติของมัน 
  4. เลี่ยงการโดนแดดได้จะดีมาก เมื่อแผลหายดีแล้วควรที่จะทาครีมกันแดดด้วยก็ดี 
  5. เลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง หรือว่าแต่งหน้า ให้รอจนกว่าแผลหายสนิทถึงจะกลับมาใช้ได้เหมือนเดิม 

การดูแลผิวหน้าหลังจากการ จี้ไฝ หรือลบรอยที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆด้วยเครื่อง CO2 Laser หมอคิดว่าการดูแลเพียงแค่ 5 ข้อตรงนี้ ทุกคนคงจะเข้าใจและสามารถนำไปปฏิบัติกันได้ 

คนไข้สามารถคลิกดูวีดีโอคลิปรีวิวการตัดไฝ ขี้แมลงวัน กระเนื้อ ได้เลยค่ะ


ซื้อครีมกำจัดติ่งเนื้อมาใช้เองดีไหม

สำหรับตรงนี้ หมอต้องอธิบายให้ทุกคนได้เข้าใจก่อนว่าก่อนที่จะมีเครื่อง CO2 Laser ที่เป็นเครื่อง จี้ไฝ หรือ กำจัดขี้แมลงวัน โดยตรง มันยังมีอีกหลายๆวิธีที่สามารถ กำจัดไฝ กระเนื้อ หรือ ติ่งเนื้อ ได้เหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่น การใช้ยาแต้มเฉพาะ หมอจะเรียกว่ายาดีกว่านะ เพราะทางเทคนิคการแพทย์แล้วจะเรียกว่ายา สำหรับยาที่สามารถลบพวกสิ่งเหล่านี้ออกไปได้มันก็มีขายให้เห็นเยอะแยะตามร้านขายยา ไม่ใช่ตามท้องตลาดทั่วไป ซึ่งเปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยเมื่อเทียบกันกับ การทำเลเซอร์คือเทียบไม่ได้อยู่แล้ว เพราะทุกคนรู้ดีกันอยู่แล้วการทำเลเซอร์จะมีปลอดภัยกว่า

 แต่สำหรับคนที่ไม่ได้มีงบถึงขนาดนั้น ถ้าอยากจะซื้อยาไปรักษาเองที่บ้าน ความปลอดภัยมันก็จะลดลงมาเหลือแค่ 85% สาเหตุที่เปอร์เซ็นต์ความปลอดภัยมันลดลงก็เพราะว่าการอ่านเพียงแค่วิธีการรักษาข้างกล่องอย่างเดียวมันยังไม่เพียงพอ มันไม่เหมือนกับการทำเลเซอร์ที่จะมีแพทย์คอยให้คำแนะนำอยู่ตลอด การรักษาด้วยตัวเองโอกาสที่จะเป็นหลุมแผล หรือติดเชื้อมันมีโอกาส แต่มันอาจจะไม่มากเท่ากับการซื้อครีมตามท้องตลาด ที่มีการโฆษณาว่ารักษาได้จริงๆ สำหรับคนที่ไม่มีงบจริงๆ หมอแนะนำว่าให้รอในจังหวะที่พร้อมจะดีกว่า เพราะการที่ไปซื้อยาตามท้องตลาดมาใช้มันอันตรายมาก โอกาสที่จะถูกหลอกมีเยอะ อีกทั้งผลข้างเคียงที่จะตามมามันก็ไม่คุ้มกันด้วย ถ้าเป็นแค่รอยแผลอย่างเดียวไม่เท่าไหร่ แต่ถ้าหากว่าติดเชื้อขึ้นมาโอกาสลุกลามไปทั่วทั้งใบหน้า อีกทั้งค่ารักษาแพงกว่าค่าครีมที่ไปซื้อมาอีก ดังนั้นควรคิดให้ดีก่อนที่จะไปซื้อยากำจัดไฝ ขี้แมลงวัน ติ่งเนื้อ ตามท้องตลาดมาใช้นะ 

การจี้ไฝด้วยเลเซอร์ vs การแต้มไฝ

ข้อสรุป

สำหรับคนที่คิดมาตลอดเลยว่าการ จี้ไฝ การ กำจัดขี้แมลงวัน หรือพวก กระเนื้อ ติ่งเนื้อ เป็นเรื่องที่ยากและเป็นไปไม่ได้ พอได้เข้ามาฟังที่หมอเล่าแบบนี้ ก็คงจะหายกังวลใจไปได้เยอะ อย่างที่หมอเล่าให้ฟังตั้งแต่แรก มีคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้มากมาย ไม่ได้มีเพียงแค่คุณคนเดียวเท่านั้น ด้วยนวัตกรรมใหม่ที่ทันสมัยขึ้น ทำให้การ กำจัดไฝ มันง่ายขึ้นแถมยังสะดวกและประหยัดเวลาได้เยอะเลย สำหรับใครที่มีปัญหาตรงนี้ ถ้าหากว่าได้เข้ามาปรึกษากับหมอโดยตรง หมอก็จะแนะนำวิธีที่ง่ายและปลอดภัยที่สุดนั้นก็คือ การกำจัดสิ่งพวกนี้ด้วยเครื่อง CO2 Laser เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วย รักษากระ ได้เป็นอย่างดี ลดรอยแผลเป็น สามารถจำกัดติ่งเนื้อได้แบบถาวร โอกาสที่มันจะกลับมาอีกมีน้อยมาก ถ้าเทียบกับการรักษาด้วยวิธีอื่นแล้ว วิธีนี้ถือว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด และสำหรับใครที่คิดว่าจะไปซื้อครีมจำกัดกระ หรือติ่งเนื้อมาใช้ หมอข้อสั่งห้ามเลย ครีมตามท้องตลาดหมอไม่แนะนำ แต่ถ้าหากว่าเป็นยาแต้มเฉพาะที่ขายตามร้านขายยาที่มีหมอค่อยให้คำแนะนำ ถ้าเป็นในกรณีนี้หมออนุโลมให้ แต่ถ้าจะให้ดีจริงๆ รักษาด้วยวิธีที่หมอแนะนำจะดีที่สุด 


รีวิวกำจัดไฝ
รีวิวCO2 Laserกำจัดขี้แมลงวัน
เพิ่มเพื่อนไลน์