sculptra คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว ฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก
ผิวหย่อนคล้อย ผิวขาดน้ำ หลายปัญหาผิวที่ต้องเจอเมื่ออายุเข้าเลข 3 ทำยังไงดี? ฉีด Filler ดีไหม? หยุดก่อน หากเจอปัญหาผิวหน้าเหล่านี้ อย่าเพิ่งไปฉีดฟิลเลอร์ ยังมีอีกหนึ่งหัตการการฟื้นบำรุงผิวหน้า ให้กลับมาอ่อนเยาว์ได้ ด้วย Sculptra นวัตกรรมการกู้คืนผิวแห้งกร้านให้กลับมาอ่อนเยาว์ คืนความสวยสู่ผิว ให้กลับมาใส เด้ง แบบที่เคย
sculptra คืออะไร
Sculptra เรียกว่า PLLA หรือ Poly-L-Lactic acid ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 เป็นสารสังเคราะห์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิวเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า
โดยจะฉีด Sculptra เพื่อเป็นการ กระตุ้นคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว เพื่อเรียกเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ มาช่วยในการทำงาน ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างป็นธรรมชาติ ซึ่งจะคงปริมาตรได้ดีกว่า HA (Hyaluronic Acid) ทั่วไป โดยสลายตัวช้ากว่าทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมากกว่า
Collagen ส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวสุขภาพดี
คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด สามารถพบคอลลาเจนได้ในผิวหนัง หลอดเลือด เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มีหน้าที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นกับเนื้อเยื่อภายในร่างกาย รวมทั้งช่วยในการพยุงโครงสร้างของผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีส่วนในกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังเวลาเกิดบาดแผลหรือมีการบาดเจ็บ เมื่ออายุมากขึ้น อัตราการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังจะลดลง จะทำให้ผิวหนังดูหย่อนคล้อยได้ การกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวสดใส จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน
Collagen ที่พบได้ในร่างกาย
โดยทั่วไปแล้วคอลลาเจนมีหลายชนิด และแตกต่างกันไปตามหน้าที่ในร่างกาย แต่คอลลาเจนที่สำคัญและควรรู้จักมีอยู่ 5 ชนิดด้วยกัน ดังนี้
- คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) ซึ่งพบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย และสำคัญที่สุดช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น การสมานแผล สามารถพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
- คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นชนิดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบมากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีหน้าที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน
- คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) มักพบร่วมกับประเภทที่ 1 คือพบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย แต่พบได้น้อยกว่าประมาณ 10 %
- คอลลาเจนประเภทที่ 4 (Collagen Type IV) เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว พบมากบริเวณเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือดอีกด้วย
- คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) สามารถพบได้ในบริเวณเดียวกันกับชนิดที่ 1 เป็นคอลลาเจนที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ พบในผิวของเซลล์ และเส้นผม
หน้าที่สำคัญของ Collagen ที่มีต่อผิวหนัง
- ช่วยให้ผิวตึง กระชับ เสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวตลอดเวลา
- ลดริ้วรอย และความหยาบกร้านของผิวหนัง
- รักษาสมดุลน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิว
- ส่งเสริมกระบวนการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์
- ปกป้องและสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างชั้นผิวภายใน
sculptra ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิว ช่วยให้ผิวแห้งกร้าน กลับมานุ่มชุ่มชื่น
- ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใส ผิวสดใส ไม่หมองคล้ำ
- ลดริ้วรอยบนใบหน้า
- กระตุ้นคอลลาเจน คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว
sculptra เหมาะสำหรับใครบ้าง หรือผู้ที่มีปัญหาผิวด้านใด
Sculptra เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดซึ่งเกิดขึ้นตามวัย และด้วยอนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA-SCA) ที่เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนธรรมชาติให้ผลิตเพิ่มมากขึ้น รวมถึงฟื้นฟูโครงสร้างภายในชั้นลึกของผิวเพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวดูยกกระชับขึ้น ผิวสดใสขึ้น และช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพร้อมปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือว่า Sculptra ตอบโจทย์ของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเหมาะมากๆ กับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์จากการฉีดที่ยาวนาน เพราะจากการวิจัยพบว่า Sculptra สามารถให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี
sculptra มีความปลอดภัยหรือไม่
Sculptra ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 และยังปราศจากส่วนผสมของมนุษย์และสัตว์ มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ โดยองค์ประกอบได้รับการปรับให้เข้ากับร่างกายมนุษย์มากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและการปฏิเสธ จึงไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบการแพ้ก่อนการรักษา เมื่อเวลาผ่านไปสารออกฤทธิ์จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกายอย่างสมบูรณ์
หลักการทำงานของ sculptra มีการทำงานอย่างไร
หลังจากฉีด Sculptra เข้าสู่ชั้นล่างของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังแล้ว ตัวยาจะเริ่มกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ เติมเต็มช่องว่างที่ทำให้เกิดริ้วรอย ส่วนสารสำคัญใน Sculptra จะค่อยๆถูกดูดซึมและมีการเปลี่ยนแปลงเป็น Lactic acid ไปกระตุ้นขบวนการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจน โดยผ่านการเรียกเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ มาช่วยในการทำงาน โดยขบวนการดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 5 หลังรับการรักษาและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องให้ผลิตคอลลาเจนของตัวเองอีกครั้ง ทำให้คืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ
จากผลการวิจัย จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen type1 สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่งถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่สามารถผลิต Collagen type1 ได้มากเทียบเท่ากับ Sculptra เลยในตอนนี้
ก่อนการฉีดและหลัง sculptra มีการเตรียมตัวอย่างไร
การเตรียมตัวก่อนการรักษา :
- ไม่ฉีดหรือทำการรักษาหน้าด้วยหัตถการตัวอื่นๆ มาก่อนประมาณ 2 – 4 อาทิตย์
- หยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่มยาแอสไพริน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดเพื่อป้องการอาการฟกช้ำ
- งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นต้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด
- ดูแลสุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
- ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่
การดูแลหลังการรักษา :
- สามารถล้างหน้า แต่งหน้าได้ หลังฉีด 2-3 ชั่วโมง
- ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการรักษา ให้ประคบเย็น เพื่อลดอาการปวด บวมช้ำ
- ใน 24 ชั่วโมงแรก งดออกกำลังกายหนัก งดซาวน่า และงดออกแดดจัด
- หลักการแบบ Triple5 เพื่อให้อนุภาคสาร PLLA กระจายตัวไปทั่วบริเวณใบหน้า และไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่เราต้องการ ซึ่งจะต้องทำการนวดครั้งละ 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 5 วัน ง่ายๆ แต่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
- รับประทานวิตามินซีอย่างน้อยวันละ 1,000 มิลลิกรัม ในช่วง 3 เดือนแรก
ข้อดีของการฉีด sculptra
- การกระตุ้นคอลลาเจน เป็นการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเติมเต็มคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เรียงตัวแน่นขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งจะส่งผลให้
- ใบหน้ายกกระชับขึ้น
- ลดริ้วรอย ผิวเต่งตึงเรียบเนียนขึ้น
- คืนความสมดุลให้ผิวอิ่มน้ำ ละเอียด แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน
- แก้ปัญหาผิวขาดน้ำ ให้กลับมาดูอิ่มน้ำ ผิวสดใสขึ้น
นอกจากนี้ยังสามารถกำจัดเซลลูไลท์ส่วนเกินในหลายตำแหน่งด้วย เช่น สะโพก ต้นขา ต้นแขน
การฉีด sculptra ควรทำการฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์
การฉีด Sculptra ต้องผ่านการประเมินกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า และขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ว่าเหมาะกับการทำจำนวนกี่ครั้ง ซึ่งแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ถ้าปัญหาเยอะมากๆ อาจจะต้องทำประมาณ 2-4 ครั้ง โดยห่างกันทุก 4-6 สัปดาห์
ผลลัพธ์ของการรักษาอยู่ได้นานแค่ไหน
ผลลัพธ์หลังการรักษาด้วย Sculptra จะอยู่ได้นานถึง 2 ปี เพราะเป็นการคงอยู่ของคอลลาเจนที่สร้างขึ้นด้วยตนเองตามธรรมชาติ โดยในบางรายอาจอยู่ได้ถึง 3 ปี ขึ้นกับการดูแลแต่ละบุคคล
ข้อควรระวังในการฉีด sculptra
- ไม่ควรใช้ Sculptra ในผู้ที่แพ้ส่วนผสมใดๆ ของผลิตภัณฑ์ อาทิ poly-L-lactic acid” (PLLA), carboxymethylcellulose (USP) , non-pyrogenic mannitol (USP).
- ผู้ที่มีประวัติการเกิดคีลอยด์หรือมีแผลเป็นนูน
- ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)
- ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเกิดการอักเสบในตำแหน่งที่ต้องการรักษา
- ผู้ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
ในการฉีด sculptra สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆได้ไหม
หากคนไข้ต้องการที่จะทำหัตถการอื่นๆร่วมด้วย แนะนำให้ทำหลังจากทำ Sculptra ไปแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์ ในตำแหน่งเดียวกัน
ข้อสรุป
สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้า ต้องการเข้ารับการรักษา แต่กำลังลังเลว่า จะเลือกทำSculptra หรือฉีด Filler ดี ต้องบอกให้เห็นภาพชัดเจนก่อนว่าทั้ง 2 หัตถการนี้มีความแตกต่างกันตรงที่ Sculptra สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่า Filler อย่างมาก ในขณะที่ Filler มีความสามารถในการเพิ่ม Volume ได้ดีกว่า ฉะนั้นการจะเลือกการรักษาตัวใดจึงขึ้นกับปัญหาของคนไข้เป็นสำคัญ
การรักษาด้วย Sculptra เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่อยากแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ไม่สดใส มีริ้วรอย ผิวไม่กระชับ สามารถเลือกรักษาโดยวิธี Sculptra ได้เลย สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อสอบถามข้อมูล และเข้ารับการเช็คสภาพผิวเพื่อทำการรักษาต่อไปได้