Posts

Sculptra ฟื้นฟูผิว

sculptra คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิว ฟื้นฟูผิวอย่างล้ำลึก

ผิวหย่อนคล้อย ผิวขาดน้ำ หลายปัญหาผิวที่ต้องเจอเมื่ออายุเข้าเลข 3 ทำยังไงดี? ฉีด Filler ดีไหม? หยุดก่อน หากเจอปัญหาผิวหน้าเหล่านี้ อย่าเพิ่งไปฉีดฟิลเลอร์ ยังมีอีกหนึ่งหัตการการฟื้นบำรุงผิวหน้า ให้กลับมาอ่อนเยาว์ได้ ด้วย Sculptra นวัตกรรมการกู้คืนผิวแห้งกร้านให้กลับมาอ่อนเยาว์ คืนความสวยสู่ผิว ให้กลับมาใส เด้ง แบบที่เคย


sculptra คืออะไร

Sculptra เรียกว่า PLLA หรือ Poly-L-Lactic acid ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 เป็นสารสังเคราะห์ที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิวเพื่อลดริ้วรอยบนใบหน้า 

โดยจะฉีด Sculptra เพื่อเป็นการ กระตุ้นคอลลาเจน และอิลาสตินใต้ชั้นผิว เพื่อเรียกเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ มาช่วยในการทำงาน ช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างป็นธรรมชาติ ซึ่งจะคงปริมาตรได้ดีกว่า HA (Hyaluronic Acid) ทั่วไป โดยสลายตัวช้ากว่าทำให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมากกว่า


Collagen ส่วนสำคัญที่ทำให้ผิวสุขภาพดี

คอลลาเจน เป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ที่ประกอบด้วยกรดอะมิโนหลายชนิด สามารถพบคอลลาเจนได้ในผิวหนัง หลอดเลือด เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ มีหน้าที่ให้ความแข็งแรงและความยืดหยุ่นกับเนื้อเยื่อภายในร่างกาย รวมทั้งช่วยในการพยุงโครงสร้างของผิวหนัง นอกจากนี้ยังมีส่วนในกระบวนการซ่อมแซมผิวหนังเวลาเกิดบาดแผลหรือมีการบาดเจ็บ เมื่ออายุมากขึ้น อัตราการสร้างคอลลาเจนในผิวหนังจะลดลง จะทำให้ผิวหนังดูหย่อนคล้อยได้ การกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวสดใส จึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน


Collagen ที่พบได้ในร่างกาย

โดยทั่วไปแล้วคอลลาเจนมีหลายชนิด และแตกต่างกันไปตามหน้าที่ในร่างกาย แต่คอลลาเจนที่สำคัญและควรรู้จักมีอยู่ 5 ชนิดด้วยกัน ดังนี้ 

  • คอลลาเจนชนิดที่ 1 (Collagen Type I) ซึ่งพบมากถึง 90% ของคอลลาเจนทั้งหมดในร่างกาย และสำคัญที่สุดช่วยในการเสริมความยืดหยุ่น การสมานแผล สามารถพบได้ในผิวหนัง เส้นผม กระดูก เนื้อเยื่อ และผนังหลอดเลือด
  • คอลลาเจนชนิดที่ 2 (Collagen Type II) เป็นชนิดที่มีความยืดหยุ่นมากกว่าชนิดที่ 1 พบมากในกระดูก กระดูกอ่อน และข้อต่อ มีหน้าที่ช่วยในการสร้างกระดูกอ่อน
  • คอลลาเจนชนิดที่ 3 (Collagen Type III) มักพบร่วมกับประเภทที่ 1 คือพบในผิว กล้ามเนื้อ และผนังหลอดเลือด และเนื้อเยื่อเกี่ยวพันในร่างกาย แต่พบได้น้อยกว่าประมาณ 10 %
  • คอลลาเจนประเภทที่ 4 (Collagen Type IV) เป็นคอลลาเจนที่มีลักษณะเฉพาะตัว พบมากบริเวณเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่หุ้มกล้ามเนื้อและไขมัน นอกจากนี้ ยังมีส่วนช่วยในเรื่องการทำงานของระบบประสาทและเส้นเลือดอีกด้วย
  • คอลลาเจนชนิดที่ 5 (Collagen Type V) สามารถพบได้ในบริเวณเดียวกันกับชนิดที่ 1 เป็นคอลลาเจนที่เป็นองค์ประกอบของเยื่อบุเซลล์ต่าง ๆ พบในผิวของเซลล์ และเส้นผม

หน้าที่สำคัญของ Collagen ที่มีต่อผิวหนัง

  • ช่วยให้ผิวตึง กระชับ เสริมสร้างความยืดหยุ่นให้กับผิวตลอดเวลา
  • ลดริ้วรอย และความหยาบกร้านของผิวหนัง
  • รักษาสมดุลน้ำและกักเก็บความชุ่มชื้นในชั้นผิว
  • ส่งเสริมกระบวนการสร้างและซ่อมแซมเซลล์ผิวให้เป็นไปอย่างสมบูรณ์
  • ปกป้องและสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างชั้นผิวภายใน

 sculptra ช่วยเรื่องอะไรบ้าง

  • ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างใต้ชั้นลึกของผิว ช่วยให้ผิวแห้งกร้าน กลับมานุ่มชุ่มชื่น
  • ช่วยให้ใบหน้าดูกระจ่างใส ผิวสดใส ไม่หมองคล้ำ
  • ลดริ้วรอยบนใบหน้า
  • กระตุ้นคอลลาเจน คืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว

sculptra เหมาะสำหรับใครบ้าง หรือผู้ที่มีปัญหาผิวด้านใด

Sculptra เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อย มีริ้วรอยที่เห็นได้ชัดซึ่งเกิดขึ้นตามวัย และด้วยอนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA-SCA) ที่เมื่อฉีดเข้าไปในร่างกายแล้วจะช่วยกระตุ้นคอลลาเจนธรรมชาติให้ผลิตเพิ่มมากขึ้น รวมถึงฟื้นฟูโครงสร้างภายในชั้นลึกของผิวเพื่อให้ผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวดูยกกระชับขึ้น ผิวสดใสขึ้น และช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพร้อมปรับปรุงคุณภาพของผิวให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งถือว่า Sculptra ตอบโจทย์ของคนกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังเหมาะมากๆ กับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์จากการฉีดที่ยาวนาน เพราะจากการวิจัยพบว่า Sculptra สามารถให้ผลลัพธ์ที่อยู่ได้ยาวนานถึง 2 ปี  


sculptra มีความปลอดภัยหรือไม่

Sculptra ได้รับการอนุมัติจาก FDA ในสหรัฐอเมริกาและถูกใช้ทั่วโลกตั้งแต่ปี 1999 และยังปราศจากส่วนผสมของมนุษย์และสัตว์ มีความเข้ากันได้ทางชีวภาพ โดยองค์ประกอบได้รับการปรับให้เข้ากับร่างกายมนุษย์มากที่สุด ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงของผลข้างเคียงและการปฏิเสธ จึงไม่จำเป็นต้องมีการทดสอบการแพ้ก่อนการรักษา เมื่อเวลาผ่านไปสารออกฤทธิ์จะถูกย่อยสลายและกำจัดออกจากร่างกายอย่างสมบูรณ์


หลักการทำงานของ sculptra มีการทำงานอย่างไร

หลังจากฉีด Sculptra เข้าสู่ชั้นล่างของเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังแล้ว ตัวยาจะเริ่มกระจายตัวอย่างสม่ำเสมอ เติมเต็มช่องว่างที่ทำให้เกิดริ้วรอย ส่วนสารสำคัญใน Sculptra จะค่อยๆถูกดูดซึมและมีการเปลี่ยนแปลงเป็น Lactic acid ไปกระตุ้นขบวนการสังเคราะห์เส้นใยคอลลาเจน โดยผ่านการเรียกเม็ดเลือดขาวที่เรียกว่า แมคโครฟาจ มาช่วยในการทำงาน โดยขบวนการดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 5 หลังรับการรักษาและเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องให้ผลิตคอลลาเจนของตัวเองอีกครั้ง ทำให้คืนความอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

จากผลการวิจัย จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการผลิต Collagen type1 สูงถึง 66.5% หลังจากฉีดไปแล้ว 3 เดือน ซึ่งถ้าเทียบกับผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ตัวไหนที่สามารถผลิต Collagen type1 ได้มากเทียบเท่ากับ Sculptra เลยในตอนนี้


ก่อนการฉีดและหลัง  sculptra มีการเตรียมตัวอย่างไร

การเตรียมตัวก่อนการรักษา : 

  • ไม่ฉีดหรือทำการรักษาหน้าด้วยหัตถการตัวอื่นๆ มาก่อนประมาณ 2 – 4 อาทิตย์  
  • หยุดการใช้ยาแก้ปวด กลุ่มยาแอสไพริน อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีดเพื่อป้องการอาการฟกช้ำ 
  • งดวิตามินที่ทำให้เลือดหยุดไหลยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นต้น เป็นเวลา 2 สัปดาห์ 
  • งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1-3 วัน ก่อนการฉีด 
  • ดูแลสุขภาพร่างกายอยู่ในสภาพปกติแข็งแรงดี ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง 
  • ไม่ได้อยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรอยู่

การดูแลหลังการรักษา : 

  • สามารถล้างหน้า แต่งหน้าได้ หลังฉีด 2-3 ชั่วโมง 
  • ใน 24 ชั่วโมงแรกหลังการรักษา ให้ประคบเย็น เพื่อลดอาการปวด บวมช้ำ
  • ใน 24 ชั่วโมงแรก งดออกกำลังกายหนัก งดซาวน่า และงดออกแดดจัด
  • หลักการแบบ Triple5 เพื่อให้อนุภาคสาร PLLA กระจายตัวไปทั่วบริเวณใบหน้า และไปช่วยกระตุ้นคอลลาเจนในบริเวณที่เราต้องการ ซึ่งจะต้องทำการนวดครั้งละ 5 นาที 5 ครั้งต่อวัน เป็นระยะเวลาติดต่อกัน 5 วัน ง่ายๆ แต่ทำให้ได้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น
  • รับประทานวิตามินซีอย่างน้อยวันละ 1,000 มิลลิกรัม ในช่วง 3 เดือนแรก

ข้อดีของการฉีด sculptra 

  • การกระตุ้นคอลลาเจน เป็นการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวอย่างเป็นธรรมชาติ โดยเติมเต็มคอลลาเจนใต้ชั้นผิวให้เรียงตัวแน่นขึ้นอย่างเป็นระเบียบ ซึ่งจะส่งผลให้ 
  • ใบหน้ายกกระชับขึ้น 
  • ลดริ้วรอย ผิวเต่งตึงเรียบเนียนขึ้น
  • คืนความสมดุลให้ผิวอิ่มน้ำ ละเอียด แก้ปัญหาผิวแห้งกร้าน 
  • แก้ปัญหาผิวขาดน้ำ ให้กลับมาดูอิ่มน้ำ ผิวสดใสขึ้น

นอกจากนี้ยังสามารถกำจัดเซลลูไลท์ส่วนเกินในหลายตำแหน่งด้วย เช่น สะโพก ต้นขา ต้นแขน 


การฉีด sculptra ควรทำการฉีดกี่ครั้งถึงเห็นผลลัพธ์

การฉีด Sculptra ต้องผ่านการประเมินกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญว่า และขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคล ว่าเหมาะกับการทำจำนวนกี่ครั้ง ซึ่งแต่ละคนจะไม่เท่ากัน ถ้าปัญหาเยอะมากๆ อาจจะต้องทำประมาณ 2-4 ครั้ง  โดยห่างกันทุก 4-6 สัปดาห์


ผลลัพธ์ของการรักษาอยู่ได้นานแค่ไหน

ผลลัพธ์หลังการรักษาด้วย Sculptra จะอยู่ได้นานถึง 2 ปี เพราะเป็นการคงอยู่ของคอลลาเจนที่สร้างขึ้นด้วยตนเองตามธรรมชาติ โดยในบางรายอาจอยู่ได้ถึง 3 ปี ขึ้นกับการดูแลแต่ละบุคคล


ข้อควรระวังในการฉีด sculptra

  • ไม่ควรใช้ Sculptra ในผู้ที่แพ้ส่วนผสมใดๆ ของผลิตภัณฑ์ อาทิ poly-L-lactic acid” (PLLA), carboxymethylcellulose (USP) , non-pyrogenic mannitol (USP).
  • ผู้ที่มีประวัติการเกิดคีลอยด์หรือมีแผลเป็นนูน
  • ผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ชนิดรุนแรง (Anaphylaxis)
  • ผู้ที่มีการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเกิดการอักเสบในตำแหน่งที่ต้องการรักษา 
  • ผู้ที่อยู่ในระหว่างตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร 

ในการฉีด sculptra สามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นๆได้ไหม

หากคนไข้ต้องการที่จะทำหัตถการอื่นๆร่วมด้วย แนะนำให้ทำหลังจากทำ Sculptra ไปแล้วประมาณ 2-4 สัปดาห์ ในตำแหน่งเดียวกัน


ข้อสรุป

สำหรับใครที่มีปัญหาผิวหน้า ต้องการเข้ารับการรักษา แต่กำลังลังเลว่า จะเลือกทำSculptra หรือฉีด Filler ดี ต้องบอกให้เห็นภาพชัดเจนก่อนว่าทั้ง 2 หัตถการนี้มีความแตกต่างกันตรงที่  Sculptra สามารถกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ดีกว่า Filler อย่างมาก ในขณะที่ Filler มีความสามารถในการเพิ่ม Volume ได้ดีกว่า ฉะนั้นการจะเลือกการรักษาตัวใดจึงขึ้นกับปัญหาของคนไข้เป็นสำคัญ 

การรักษาด้วย Sculptra  เป็นอีกหนึ่งหัตถการที่อยากแนะนำให้ผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งกร้าน ไม่สดใส มีริ้วรอย ผิวไม่กระชับ สามารถเลือกรักษาโดยวิธี Sculptra ได้เลย สามารถปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อสอบถามข้อมูล และเข้ารับการเช็คสภาพผิวเพื่อทำการรักษาต่อไปได้ 


Exosome

Exosome ฟื้นฟูผิวเสียให้แข็งแรง ด้วยนวัตกรรมที่มากกว่า Stem Cell

Exosome baby skin booster ทางเลือกใหม่ของการซ่อมแซมผิวหน้าให้กลับมาอ่อนเยาว์แบบเร่งด่วน ที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมมากขึ้น ในช่วงปี 2023 นี้ Exosome นั้นเป็นหนึ่งในนวัตกรรมทางการแพทย์ที่ช่วยฟื้นฟูผิวหน้าให้แลดูอ่อนเยาว์ ปรับสภาพผิวให้กลับมาเปล่งปลั่ง หน้าใส พร้อมทั้งช่วยเติมความชุ่มชื้น ทำให้ผิวอิ่มฟูและดูเด็กลงได้อย่างรวดเร็ว สำหรับใครที่สนใจและกำลังหาข้อมูลเกี่ยวกับ Exosome สำหรับฟื้นบำรุงผิว บทความนี้จะมาไขทุกข้อสงสัยให้กับคุณกันค่ะ 

Exosome คืออะไร

Exosome คือ สารสำคัญที่เซลล์ทุกเซลล์ภายในร่างกายสามารถหลั่งออกมาเพื่อทำการสื่อสารระหว่างเซลล์ โดยสาร Exosome ที่หลั่งออกมาจากเซลล์จะถูกบรรจุอยู่ในถุงเล็กๆ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30-150 นาโนเมตร ภายในถุงที่บรรจุสาร Exosome นั้นมีสารชีวโมเลกุลรวมกว่า 1,000 ชนิด ได้แก่ กรดอะมิโนจำเป็น (amino-acid), ไขมัน (Lipid), Growth factor, Cytokines, mRNA, miRNA, DNA เป็นต้น ซึ่งสารเหล่านี้จะถูกส่งไปยังเซลล์เป้าหมายเพื่อให้เซลล์ทำตามคำสั่งที่ได้รับมา นอกไปจากการสื่อสารระหว่างเซลล์แล้วนั้น Exosome ยังมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูเซลล์โดยรอบ ด้วยการกระตุ้นให้เซลล์อ่อนวัยและทำงานได้อย่างสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณประโยชน์ในด้านความงามและการฟื้นฟูเซลล์ผิวของ Exosome ที่ทำให้ผิวกลับมายืดหยุ่นและกระชับ ลดริ้วรอย เพิ่มความกระจ่างใสพร้อมปรับให้ผิวดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น 

Exosome

  กลไกการทำงานของ Exosome มีกลไกการทำงานดูแลเรื่องผิวอย่างไร

Exosome ประกอบไปด้วยสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการสื่อสารกับเซลล์อื่น ๆ เหมือนกับการส่งข้อความบอกเซลล์อื่น ๆ ให้รับรู้ ซึ่งสารที่เป็นส่วนประกอบ มีดังนี้

  • Cytokines

เป็นสารกลุ่มโปรตีนหรือโมเลกุลขนาดเล็กที่เกิดขึ้นภายในร่างกายโดยเซลล์ต่าง ๆ ซึ่งจะมีหน้าที่เป็นตัวกำหนดการเจริญเติบโตของเซลล์ และปรับปรุงสมดุลของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย รวมถึงช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมเซลล์ผิว ลดอาการอักเสบ ปรับภูมิคุ้มกันผิว และรักษาบาดแผลให้หายเร็วขึ้น

  • Growth factor

สารโปรตีนขนาดเล็กมีผลในการกระตุ้นและส่งเสริมการเจริญเติบโตของเซลล์ในร่างกาย โดยเฉพาะในเรื่องของการควบคุมการแบ่งตัวของเซลล์ การสร้างเซลล์ใหม่ และเพิ่มจำนวนเซลล์ ทำให้เซลล์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่จะช่วยซ่อมแซมผิว กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย และช่วยชะลอวัย

  • miRNA

miRNA ย่อมาจาก MicroRNA เป็นสายโมเลกุล RNA ขนาดเล็ก ที่จะช่วยปรับระดับการทำงานของยีนและควบคุมระดับ mRNA ภายในเซลล์ให้เป็นปกติ โดยกระตุ้นยีนที่ดีเพื่อสร้างโปรตีน และยับยั้งยีนที่ทำงานผิดปกติ เพื่อให้เซลล์อยู่ในสภาวะที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโต และมีประสิทธิภาพในการซ่อมแซมและฟื้นฟูผิวในระดับลึกถึงเซลล์ได้ดี

  • Biological compounds

เป็นสารชีวโมเลกุลต่าง ๆ ที่สเต็มเซลล์สร้างขึ้น เพื่อใช้ในการรักษาและปรับสมดุลภายในเซลล์ให้ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น กรดไขมัน กรดอะมิโน โปรตีน เป็นต้น โดยสารเหล่านี้จะช่วยส่งเสริมการทำงานของเซลล์และระบบต่าง ๆ ในร่างกาย ที่จะมีผลต่อการเจริญเติบโต การฟื้นฟู ปรับปรุงสุขภาพของผิวให้ดูสมบูรณ์ และมีสุขภาพดีมากยิ่งขึ้น

หลักการทำงานของ Exosome

หลักการทำงานของ Exosome คือ การใช้สารชีวโมเลกุลต่าง ๆ เข้าไปในเซลล์โดยตรง โดยใช้ถุงนี้เป็นตัวกลาง โดยเซลล์จะใช้สารในถุงนี้เป็นเหมือนกับข้อความในจดหมาย ซึ่งถูกบรรจุแล้วส่งออกไปบอกเซลล์อื่นๆให้รับรู้ โดยจะเคลื่อนที่ไปมาระหว่าง เซลล์ผิวหนังที่เกี่ยวข้องกับการหมุนเวียน ทำให้เกิดการเผาผลาญของผิวหนัง เกิดการสร้างไฟโบรบลาสต์ที่ผลิตคอลลาเจนและอีลาสติน และมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ป้องกันการสร้างเซลล์ผิวหนังและการเสื่อมสภาพของเซลล์ มีผลในการช่วยส่งส่วนประกอบของยาที่เกี่ยวข้องกับโรคไปยังเซลล์ เพื่อช่วยในการฟื้นฟูและ ซ่อมแซมผิว 

ประโยชน์ของ Exosome ช่วยเรื่องผิวหนังอะไรบ้าง

  1. Exosome ช่วยเรื่องผิวหน้าและหน้าใส
  • ช่วยซ่อมแซมผิวได้ล้ำลึกถึงระดับเซลล์ ช่วยจัดการปัญหาผิวได้อย่างเห็นผล
  • กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ปรับผิวให้แข็งแรงจากภายใน ลดอาการผิวแพ้ง่าย ผิวอักเสบ
  • กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสตินในชั้นผิว ทำให้ผิวหน้าเต่งตึงและกระชับ ยืดหยุ่น แลดูอ่อนเยาว์
  • ช่วยกระตุ้นการทำงานของสารต้านอนุมูลอิสระในชั้นผิว ชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ผิว 
  • ช่วยเติมความชุ่มชื้น ผิวดูอิ่มน้ำ หน้าใส ดูเปล่งปลั่งสุขภาพดีมากขึ้น
  • Exosome ช่วยยับยั้งการสร้างเม็ดสี ลดการเกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และช่วยปรับสีผิวให้สม่ำเสมอมากขึ้น 
  • ลดเลือนรอยแผลเป็น รอยหลุมสิว
  1. Exosome ช่วยเรื่องเส้นผมและหนังศีรษะ

เอ็กโซโซม นอกจากจะถูกนำมาใช้ในนวัตกรรมการบำรุงผิวมากขึ้น เพราะสามารถช่วยฟื้นฟูผิวได้อย่างรวดเร็ว และเป็นธรรมชาติ ยังได้มีการนำเอามาใช้ในการบำรุงผม และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม ลดปัญหาผมร่วง ปลูกผม รวมทั้งฟื้นฟูรากผมที่เสื่อมสภาพให้กลับมาแข็งแรง และมีเส้นผมงอกใหม่ได้อีกครั้งด้วย

การฉีด Exosome สามารถฉีดจุดไหนได้บ้าง

Exosome สามารถฉีดได้ทั่วใบหน้า หรือฉีดเฉพาะจุดที่มีปัญหาผิวหน้า เช่น 

  • ใต้ตา ช่วยลดใต้ตาคล้ำ ให้ดูสว่าง สดใส 
  • หน้าผาก ช่วยลดริ้วรอยบริเวณหน้าผาก 
  • ร่องแก้ม เพิ่มความยืดหยุ่นให้ผิวบริเวณร่องแก้มกระชับขึ้น 
  • แก้ม ช่วยลดการแพ้ ลดจุดด่างดำ และการอักเสบของผิว 
  • ลำคอ ช่วยลดริ้วรอยบริเวณลำคอ 
  • กรอบหน้า กระตุ้นคอลลาเจน กรอบหน้าชัดขึ้น
ฉีด Exosome

Exosome แตกต่างจาก Rejuran อย่างไร

Exosome

  • สารประกอบหลัก สารชีวโมเลกุลที่ถูกปล่อยออกมาจาก Stemcell เช่น growth factor, peptides, amino acids, coenzymes, hyaluronic acid
  • จุดเด่น Skin Rejuvenation แก้ปัญหาริ้วรอย รูขุมขนกว้าง รอยสิว ฝ้า กระ จุดด่างดำ 
  • เหมาะกับใคร ผู้ที่มีริ้วรอย ฝ้า กระ จุดด่างดำ สิว หลุมสิว รอยแผลเป็น รูขุมขนกว้าง ผิวไม่เรียบเนียน ผิวแห้ง หน้าโทรม
  • ระยะเวลาเห็นผล เห็นผลใน 3 วัน แนะนำให้ฉีดต่อเนื่องเดือนละครั้งในช่วง 3-4 เดือน
  • ระยะเวลาการคงผลลัพธ์ ฉีด 1 ครั้งอยู่ได้นาน 1 เดือน ฉีดต่อเนื่อง 3 ครั้ง อยู่ได้นาน 6-12  เดือน 

Rejuran

  • สารประกอบหลัก Polynucleotide หรือ PN บริสุทธิ์ เข้มข้น 2% สกัดจาก DNA Salmon
  • จุดเด่น ฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์ ปรับสภาพผิว หน้าใส กระชับรูขุมขน 
  • เหมาะกับใคร ผู้ที่มีผิวหน้าโทรม ไม่สดใส มีริ้วรอย รูขุมขนกว้าง มีหลุมสิวตื้น ๆ   
  • ระยะเวลาเห็นผล เห็นผลใน 3-5 วัน แนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 4 ครั้ง ห่างกัน 2-3 สัปดาห์
  • ระยะเวลาการคงผลลัพธ์ ฉีด 1 ครั้งอยู่ได้นาน 1 เดือน ฉีดต่อเนื่อง 4 ครั้ง อยู่ได้นาน 6 เดือน 

การเตรียมตัวก่อนฉีด – หลังฉีด Exosome

  1. วิธีการเตรียมตัวก่อนฉีด Exosome

ศึกษาข้อมูลที่จำเป็น ทั้งการเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐาน แพทย์ที่เชี่ยวชาญ เทคนิคในการทำ รวมถึงวิธีการสังเกตตัวยาว่าแท้หรือไม่ 

งดยาแอสไพริน, NSAIDs, วิตามิน St. John’s Wort, Ginkgo Biloba, Primrose Oil, Garlic, Ginseng, Vitamin E

งดคอร์สเลเซอร์ ดึงหรือโกนขนบริเวณที่จะฉีด 

งดยาผลัดเซลล์ผิวและนวดหน้าอย่างน้อย 3 วัน ก่อนฉีด

หากมีโรคประจำตัวหรือยาที่ต้องรับประทานประจำควรแจ้งแพทย์ก่อนทุกครั้ง

  1. การดูแลตัวเองหลังฉีด Exosome

งดสัมผัส หรือนวดหน้าแรง ๆ 

งดการสครับผิว ขัดผิว ลอกผิว หรือเลเซอร์ผิว  

หลีกเลี่ยงแสงแดด รังสี UV หรืออากาศร้อนจัด เช่น อาบแดด ซาวน่า    

งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 

ดื่มน้ำให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตร/วัน (8-10 แก้ว)

 คำถามที่พบบ่อย

  • Q : ใครบ้างที่เหมาะกับการฉีด Exosome

A: ผู้ที่ต้องการ ซ่อมแซมผิวหน้าให้ดูเด็ก อ่อนเยาว์ ปรับผิวให้เรียบเนียน ดูสุขภาพดี มีปัญหาผิวอ่อนแอ ผิวแพ้ง่าย ผิวอักเสบ มีปัญหาริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ขาดความยืดหยุ่น สีผิวไม่สม่ำเสมอ ฝ้า กระ จุดด่างดำ ผิวแห้งเสียหยาบกร้าน ผิวขาดความชุ่มชื้น มีรอยแผลเป็น รอยหลุมสิวและมีรูขุมขนกว้าง 

  • Q: Exosome ไม่เหมาะที่จะใช้กับใครบ้าง

A: ผู้ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ,ผู้ที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับผิวหนัง ควรรักษาโรคให้หายดีก่อนแล้วจึงค่อยฉีด Exosome รวมไปถึง ผู้ที่มีภาวะเลือดหยุดไหลยากหรือเลือดออกไม่หยุด

  • Q : ข้อดีที่ควรฉีด Exosome เป็นอย่างไร

A : เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด ไม่เจ็บ ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรง ไม่ต้องพักฟื้น สามารถเห็นผลลัพธ์หลังการรักษาได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งยังสามารถทำรวมกับการรักษาอื่น ๆ ได้ โดยการฉีดเพื่อเตรียมผิวให้พร้อมสำหรับการเลเซอร์ในครั้งถัดไป ซึ่งจะส่งผลให้การตอบสนองต่อการเลเซอร์ดีขึ้น และสามารถทำพร้อมทรีตเมนต์ผมอื่น ๆ หรือทำหลัง ปลูกผมถาวร  แล้ว เพื่อเสริมความแข็งแรงให้กับรากผมมากขึ้น

  • Q : หลังฉีด Exosome ไปแล้วกี่วันจะเริ่มเห็นผล

A : เห็นผลได้ภายใน 3-5 วัน  

  • Q : การฉีด Exosome สามารถฉีดได้บ่อยแค่ไหน

A : การฉีดเอ็กโซโซมควรทำอย่างน้อย 3-5 ครั้ง โดยห่างกันทุก 1 เดือน ซึ่งแต่ละครั้งผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6 เดือน ถึง 2 ปี โดยขึ้นอยู่กับปัญหาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล รวมถึงการดูแลผิวหลังฉีดด้วย ซึ่งหลังจากทำครบ 3-5 ครั้งแล้ว สามารถทำต่อเนื่องได้ทุก ๆ 6-12 เดือน เพื่อให้เห็นผลลัพธ์และคงการรักษาที่มีประสิทธิภาพไว้ 

  • Q : หลังฉีด Exosome จะมีผลข้างเคียงหรือไม่
  • A : ไม่มีผลข้างเคียงที่รุนแรงหลังฉีด โดยก่อนฉีดแพทย์จะทำการแปะยาชา ระหว่างฉีดจะไม่รู้สึกเจ็บ ตัวยาไม่แสบผิว และอาจมีผลข้างเคียงเล็กน้อยคือ จะมีรอยแดง และตุ่มขึ้นบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะสามารถหายไปได้เองในระยะเวลาไม่นาน และในวันรุ่งขึ้นสามารถแต่งหน้าได้ตามปกติ

ข้อสรุป

Exosome คือ สารที่สร้างจากเซลล์ มีหลายประเภท เซลล์สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการติดต่อสื่อสารกันระหว่างเซลล์รวมถึงการสั่งงานต่างๆ โดยการฟื้นฟูผิวคือช่วยเพิ่มคอลลาเจนในชั้นผิว ทำให้ผิวกระชับ ช่วยลดเม็ดสีที่ผิดปกติ สำหรับท่านใดที่กำลังมองหานวัตกรรมการซ่อมแซมผิวที่ไม่ต้องผ่าตัด และไม่อยากเจ็บตัว Exosome ถือว่าตอบโจทย์สำหรับสาวๆในยุคนี้มาก แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากต้องการฉีด Exosome ควรเลือกคลินิกที่ได้มาตรฐานและมีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเข้ารับการเช็คสภาพผิวและทำการรักษาต่อไป